ลำปาง – ตุลาการศาลปกครองลงพื้นที่สุสานหอยขม 13 ล้านปี จับพิรุธ กฟผ.ปกปิดข้อมูลท้องถิ่น ด้าน กฟผ.ยันอนุรักษ์ 18 ไร่ เท่านั้น หวั่นสูญรายได้กว่า 7 พันล้านบาท
วันนี้ (6 มิถุนายน 2548)นายวีระ แสงสมบูรณ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง พร้อมด้วยคณะ เดินทางมารับทราบข้อเท็จจริงกรณีที่ กฟผ.ขุดพบสุสานหอยบริเวณแอ่งเหมืองลิกไนต์ เขตพื้นที่ประทานบัตรโ ดยมีตัวแทนทนาย และชาวบ้านเข้ารับฟังและร่วมซักถาม ผู้แทน จาก กฟผ.แม่เมาะ เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
ในที่ประชุมชาวบ้านได้ซักถามหลายประเด็นต่อ กฟผ.แม่เมาะ โดยเฉพาะการขุดพบสุสานหอยขม แล้วไม่แจ้งให้ชาวบ้านและอบต.ในพื้นที่ทราบ แต่ยังคงดำเนินการขุดลิกไนต์ในบริเวณที่พบสุสานหอยขมต่อไป
นายวีระ แสงสมบูรณ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อมาดูพื้นที่ที่มีการขุดพบสุสานหอยขม พร้อมกับรับฟังข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน-ฝ่ายทนายและ คำชี้แจงของ กฟผ.ต่อกรณีดังกล่าวก่อนที่จะพิจารณาคดีในชั้นศาลเร็วๆนี้
ด้านนายถาวร นามกนกพร หัวหน้าฝ่ายแผนและปฏิบัติการเหมือง กฟผ.แม่เมาะ กล่าวว่าจะอนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าวตามมติ ครม.อย่างไรก็ตาม กฟผ.มีความจำเป็น ที่จะเดินหน้าในการขุดลิกไนต์ในบริเวณดังกล่าวต่อไป เพราะต้องใช้ลิกไนต์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ทั้งนี้หากอนุรักษ์พื้นที่ที่พบสุสานหอยขมจำนวน 43 ไร่ ไว้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณถ่านหินลิกไนต์สำรองแน่นอน และจะทำให้ กฟผ.สูญรายได้ไปมากกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้เพียง 18 ไร่เท่านั้น
นายศุภชัย ตรงงาม ทนายความฝ่ายชาวบ้าน กล่าวว่า กฟผ.ไม่ขอความเห็นชอบจากชาวบ้านในพื้นที่ก่อนที่จะมีการขุดลิกไนต์บริเวณที่พบว่า สุสานหอยตามตั้งแต่ต้นและเรียกร้องให้กฟผ. ยุติการขุดลิกไนต์บริเวณดังกล่าวเป็นการชั่วคราวก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งตัดสินคดี
ด้านนายเฉลี่ยว แกนนำยื่นฟ้อง กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.มีความผิดตั้งแต่ต้น โดยไม่ได้มีการแจ้งหรือรายงานให้กับ อบต.และชาวบ้านรับทราบ ก่อนที่จะดำเนินการขุดซากหอยขมที่มีอายุมากถึง 13 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมรดกของแผ่นดิน รวมทั้ง กฟผ.ควรจะยุติการลิกไนต์บริเวณดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ระหว่างที่เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ที่ผ่านมา กฟผ.ได้อ้างว่าชาวบ้านหรือ อบต. เห็นชอบให้ดำนินการมาโดยตลอดทั้งที่ชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมแม้แต่ครั้งเดียว สุสานหอยขมจะต้องได้รับการอนุรักษ์ต่อไป
วันนี้ (6 มิถุนายน 2548)นายวีระ แสงสมบูรณ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง พร้อมด้วยคณะ เดินทางมารับทราบข้อเท็จจริงกรณีที่ กฟผ.ขุดพบสุสานหอยบริเวณแอ่งเหมืองลิกไนต์ เขตพื้นที่ประทานบัตรโ ดยมีตัวแทนทนาย และชาวบ้านเข้ารับฟังและร่วมซักถาม ผู้แทน จาก กฟผ.แม่เมาะ เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง
ในที่ประชุมชาวบ้านได้ซักถามหลายประเด็นต่อ กฟผ.แม่เมาะ โดยเฉพาะการขุดพบสุสานหอยขม แล้วไม่แจ้งให้ชาวบ้านและอบต.ในพื้นที่ทราบ แต่ยังคงดำเนินการขุดลิกไนต์ในบริเวณที่พบสุสานหอยขมต่อไป
นายวีระ แสงสมบูรณ์ ตุลาการศาลปกครองกลาง กล่าวว่า การเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อมาดูพื้นที่ที่มีการขุดพบสุสานหอยขม พร้อมกับรับฟังข้อเท็จจริงจากชาวบ้าน-ฝ่ายทนายและ คำชี้แจงของ กฟผ.ต่อกรณีดังกล่าวก่อนที่จะพิจารณาคดีในชั้นศาลเร็วๆนี้
ด้านนายถาวร นามกนกพร หัวหน้าฝ่ายแผนและปฏิบัติการเหมือง กฟผ.แม่เมาะ กล่าวว่าจะอนุรักษ์พื้นที่ดังกล่าวตามมติ ครม.อย่างไรก็ตาม กฟผ.มีความจำเป็น ที่จะเดินหน้าในการขุดลิกไนต์ในบริเวณดังกล่าวต่อไป เพราะต้องใช้ลิกไนต์ในการผลิตกระแสไฟฟ้า
ทั้งนี้หากอนุรักษ์พื้นที่ที่พบสุสานหอยขมจำนวน 43 ไร่ ไว้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณถ่านหินลิกไนต์สำรองแน่นอน และจะทำให้ กฟผ.สูญรายได้ไปมากกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งกฟผ.จำเป็นต้องอนุรักษ์ไว้เพียง 18 ไร่เท่านั้น
นายศุภชัย ตรงงาม ทนายความฝ่ายชาวบ้าน กล่าวว่า กฟผ.ไม่ขอความเห็นชอบจากชาวบ้านในพื้นที่ก่อนที่จะมีการขุดลิกไนต์บริเวณที่พบว่า สุสานหอยตามตั้งแต่ต้นและเรียกร้องให้กฟผ. ยุติการขุดลิกไนต์บริเวณดังกล่าวเป็นการชั่วคราวก่อนที่ศาลปกครองจะมีคำสั่งตัดสินคดี
ด้านนายเฉลี่ยว แกนนำยื่นฟ้อง กฟผ.กล่าวว่า กฟผ.มีความผิดตั้งแต่ต้น โดยไม่ได้มีการแจ้งหรือรายงานให้กับ อบต.และชาวบ้านรับทราบ ก่อนที่จะดำเนินการขุดซากหอยขมที่มีอายุมากถึง 13 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นมรดกของแผ่นดิน รวมทั้ง กฟผ.ควรจะยุติการลิกไนต์บริเวณดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ระหว่างที่เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ที่ผ่านมา กฟผ.ได้อ้างว่าชาวบ้านหรือ อบต. เห็นชอบให้ดำนินการมาโดยตลอดทั้งที่ชาวบ้านไม่ได้มีส่วนร่วมแม้แต่ครั้งเดียว สุสานหอยขมจะต้องได้รับการอนุรักษ์ต่อไป