ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ว่าฯ ขอนแก่นแถลงข่าวตอกย้ำความเหมาะสมจัดตั้งโครงการไอซีดี แจงทุกประเด็นข้อกังขา ระบุศูนย์ไอซีดีขอนแก่นจะเป็นแห่งแรกที่สร้างในภูมิภาค ใช้เงินลงทุนเบื้องต้นราว 600 ล้านบาท ปริมาณสินค้าที่ใช้บริการช่วงแรกมีถึง 1.9 .ล้านตัน/ปี ขณะที่ผลตอบแทนทางเศรษฐศาสตร์สูงกว่า 26%
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 9 ตึกเพียรวิจิตร คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) นายเจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นได้แถลงข่าวยืนยันศักยภาพในการตั้งศูนย์ขนส่งและกระจายสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ (Inland Container Depot - ICD) ทางรถไฟ ณ จังหวัดขอนแก่น
"ที่ผ่านมามีกระแสข่าวสับสนว่าโครงการจัดตั้งไอซีดีขอนแก่นมีความเหมาะสมหรือไม่ ลงทุนไปแล้วจะคุ้มค่าแค่ไหน และจะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมกี่มากน้อย เพราะเป็นโครงการเมกกะโปรเจกต์ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง" นายเจตน์กล่าว และยอมรับว่า
โครงการลงทุนที่เป็นเมกกะโปรเจกต์ทุกโครงการจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบรอบด้าน โดยเฉพาะความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์ว่าลงทุนไปแล้วมีจุดคุ้มทุนหรือไม่ ซึ่งโครงการจัดตั้งศูนย์บริการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ทางรถไฟที่จังหวัดขอนแก่น ตนเห็นว่าจุดที่ตั้งของขอนแก่นมีศักยภาพสูงมาก มีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ทั้งยังสอดรับกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ของรัฐบาล เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ เหมาะเป็นศูนย์กลางลอจิสติกส์ภูมิภาคอินโดจีน
นายเจตน์กล่าวว่า หากมีการตัดสินใจลงทุนก่อสร้างศูนย์ไอซีดี ณ จังหวัดขอนแก่น ศูนย์ไอซีดีแห่งนี้จะเป็นแห่งแรกในภูมิภาคของประเทศ ซึ่งมีขนาดพื้นที่การให้บริการแตกต่างจากศูนย์ไอซีดีลาดกระบัง โดยศูนย์ไอซีดีแห่งนี้จะแบ่งสถานีย่อยออกเป็น 2 สถานี เพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ โดยผลการศึกษาประมาณการว่าจะใช้เงินลงทุนในเบื้องต้นราว 600 ล้านบาท
สำหรับปริมาณสินค้าที่เข้า-ออกในพื้นที่ภาคอีสานตอนบนนั้นก็มีปริมาณมากพอต่อการขนส่งและกระจายสินค้าผ่านศูนย์ไอซีดีขอนแก่น โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรและอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น แป้งมันสำปะหลัง น้ำตาล ข้าว ฯลฯ จากผลการศึกษาพบว่าสินค้าส่งออกที่สามารถเข้ามาใช้บริการศูนย์ไอซีดีแห่งนี้ในช่วงแรกของการเปิดให้บริการน่าจะมีปริมาณถึง 1,927,813 ต้น/ปี หรือคิดเป็นตู้คอนเนอร์จำนวน 113,401TEUs ต่อปี
ขณะที่ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการเงินของโครงการนั้น นายเจตน์ชี้แจงว่า จากผลการศึกษาและวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์พบว่าการจัดตั้งศูนย์ไอซีดีที่จังหวัดขอนแก่นจะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจสูงถึง 26% ผลตอบแทนทางการเงิน 14.8% ในกรณีที่รัฐเป็นผู้ลงทุนไอซีดีเป็นโครงสร้างพื้นฐานผลตอบแทนที่ได้ทางเศรษฐศาสตร์ดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศเป็นอย่างมาก เพราะสามารถลดการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการขนส่งจากรถบรรทุกมาเป็นรถไฟ
นอกจากนี้ยังจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดสินค้าเพื่อการส่งออกของภาคอีสาน ลดจำนวนรถบรรทุกที่แล่นอยู่บนโครงข่ายถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลดลงอีกด้วย
"ผมเชื่อว่าโครงการไอซีดีขอนแก่นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมและมีการตั้งโรงงานมากขึ้น สิ่งตามมาคือความต้องการแรงงานในพื้นที่ที่เพิ่มสูงขึ้น และท้ายสุดความต้องการผลผลิตทางการเกษตรก็จะเพิ่มขึ้นตาม ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรก็จะดีขึ้น" ผู้ว่าฯ ขอนแก่นกล่าว
ด้าน ดร.พนกฤษณ คลังบุญครอง หัวหน้าคณะทีมงานที่ปรึกษาโครงการก่อสร้างไอซีดี จ.ขอนแก่น กล่าวต่อว่า จากการเปิดเวทีรับฟังความเห็นของชาวขอนแก่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาแล้ว 2 ครั้ง ความเห็นที่สะท้อนกลับต่างเห็นด้วยที่จะให้มีสร้างไอซีดีขอนแก่น ดังนั้นขอนแก่นจึงสมควรจะพัฒนาโครงการนี้ต่อ เพื่อเตรียมความพร้อมรับกับการเป็นศูนย์กลางระบบลอจิสติกส์ของภูมิภาคในอนาคต
ปัจจุบันไอซีดีที่ลาดกระบังเองก็มีขีดจำกัดการให้บริการขนส่งสินค้า จนต้องจัดทำแผนพัฒนาสร้างแห่งที่ 2 เพิ่มมูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าไอซีดีขอนแก่นมีความจำเป็นต้องสร้างเพื่อรองรับการบริการขนส่งสินค้าในภูมิภาค ซึ่งเบื้องต้นไม่จำเป็นต้องสร้างขนาดใหญ่เหมือนกับไอซีดีที่ลาดกระบัง