ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์” ลงพื้นที่โคราชลุยสอบทุจริตปลอมปนข้าวหอมมะลิ บุกตรวจโกดัง “เจียเม้ง” ผู้ผลิตและส่งออกข้าวยักษ์ใหญ่ของประเทศ พร้อมเก็บตัวอย่างไปพิสูจน์ดีเอ็นเอ ชี้จะเร่งตรวจสอบกลุ่มที่ไม่แน่ใจว่าปลอมปนทุกรายทั้ง 45 โกดังทั่วประเทศ เผยกลุ่มแรกที่มั่นใจว่าไม่มีปลอมปน 39 โกดังจะรู้ผลตรวจดีเอ็นเอ 29 มิ.ย.นี้ ขู่หากพบมีการปลอมปนจะดำเนินคดีตามกม.เด็ดขาด และยึดทรัพย์ตามนโยบายนายกฯ ทักษิณทันที
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่โกดังเก็บข้าวสารคลังสมบูรณ์การค้า เลขที่ 177 หมู่ 4 ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.เสรี พิศุทธิ์ เตมียเวส จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2547/48 พร้อมคณะ เดินทางเข้าตรวจสอบโกดังเก็บข้าวสารหอมมะลิของบริษัท เจียเม้ง จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของประเทศ ยี่ห้อ “หงษ์ทอง”
ทั้งนี้ระพิศ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจียเม้ง จำกัด ได้พาคณะของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เดินตรวจสอบทางกายภาพภายในโกดังเก็บข้าวสารดังกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้สุ่มเก็บตัวอย่างข้าวหอมมะลิภายในโกดังกลับไปตรวจสอบพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ยังห้องปฏิบัติการหรือห้องแล็บด้วย เพื่อพิสูจน์ว่ามีการปลอมปนหรือไม่
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส จเรตำรวจแห่งชาติ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวหอมมะลิ เปิดเผยว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกในปีการผลิต 2547/48 ปรากฏว่าข้าวสารหอมมะลิตามโกดังเก็บข้าวต่างๆ มีการปลอมปนข้าวอย่างอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียงกันจำนวนมาก เช่น ข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งข้าวชนิดดังกล่าวมีความคล้ายคลึงและเหมือนกับข้าวหอมมะลิมาก ดังนั้นคณะกรรมการฯ จึงกระจายชุดตรวจสอบลงพื้นที่ตรวจสอบการปลอมปนข้าวตามโกดังที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำของรัฐบาลทุกแห่งทั่วประเทศ
โดยขณะนี้ได้เก็บตัวอย่างข้าวสารเพื่อนำไปตรวจสอบเสร็จสิ้นไปแล้วส่วนหนึ่ง คือ กลุ่มโกดังข้าวสารหอมมะลิที่แสดงความมั่นใจว่าไม่มีการปลอมปน จำนวน 39 โกดัง ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ได้ส่งตัวอย่างข้าวสารจากการสุ่มเก็บตัวอย่างในโกดังเหล่านี้ไปทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอข้าว คาดว่าประมาณวันที่ 29 มิ.ย. นี้จะทราบผลการตรวจที่ชัดเจน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียเวส กล่าวอีกว่า สำหรับในกลุ่มที่ไม่แน่ใจว่ามีการปลอมปนข้าวในโกดังหรือไม่ คือ กลุ่มที่คณะกรรมการฯ ได้เดินทางมาตรวจสอบในวันนี้ (21 มิ.ย.) โดยกลุ่มนี้ให้เวลาจนถึงวันที่ 10 มิ.ย. เพื่อให้จัดตัวเองให้เรียบร้อย ถ้าไม่แน่ใจก็สามารถนำเอาข้าวของดีมาทดแทนไว้ได้ ก่อนที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยกลุ่มนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 45 โกดังทั่วประเทศ
ขณะนี้ผ่านวันที่ 10 มิ.ย.มาแล้ว มีผู้แจ้งยืนยันว่าไม่มีความมั่นใจว่ามีการปลอมปนหรือไม่ ประมาณ 15 โกดัง ส่วนอีก 40 โกดังที่เหลือยังไม่แจ้งเข้ามา ก็แสดงว่ายังไม่มั่นใจว่ามีการปลอมปนหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เราจะทำการตรวจสอบหมดทั้ง 45 โกดัง ซึ่งกระจายอยู่ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือบางส่วน ซึ่งข้าวกลุ่มนี้มีปริมาณมาก ต้องใช้ระยะในการดำเนินการนานพอสมควร เช่น โกดังข้าวที่โคราชแห่งนี้เป็นโกดังที่ใหญ่มากมีข้าวกว่า 5.9 แสนกระสอบ ต้องใช้เวลาตรวจหลายวัน ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ค้นเจาะตรวจสอบกองกระสอบข้าวสารในโกดังให้ลงลึกที่สุด เพราะการซุกซ่อนข้าวที่มีปัญหาการปลอมปนของผู้ประกอบการมักจะซุกไว้ในที่ๆ เราตรวจสอบได้ยาก
“ส่วนกลุ่มที่มั่นใจว่าไม่มีการปลอมปนที่วันที่ 29 มิ.ย.นี้ จะทราบผลการตรวจสอบได้อย่างชัดเจนนั้น หากผลตรวจสอบพบว่ามีการปลอมปนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด อาจจะต้องดำเนินการยึดทรัพย์ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายไว้ด้วย เพราะถือว่า เป็นการทำลายประเทศชาติ คิดแต่จะเอาผลประโยชน์อย่างเดียว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ กล่าว
ด้านนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัทเจียเม้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในเครือของบริษัทเจียเม้ง ได้เช่าโกดังเก็บข้าวสารหอมมะลิไว้จำนวน 19 โกดัง มีข้าวสารอยู่ในโกดังตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลประมาณ 3 ล้านกระสอบ ในจำนวนนี้เป็นโกดังเก็บข้าวสารในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาจำนวน 15 โกดัง ที่เหลือตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.สระบุรี ซึ่งได้ยืนยันแล้วว่าอยู่ในกลุ่มไม่มั่นใจว่ามีการปลอมปนหรือไม่ และต้องการให้ทีมงานของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์เข้ามาทำการตรวจสอบทั้งหมด
สำหรับคลังสมบูรณ์การค้า ที่ อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ซึ่งคณะกรรมการฯ ชุดของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เดินทางมาตรวจสอบในวันนี้ ( 21 มิ.ย.) ทางบริษัทฯ ได้เช่าโกดังของสมบูรณ์การค้าเพื่อเก็บข้าวสารหอมมะลิจำนวนทั้งหมด 5.9 แสนกระสอบ และถือว่าเป็นโกดังขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทจากทั้ง 19 แห่ง
ขณะที่มีการเปิดรับจำนำข้าวจากเกษตรกร รวมทั้งจากโรงสีต่างๆ ขั้นแรกบริษัทฯ ได้ดำเนินการสุ่มตรวจไปแล้วอย่างรอบคอบตามกระบวนการตรวจสอบของบริษัท ซึ่งบริษัทได้ให้ความสำคัญและเข้มงวดอย่างมาก เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารระดับโลกที่ต้องรักษาชื่อเสียงภาพพจน์ และมาตรฐานคุณภาพของสินค้าอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากมีข้าวเป็นปริมาณมาก การสุ่มตรวจอาจจะหลุดลอดได้ จึงได้แจ้งเข้าอยู่ในกลุ่มไม่มั่นใจว่าจะมีปัญหาการปลอมปนหรือไม่ เพื่อให้ทางการเข้ามาตรวจสอบอย่างโปร่งใส ดังกล่าว