xs
xsm
sm
md
lg

อาจารย์และนิสิต ม.บูรพาร่วมรดน้ำศพ “น้องหญิง”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - อาจารย์และนิสิต ม.บูรพากว่า 300 คนร่วมพิธีรดน้ำศพของ “น้องหญิง” ที่ร.พ.ชลบุรี ด้าน “จงรัก” เผยความคืบหน้าคดีคงต้องเปลี่ยนข้อหาแจ้งรุ่นพี่เป็นกระทำโดยประมาทให้ผู้อื่นได้รับอันตรายถึงแก่ความตาย

วันนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่โรงพยาบาลชลบุรี ได้มีพิธีรดน้ำศพของนางสาวสุพัตรา มหาอุดม หรือน้องหญิง นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ที่ประสบอุบัติเหตุในระหว่างการซ้อมอเมริกันเชียร์ร่วมกับรุ่นพี่ จนสมองได้รับความกระทบกระเทือนทำให้เสียชีวิต

นางเสมอแข เกตุผาสุข นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชลบุรี มาเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี รวมถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยบูรพา พร้อมด้วยบรรดาอาจารย์และนิสิตจากคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มรุ่นพี่ชมรมอเมริกันเชียร์ เดินทางมาร่วมรดน้ำศพน้องหญิงด้วยประมาณ 300 คน โดยนางเสมอแขและ พล.ต.ท.จงรัก ได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับบิดาและมารดาของน้องหญิงเพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำเนินการพิธีบำเพ็ญกุศลต่อไป

นอกจากนั้น พล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ได้เปิดเผยหลังจากเข้ารดน้ำศพน้องหญิงด้วยว่า เมื่ออาการของน้องหญิงซึ่งแต่เดิมได้รับอันตรายสาหัส นอนหมดสติไม่รู้สึกตัว และต่อมาได้ถึงแก่ความตาย ข้อหาที่จะดำเนินคดีกับรุ่นพี่ก็คงต้องเปลี่ยนไปตามสภาพข้อเท็จจริง จากเดิมที่ได้ตั้งข้อหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เปลี่ยนเป็นการทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งก็เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้

ส่วนการฝึกซ้อมเชียร์ของรุ่นพี่จะถือว่าเป็นอุบัติเหตุได้หรือไม่ ในเรื่องนี้จากการสอบสวนพบว่าการฝึกซ้อมที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐาน ไม่มีการเตรียมการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้น ไม่มีเบาะนุ่มรองรับที่พื้น รวมทั้งไม่มีผู้ฝึกซ้อมที่มีความรู้ และไม่ได้ผ่านการฝึกซ้อมที่เป็นขั้นเป็นตอนเช่นเดียวกับการฝึกเล่นยิมนาสติก รวมถึงน้องหญิงที่ถูกกำหนดให้เล่นท่าตีลังกากลับหลังกลางอากาศ ไม่ได้มีการฝึกซ้อมยิมนาสติกที่พื้นในการม้วนหลังมาก่อน แต่รุ่นพี่กลับจับโยนขึ้นไปจนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

ดังนั้น จึงถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอ จึงมีมูลความผิดฐานประมาท แต่ตรงกันข้ามหากการฝึกซ้อมเชียร์ลีดเดอร์เป็นไปตามมาตรฐานและใช้ความระมัดระวังให้เพียงแล้วยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกจึงจะถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ซึ่งในกรณีนี้ตนก็รู้สึกเห็นใจรุ่นพี่ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะกฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพนักงานอัยการและศาล ที่จะพิจารณาต่อไปตามกระบวนการยุติธรรม





กำลังโหลดความคิดเห็น