ศูนย์ข่าวขอนแก่น-วิทยาลัยประชาคมนานาชาติหนองคาย-อุดรฯ นำร่องระบบการศึกษาแนวใหม่ในไทย ตามแบบวิทยาลัยประชาคมอเมริกัน สอนด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษ มุ่งรับนักเรียนจบ ม.6ในเขตอีสานตอนบนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษาเป็นหลัก เผยอัตราส่วนนักเรียนกับครูดีที่สุดในประเทศ
ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ ผู้อำนวยการวิทยาลัยประชาคมนานาชาติ หนองคาย-อุดรธานี เปิดเผยว่า วิทยาลัยประชาคมนานาชาติหนองคาย-อุดรธานี เปิดทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปี 2545 ภายใต้เจตนารมณ์ ของการจัดตั้งวิทยาลัยฯที่มุ่งเน้นให้การศึกษาแก่เด็กนักเรียนด้อยโอกาสที่จบมัธยม 6 หรือ ปวช.ในอุดรธานี-หนองคายที่ไม่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ จัดทำการเรียนการสอนด้วยหลักสูตรภาษาอังกฤษ โดยอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิจากอเมริกา อังกฤษและประเทศอื่นๆ
เป้าหมายสูงสุด ต้องการให้นักเรียนที่จบจากวิทยาลัยฯ มีความแข็งแกร่งทั้งทางด้านภาษาและคอมพิวเตอร์ รวมทั้งวิชาพื้นฐานสำหรับสาขา ที่จะเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ทั้งในและต่างประเทศ ผู้ที่จบการศึกษาจากวิทยาลัยประชาคมนานาชาติแห่งนี้จะได้รับประกาศนียบัตร อนุปริญญา สาขาศิลปศาสตร์ ซึ่งต้องเรียนให้ได้ครบ 70 หน่วยกิต
วิทยาลัยประชาคมนานาชาติหนองคาย-อุดรธานีถือเป็นวิทยาลัยเปิด เป็นวิทยาลัยนำร่องการศึกษาแนวใหม่ ผนวกเอาแบบอย่างการเรียนการสอนจากวิทยาลัยประชาคมอเมริกัน(community colege)เพื่อผูกเข้ากับกระแสโลกาภิวัตน์ ด้วยการสร้างประชาคมที่มีองค์ประกอบเป็นสากล คือ มีอาจารย์และนักเรียนหลากหลายจากชาติต่างๆร่วมกันสร้างท้องถิ่นให้เข้มแข็ง(locally stromg)และมีความรอบรู้ทันโลก(globally aware)
“5 ปีที่ผ่านมาเรามีนักเรียนที่จบหลักสูตรแล้วไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก เรามีอาจารย์ฝรั่ง อาสาสมัครต่างชาติทั้งจากออกฟอร์ด เคมบริดจ์ เยล ปริ้นสตันผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาสอน ขณะเดียวกันก็มีนักเรียนจากอเมริกา อังกฤษมาเรียนเป็นระยะๆ“ ดร.ปราโมทย์กล่าวและว่า
ค่าหน่วยกิตของวิทยาลัยประชาคมนานาชาติหนองคาย-อุดรถูกเท่ากับค่าหน่วยกิตภาคปรกติของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่เดิมตอนเริ่มเปิดการเรียนการสอนของวิทยาลัยเมื่อ 5 ปีก่อน จะรับนักเรียนที่มีภูมิลำเนาเฉพาะเขตพื้นที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นับแต่ปีการศึกษา 2548 นี้เป็นต้นไป จะเริ่มรับนักเรียนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนต่างๆในพื้นที่ภาคอีสานตอนเหนือ ทั้งจากทุนส่วนตัวและทุนกู้ยืม ขณะเดียวกันก็จะเปิดรับนักศึกษาที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบลุ่มน้ำโขงเข้าเรียนด้วย
ดร.ปราโมทย์กล่าวถึงจุดแข็งของวิทยาลัยแห่งนี้ ว่ามีอัตราส่วนระหว่างครูกับนักเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย คือ นักเรียนประมาณ 5-15 คนต่อครูผู้สอน 1 คน นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครเจ้าของภาษาเป็นจำนวนมากที่ร่วมอยู่ในหอพักและทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับนักเรียน ด้วยบรรยากาศแวดล้อมเหล่านี้ จะช่วยให้นักเรียนพัฒนาทักษะทางด้านภาษาได้เร็วและมีประสิทธิภาพ
