ศูนย์ข่าวขอนแก่น-พ่อ-แม่”น้องนนท์-น้องนันท์”แฝดสยามชาวขอนแก่นรายล่าสุด เผยดีใจที่ลูกปลอดภัยแข็งแรง ประกาศจะดูแลเลี้ยงดูลูกชายให้ดีที่สุด แม้ฐานะจะยากจน พร้อมขอบคุณหมอและพยาบาลที่ช่วยดูแลลูกเป็นอย่างดีตลอด 6 เดือนที่อยู่ในโรงพยาบาล
เช้าวันนี้(16 ก.พ.)โรงพยาบาลขอนแก่น ได้มีการเปิดแถลงข่าว “ฝาแฝดสยาม นนท์ –นันท์ กลับบ้าน” ซึ่งเด็กชายทั้งคู่ถือเป็นฝาแฝดสยามรายล่าสุดของประเทศ ที่โรงพยาบาลได้ผ่าตัดจนประสบความสำเร็จ ซึ่งขณะนี้เด็กทั้งสองอายุครบ 6 เดือน มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ผู้ปกครองสามารถพาไปเลี้ยงต่อที่บ้านที่อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่นได้แล้ว
นางอ้อย อ่อนเหลา เปิดเผยความรู้สึก ภายหลังรับลูกชายคู่แฝดสยาม”น้องนนท์-น้องนันท์”ออกจากโรงพยาบาลขอนแก่นเพื่อกลับไปเลี้ยงดูที่บ้าน ซึ่งอยู่ในอำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น เมื่อเช้าวันนี้(16 ก.พ.)ว่า ดีใจมาก ที่ลูกชายทั้งคู่แข็งแรงปลอดภัย เพราะตั้งแต่ผ่าตัดคลอดลูกออกมา พบว่าลูกเป็นฝาแฝดมีลำตัวติดกัน ก็รู้สึกตกใจ และเป็นห่วงลูกมาก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
โดยเฉพาะวันที่แพทย์จะทำการผ่าตัด มีความกังวลใจอย่างมาก ต้องกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้การผ่าตัดผ่านพ้นไปด้วยดี และลูกปลอดภัย อีกทั้งตลอดเวลาที่ลูกอยู่โรงพยาบาล ต้องคอยผลัดกันกับนายคำบู้ สามี เพื่อมาอยู่ดูแลลูก เนื่องจากตนยังมีลูกชายคนโตอีกคน อายุ 1 ขวบ 9 เดือน ที่ต้องดูแลอยู่ที่บ้านอีกด้วย
“วันที่หมอจะผ่าตัด รู้สึกเป็นห่วงลูกมาก ทำอะไรไม่ถูก รอให้หมอผ่าตัดเสร็จ พอหมอมาบอกว่าการผ่าตัดไม่มีปัญหา และลูกปลอดภัยดี ก็โล่งใจมากๆ ค่ะ หลังจากนั้นหมอและพยาบาล ก็ยังช่วยกันดูแลน้องนนท์ – กับน้องนันท์ อย่างดี จนน้องนนท์ – น้องนันท์ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง เป็นเด็กอารมณ์ดี อยากขอบคุณคุณหมอทุกๆ ท่านค่ะ และวันนี้ หมอให้กลับบ้านได้แล้ว ก็ดีใจมากค่ะ เพราะที่บ้านทุกคนก็รออยากเห็นหลาน จะได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัว”
ส่วนนายคำบู้ ทะสูง พ่อของเด็กฝาแฝด เปิดเผยว่า ครอบครัวแม้จะมีฐานะยากจน แต่จะเลี้ยงน้องนนท์ – น้องนันท์ ให้ดีที่สุด สำหรับเงินช่วยเหลือที่มีหน่วยงานต่างๆ มอบมาให้นั้น จะได้เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกทั้งสามคนต่อไป
นายคำบู้ เล่าว่า ครอบครัวตนก็ลำบาก ตนต้องออกไปรับจ้างเย็บรองเท้า ส่วนอ้อย ภรรยาก็ต้องให้หยุดทำงานไปก่อน เพราะต้องดูแลลูก ทั้งน้องนนท์ – น้องนันท์ และน้องนัฐ ลูกชายคนโตอีกคน ตนก็อยากขอขอบคุณผู้ที่ให้ความช่วยเหลือทุกท่าน โดยเฉพาะคุณหมอในโรงพยาบาลขอนแก่น ที่ให้การรักษาลูกจนแข็งแรง ปลอดภัย ก็จะเลี้ยงลูกให้ดี
ด้านนายแพทย์วิทยา จารุพูนผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น กล่าวว่า โรงพยาบาลภาคภูมิใจที่ได้เป็นผู้ดูแลรักษาฝาแฝดสยามทั้งสองคน จนการผ่าตัดประสบความสำเร็จ และเด็กมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีพัฒนาการที่ดีตามวัย สามารถกลับไปอยู่ที่บ้านได้
อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์พยาบาลหลายคนของโรงพยาบาล ต่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงเด็กทั้งสอง เพราะได้อยู่ดูแลกันอย่างใกล้ชิดมาตลอด 6 เดือน ซึ่งทุกคนต่างมีความรักให้กับน้องนนท์ และน้องนันท์ อีกทั้งเชื่อว่า น้องนนท์ – น้องนันท์ จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่ดีให้กับจังหวัด ในการประชาสัมพันธ์ด้านการแพทย์ และโอกาสอื่นๆ ต่อไป
“เห็นน้องนนท์ น้องนันท์ ยิ้มสู้กล้องสื่อมวลชนมาตั้งแต่เช้า ก่อนที่น้องนนท์จะหลับในอ้อมกอดของพ่อ ก็รู้แล้วว่าเด็กทั้งสองคนมีแววเป็นพรีเซ็นเตอร์ในอนาคตได้ อาจจะเป็นการประชาสัมพันธ์ในด้านการแพทย์ ก็รู้สึกยินดีมากที่น้องนนท์ น้องนันท์ จะได้กลับบ้าน แต่คุณหมอหลายท่านที่ทำการรักษามา มีหลายคนแอบน้ำตาไหล เพราะคงจะอดคิดถึงน้องนนท์ และน้องนันท์ไม่ได้ เพราะได้ดูแลกันมาอย่างใกล้ชิดถึง 6 เดือน และเด็กก็น่ารักๆ มากๆ ด้วยครับ” นายแพทย์วิทยา กล่าว
"น้องนนท์ และน้องนันท์"เป็นลูกของนางอ้อย และนายคำบู้ ชาวอำเภอบ้านฝาง มีอาชีพรับจ้างและทำนา น้องนนท์ – น้องนันท์ เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2547 โดยการผ่าตัดทำคลอดที่โรงพยาบาลขอนแก่น พบว่า เป็นฝาแฝดมีลำตัวติดกัน หรือฝาแฝดสยาม ซึ่งคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดแยกร่าง เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2547 หลังการผ่าตัดเด็กแข็งแรงดี
ขณะนี้เด็กมีอายุครบ 6 เดือน และมีพัฒนาการปกติตามวัย น้องนนท์มีน้ำหนัก 5,500 กรัม และน้องนันท์ น้ำหนัก 6,100 กรัม อีกทั้งแผลจากการผ่าตัดบริเวณหน้าท้องหายดีแล้ว คณะแพทย์จึงอนุญาตให้กลับบ้านได้.
สำหรับค่ารักษาพยาบาลเด็กฝาแฝดทั้ง 2 คนดังกล่าวรวมแล้วทั้งหมดกว่า 1,700,000 บาท ซึ่งโรงพยาบาลได้ให้การรักษากรณีพิเศษ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด
นอกจากค่ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลไม่เก็บจากผู้ปกครองเด็กแล้ว รายงานแจ้งว่า ขณะนี้ได้มีหลายหน่วยงาน เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ เช่น เหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น ที่จะช่วยประสานงานการช่วยเหลือครอบครัวแฝดสยามอย่างต่อเนื่อง
ส่วนสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น จะให้คำปรึกษาแนะนำเป็นระยะๆ กรณีครอบครัวได้รับความเดือดร้อน จะติดตามประสานงานให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด และมอบค่าใช้จ่ายในครอบครัว พร้อมเครื่องอุปโภค บริโภค รวมทั้งหน่วยงานราชการหลายส่วน ได้ร่วมมอบนมผง และของขวัญ สำหรับเด็กอีกด้วย