อุบลราชธานี - "ยายไฮ ห้วยละห้า" ได้รับเสนอชื่อชิงรางโนเบล สาขาสันติภาพ ในนามองค์กรสตรีนักต่อสู้ของสมัชชาคนจน เผยสุดปลื้มที่ต่างประเทศรับทราบมีองค์กรสตรีเคลื่อนไหวต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชน ส่วนจะได้รางวัลหรือไม่ไม่สำคัญ ฝากรัฐคืนเงินชดเชยทรัพย์สินที่ใช้เป็นทุนเรียกร้องสิทธิที่ดินตลอด 27 ปีที่ต้องขายที่อยู่ที่ทำกินหมดไปกว่า 2 ล้านบาท
กรณีการต่อสู้ของนางไฮ ขันจันทา หญิงชราวัย 76 ปีจากจังหวัดอุบลราชธานี ที่ต่อสู้ในสิทธิที่ดินของตนเองกว่า 27 ปีจนภาครัฐยอมทำลายฝายกั้นน้ำนำที่ดินคืนให้กับนางไฮเมื่อปี 2547 ที่ผ่านมา ล่าสุดในปี 2548 นี้ นางไฮได้รับการเสนอชื่อร่วมรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในนามองค์กรสตรีนักต่อสู้ของสมัชชาคนจน
นางไฮ ขันจันทา เปิดเผยถึงรายละเอียดการได้รับเสนอชื่อรับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพว่า การเสนอชื่อรับรางวัลในนามองค์กรเกิดผลดีต่อประเทศชาติ ทำให้ต่างประเทศทราบว่ามีองค์กรอิสระที่ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชนอยู่ในประเทศนี้ รู้สึกดีใจที่ถูกเสนอชื่อ
ส่วนจะได้รับรางวัลหรือไม่ ไม่ได้ให้ความสำคัญนัก เพียงต้องการให้ทั่วโลกรับทราบกรณีที่โครงการพัฒนาของรัฐหรือเอกชนที่ลิดรอนสิทธิผู้อื่น ผู้หญิงจนๆ คนหนึ่งพร้อมเคลื่อนไหวเรียกร้องเอาสิทธิของตนเองคืน เหมือนกรณีของตนที่ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องขอที่นาคืนมาเป็นเวลานานถึง 27 ปี
การถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลโนเบลครั้งนี้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่าปัจจุบันผู้ถูกลิดรอนสิทธิมีช่องทางต่อสู้เมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอเพียงไม่ท้อแท้กับการถูกกดดัน กล้าที่จะเรียกร้องเอาสิทธิคืน ฝากถึงผู้หญิงในชุมชนต่างๆ ที่ถูกกดขี่ข่มเหงรังแกจากโครงการพัฒนาของรัฐหรือของเอกชนให้ลุกขึ้นมาสู้เหมือนตน
นางไฮเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่หลังได้รับที่ดินคืนว่า ฤดูการทำนาเมื่อปี 2547 ซึ่งเป็นฤดูกาลทำนาบนที่ดินของตนเองเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี ได้ข้าวเปลือกจำนวนมาก ส่วนหนึ่งเก็บไว้กินตลอดทั้งปี ที่เหลือขายได้เงินมากว่า 84,000 บาท โดยนำเงินไปใช้หนี้ ธ.ก.ส. ที่เหลือเก็บไว้ซื้อที่ดินเพิ่มเติม โดยตั้งความหวังว่าในรอบ 3 ปีจะรวบรวมเงินซื้อที่ดินครั้งละ 5 ไร่ เพื่อให้มีพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น ให้มีรายได้เข้าสู่ครอบครัวมากขึ้นด้วย
ปัจจุบันครอบครัวนางไฮมีวัวจำนวน 7 ตัว ม้า 2 ตัว วัวและม้าได้ใช้เงินที่ประชาชนบริจาคไปซื้อมาเลี้ยง ถ้าครอบครัวของตนไม่ตกระกำลำบากจากการสร้างเขื่อนห้วยละห้าในอดีตจะเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีครอบครัวหนึ่งในอำเภอ เพราะตลอด 27 ปีที่ต่อสู้ขอที่ดินคืน ได้ขายที่ดินที่เป็นบ้านอยู่อาศัยไป 4 ไร่ ขายที่ดินเกษตรกรรม 35 ไร่ ขายโรงสี 1 โรง ขายวัว ควาย หมู ม้า 47 ตัว เครื่องประดับที่เป็นเงินและนาครวมเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เป็นทุนต่อสู้เรียกร้อง
“ขอฝากให้รัฐบาลช่วยพิจารณาชดเชยมูลค่าทรัพย์สินที่สูญเสียไปด้วย เพราะสมัยที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็นเลขานุการนายกรัฐมนตรี รับปากจะนำเรื่องพิจารณาให้ แต่เวลาล่วงเลยมากว่า 1 ปีไม่มีอะไรคืบหน้า เมื่อคนใหม่มาทำหน้าที่แทนจึงขอให้เลขานุการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ช่วยพิจารณาเรื่องค่าชดเชยให้ด้วย ไม่ใช่ได้คืบแล้วจะเอาศอก แต่ขอสิ่งที่สูญเสียไปจากโครงการพัฒนาของรัฐคืนมาเท่านั้น” นางไฮกล่าว
สำหรับเรื่องราวการต่อสู้ของนางไฮ ขันจันทา ทำให้ได้รับรางวัลแม่ดีเด่นสาขาแม่ผู้สู้ชีวิตประจำปี 2547 จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับรางวัลสตรีผู้ต่อสู้เพื่อปกป้องตนเองจากการถูกละเมิดสิทธิจากกองงานกิจกรรมสตรีและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รางวัลนักปราชญ์ชาวบ้านจากมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก
ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์สาขานิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยวงศ์เชาวลิตกุล และล่าสุดได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2548


