xs
xsm
sm
md
lg

บุกจับโรงเลื่อยเถื่อนโคราช/ยึดเครื่องจักร-ไม้ของกลางอื้อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ตำรวจป่าไม้นำกำลังบุกจับโรงเลื่อยเถื่อน ริมถนนทางหลวง 304 อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ได้ของกลางเป็นเลื่อยเครื่องจักรและไม้จำนวนมาก กองอยู่บนพื้นที่กว่า 6 ไร่ ด้าน เจ้าของโรงเลื่อยเถื่อนอ้าง อยู่ระหว่างขอใบอนุญาตทั้งที่เปิดดำเนินการมากว่า 1 ปีแล้ว

วันนี้( 18 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจป่าไม้และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 50 นาย นำโดย พ.ต.ท.มานิตย์ สิทธิ์ทัศนพงศ์ รองผู้กำกับการ 3 กองตำรวจป่าไม้ และพ.ต.ท.สมคิด ทิพยจักรพงศ์ สารวัตรแผนก 2 กองกับการกองตำรวจป่าไม้

ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดนครราชสีมา เลขที่ ค.104/2548 ลงวันที่ 17 ก.พ. 2548 เข้าตรวจค้น “โรงเลื่อยนรินทร์ค้าไม้” ตั้งอยู่ที่ กม.ที่ 99 ริมทางหลวงหมายเลข 304 นครราชสีมา-กบินทร์บุรี เลขที่ 19 ม. 12 บ.หนองบัว ต.งิ้ว อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายศาลเข้าทำการตรวจค้นพบ นายประทีป ม่วงสิมมา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35 หมู่ 1 ต.ดอนแตง อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เจ้าของโรงเลื่อยดังกล่าว พร้อมคนงานชายจำนวน 12 คน กำลังทำการเลื่อยไม้และแปรรูปไม้อยู่ภายในบริเวณโรงงาน บนพื้นที่ กว่า 6 ไร่ ซึ่งเป็นโรงเลื่อยที่ไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการโรงงาน และทำการแปรรูปไม้

เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมเจ้าของโรงงานและคนงานทั้ง 12 คน ในข้อหา ร่วมกันทำการแปรรูปไม้ใช้เครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และตั้งโรงงานแปรรูปไม้ด้วยเครื่องจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 48 และ พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรม พ.ศ. 2535 มาตรา 12 ตามลำดับ

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ได้ยึดของกลางไว้ดำเนินคดี ประกอบด้วย เลื่อยเครื่องจักรแปรรูปไม้จำนวน 5 เครื่อง รวม 60 แรงม้า พร้อมสมุดบิลเงินสดแสดงการประกอบกิจการและจำหน่ายไม้แปรรูปตั้งแต่เดือน ม.ค. 2547 เป็นต้นมาจำนวน 4 เล่ม และใบลงเวลาทำงานของพนักงานอีกจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งได้อายัดไม้ของกลางจำนวนมากกว่า 200 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้นอกรายการ เช่น ไม้มะม่วง,กระถินเทพา,กระถินณรงค์,มะพร้าว ,ฉำฉา,จามจุรี,ยูคาลิปตัส และ ไม้ขนุน เป็นต้น

พ.ต.ท.มานิตย์ สุทธิ์ทัศนพงศ์ รองผู้กำกับการ 3 กองตำรวจป่าไม้ เปิดเผยว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ว่ามีการประกอบกิจการโรงเลื่อยแปรรูปไม้โดยไม่มีใบอนุญาตในพื้นที่ อ.ปักธงชัย จึงได้ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบจนได้ข้อมูลแน่ชัดและเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมในวันนี้(18 ก.พ.)

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านายประทีป ผู้ต้องหา เคยประกอบกิจการลักษณะเดียวกันนี้โดยมีใบอนุญาตที่ถูกต้องอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก่อนที่จะย้ายมาดำเนินการใน อ.ปักธงชัยดังกล่าว ซึ่งการมาตั้งโรงเลื่อยในพื้นที่ใหม่ผู้ประกอบกิจการ ก็จะต้องทำการขอใบอนุญาตใหม่ด้วย

แต่สำหรับผู้ต้องหารายนี้ยังไม่ได้รับใบอนุญาตกลับดำเนินการตั้งโรงเลื่อยและแปรรูปไม้มากว่า 1 ปีแล้ว ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทางกองตำรวจป่าไม้ได้ทำการจับกุมมาแล้ว 1 รายเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และยังพบว่ามีอีกหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ที่ประกอบกิจการไม่ถูกต้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

“ส่วนไม้ของกลางจำนวนมากที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นไม้นอกรายการนั้น เจ้าหน้าที่จะอายัดไว้ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดนครราชสีมาเข้ามาทำการตรวจสอบโดยละเอียดอีกครั้ง เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นไม้นอกรายการ แต่หากพบว่าตัดมาจากป่าไม้ ก็ถือว่ามีความผิดตามกฎหมายป่าไม้เช่นกัน” พ.ต.ท.มานิตย์ กล่าว

ด้านนายประทีป ม่วงสิมมา เจ้าของโรงเลื่อยนรินทร์ค้าไม้ กล่าวว่า ตนไม่มีเจตนาที่จะทำผิดกฎหมายขณะนี้เป็นเพียงการทดลองเดินเครื่องจักรและแปรรูปไม้บางส่วนเท่านั้น ในระหว่างที่รอใบอนุญาตประกอบกิจการจากทางการอยู่ ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ได้ทราบแล้วว่า เป็นการทดลองเดินเครื่องเท่านั้นและเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าสามารถทำได้หากเป็นการผลิตจำนวนไม่มาก

ล่าสุดจากการติดตามเรื่อง จากเจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทราบว่าจะได้ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงเลื่อยอย่างช้าในสัปดาห์หน้านี้ แต่กลับมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมเสียก่อนทั้งที่ลงทุนกับโรงเลื่อยแห่งนี้ไปแล้วประมาณ 5 ล้านบาท

“ไม้ที่เห็นอยู่ภายในบริเวณโรงเลื่อยทั้งหมด เป็นไม้นอกรายการไม้หวงห้าม ที่สามารถแปรรูปได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งได้รับซื้อจากชาวบ้านทั่วไป ในพื้นที่ใกล้เคียงภายในจังหวัดนครราชสีมา มาแปรรูปเป็นไม้ใช้ตีแบบในงานก่อสร้างทั่วไป และบางส่วนผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ส่งไปขายในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง รับรองว่าไม่มีเถื่อนที่ผิดกฎหมายอย่างแน่นอน” นายประทีป กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตนได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด เพื่อขอคำปรึกษาจากผู้ใหญ่และติดต่อทนายความ โดยจะให้ปากคำต่อสู้คดีในชั้นศาลต่อไป



กำลังโหลดความคิดเห็น