เมื่อไม่นานมานี้ เมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่เขาหลัก จ.พังงา จะมองเห็นโรงแรม รีสอร์ตหรู ตั้งเรียงรายตลอดแนวชายหาดเขาหลัก ไปจนถึงหาดบางเนียง หาดบางสัก กว่า 15 กิโลเมตร ที่ซึ่งเคยเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจากยุโรป ที่หนีความจำเจ ความสับสนวุ่นวาย จากภูเก็ตไปแสวงหาแหล่งผักผ่อนที่สงบอย่างแท้จริง
แต่วันนี้...ภาพเหล่านั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เพียงเพราะมหันตภัยร้ายคลื่นยักษ์สึนามิ ได้ซัดถล่มโรงแรม รีสอร์ตหรูเหล่านั้น ให้กลายเป็นซากปรักหักพังเพียงชั่วพริบตา ในช่วงสาย ของวันที่ 26 ธ.ค. 2547
โรงแรมกว่า60แห่งย่อยยับ เม็ดเงินสูญร่วมหมื่นล้าน

ยรรยง ข้อเพชร กรรมการผู้จัดการโรงแรมเขาหลักลากูน่า และโรงแรมเขาหลักบันดารี ถ่ายทอดความเสียหายที่เกิดขึ้นผ่าน "ผู้จัดการรายวัน"ว่า โรงแรมกว่า 60 แห่ง ห้องพัก 5,500 กว่าห้อง ที่เขาหลัก ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายทั้งหมด 100% มีประมาณ 30 แห่ง และที่เสียหายประมาณ 50-80% มีประมาณ 30 แห่ง โดยเฉพาะรีสอร์ตที่ก่อสร้างเป็นหลัง ๆ เรียงรายอยู่ตามหน้าหาด ถูกคลื่นซัดเสียหายทั้งหมด
เมื่อหันมาดูตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้น ถือว่า สูงที่สุดในจำนวน 3 แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในอันดามันที่ถูกคลื่นยักษ์กลืน ทั้งที่ภูเก็ต เกาะพีพี ประมาณการว่า ที่เขาหลัก เฉพาะความเสียหายที่เป็นสิ่งปลูกสร้างไม่น่าจะน้อยกว่า 15,000-20,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับความสูญเสีย เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปีละ 4,000 ล้านบาทแล้ว ถือว่าเขาหลักสูญเสียสูงมาก เพราะขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงพีกของเขาหลักนักท่องเที่ยวเข้ามาจนล้น
การสูญเสียเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยว ไม่ได้สูญเสียเฉพาะปีนี้ปีเดียวเท่านั้น เพราะเขาหลักต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งหมายความว่า เม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวสูญเสียไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
"ของผมโรงแรมสองแห่งทั้งเขาหลักลากูน่าและเขาหลักบันดารี เสียหายทั้งหมด 100% และมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอีก 120 กว่าคน เพราะช่วงที่คลื่นซัดเข้ามา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวลงมารับประทานอาหารเช้าพอดี" ยรรยง เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นในฟังและกล่าวอีกว่า ประมาณการความเสียหายโรงแรมทั้งสองแห่งไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
"ผมจะสู้ต่อไป ตอนนี้หลังชนฝา ต้องสู้ เสียใจแต่ไม่ยอมเสียน้ำตา ซึ่งผู้ประกอบการมากกว่า 70% สู้ต่อไป แต่ก็มีบ้างหลายรายที่เริ่มท้อแท้ เพราะญาติพี่น้องเสียชีวิต 20-30 คน และมีเจ้าของโรงแรมที่เป็นคนในท้องถิ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ 4-5 คน แต่ผมโชคดีวันนั้นเดินทางมาทำธุระที่จังหวัดภูเก็ต"
ยรรยง ฉายภาพการฟื้นฟูเขาหลักให้ฟังว่า คงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเขาหลักไม่ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งการฟื้นฟูเขาหลัก รัฐบาลจะต้องเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการทุ่มงบประมาณลงมาด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กลับมาดีกว่าเดิม ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การจัดการขยะ น้ำเสีย และการจัดวางผังเมืองเขาหลัก ที่คาดว่าต้องใช้งบประมาณไม่น่าจะน้อยกว่า 10,000 ล้านบาท

เรื่องนี้ทางภาคเอกชนได้เสนอไปยังรัฐบาลแล้ว รวมทั้งรัฐบาลจะต้องเข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการของเอกชนโดยการทุ่มเม็ดเงินลงมาให้เพียงพอ ที่เอกชนจะสามารถลงทุนก่อสร้างกิจการใหม่ และทำให้กิจการสามารถที่จะขับเคลื่อนต่อไปได้
"การฟื้นฟูเขาหลักต้องใช้เวลานานกว่าภูเก็ตและเกาะพีพี เพราะเขาหลักเสียหายมากแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยในขณะนี้ นับจากวันนี้คิดว่าจะต้องใช้เวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 3 ปี เพราะหลังจากการเคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จทุกคนก็ออกแบบและขออนุญาตการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ตใหม่ให้สิ้นภายใน 6 เดือน หลังจากนั้น ก็ใช้เวลาในการก่อสร้างอีกประมาณปีครึ่ง และต้องใช้เวลาในการเรียกความมั่นใจจากนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่า กว่าที่การท่องเที่ยวของเขาหลัก เข้าสู่ภาวะเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ต้องใช้เวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 3 ปีอย่างแน่นอน
การฟื้นฟูเขาหลักเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเขาหลักฟื้นตัวช้าหรือฟื้นตัวอยาก นั่น..หมายความว่าเศรษฐกิจของพังงาจะล่มสลายไปด้วย เพราะเมื่อไปมีเขาหลัก เสน่ห์ของพังงา กระบี่ และภูเก็ตก็จะหายไป เพราะทั้ง 3 จังหวัดนี้มีการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เขาหลักและกระบี่ บางส่วนต้องใช้สนามบินที่ภูเก็ต และนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตเข้ามาใช้ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เขาหลัก
3 ปีข้างหน้า เมื่อโรงแรม รีสอร์ต ผุดขึ้นเรียงรายตามแนวชายหาดเขาหลัก เขาหลักก็จะกลับมาสวยงามเฉกเช่นในอดีต และจะสวยงามยิ่งกว่าเดิม จากการเข้าไปจัดระเบียบและจัดวางผังเมืองที่ดี แต่สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ เมื่อถึงเวลานั้น...นักท่องเที่ยวยังอยากที่จะเดินทางมาพักผ่อนที่เขาหลักอีกหรือไม่
ยรรยง บอกว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับเอเย่นต์ทัวร์ในต่างประเทศ 2-3 ได้ทราบว่าทั้งเอเย่นต์ทัวร์และนักท่องเที่ยวเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยพิบัต นักท่องเที่ยวอาจจะกลัวบ้างในช่วงแรก แต่คิดว่าคงจะไม่มาก เพราะตลาดหลักของเขาหลักอยู่ที่กลุ่มเยอรมัน ซึ่งไม่กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะกระทบบ้างในส่วนของตลาดสแกนดิเนเวีย ซึ่งเมื่อโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ เกิดขึ้นแล้วคงจะต้องเข้าไปสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวอีกรอบหนึ่ง เพราะทั้งตลาดเยอรมันและสแกนดิเนเวียเป็นตลาดหลักถึง 90% ของเขาหลัก
วอนรัฐอุ้มผู้ประกอบการที่เขาหลัก ตั้งกองทุนสร้างรร.-เอกชนบริหาร
การฟื้นฟูธุรกิจถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการพลิกฟื้นเขาหลักให้กลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวอีกรอบหนึ่ง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ได้เสนอมาตรการในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว ไปยังกระทรวงการคลังแล้ว
พิชัย นิลทองคำ เจ้าของโรงแรมอมันดาเลย์ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา บอกว่า ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต บริเวณเขาหลัก ประมาณ 40-50 คน ได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ โรงแรมเขาหลักรีสอร์ต ได้ข้อสรุป มาตรการฟื้นฟูเขาหลัก ที่นำเสนอขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลายประเด็น
อาทิ หนี้สินเก่าที่ผู้ประกอบการกู้ จากสถาบันการเงินมาลงทุน ขอพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 5 ปี และหลังจาก 5 ปีขอให้คิดดอกเบี้ยในราคาพิเศษ พร้อมทั้งขอลดเงินต้น เพราะผู้ประกอบการที่เขาหลักได้รับความเสียหายมาก
ส่วนหนี้ใหม่ที่จะขอกู้มาก่อสร้างและซ่อมแซม ขอให้เป็นวงเงินกู้ตามความเสียหายจริง ที่สามารถก่อสร้างได้และธุรกิจสามารถที่จะเดินต่อไปได้ โดยปีแรกคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.25 ปีที่ 2 และ3 อัตราร้อยละ 0.5 และให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ แบบทุ่มลงมาพร้อมกันทีเดียว เพื่อผู้ประกอบการจะได้ลงทุนก่อสร้างพร้อมๆ กันทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐ ตั้งกองทุนเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ให้เอกชนเช่าบริหารจัดการในระยะเวลา 50 ปี ในที่ดินของเอกชน หรือหากเป็นที่ดินแปลงย่อยๆให้รัฐใช้พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินจัดเป็นแปลงใหญ่ เพื่อที่รัฐจะได้เข้ามาควบคุมในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และการจัดระเบียบ พร้อมให้บีโอไอเข้ามาสนับสนุนการลงทุน และจัดระบบเตือนภัยตามแนวชายหาดทั้งหมด
ทั้งหมดนี้ผู้ประกอบการได้นำเสนอไปยังปลัดกระทรวงการคลังแล้ว
"เอกชนพร้อมที่จะยกที่ดิน ให้รัฐเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต ให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่เขาหลักเห็นด้วย เพราะมองว่า ประโยชน์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเป็นเจ้าของที่ดิน แต่เป็นที่ผลกำไรและระยะเวลา 50 ปี คิดว่าเป็นเวลาที่คุ้มมาก ทั้งสำหรับนักลงทุนรุ่นนี้และรุ่นต่อไป" พิศาล กล่าวและว่า
การยกที่ดินของเอกชนให้รัฐเข้ามาลงทุน เป็นสิ่งที่จะทำให้เขาหลักกลายเป็น เวิลด์คลาสดิซิเนชั่นหรือจุดหมายปลายทางในการเดินทางระดับโลกได้ เพราะรัฐสามารถที่จะเข้าไปควบคุมการจัดระเบียบในที่ดินได้ทุกอย่าง และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ที่การท่องเที่ยวของเขาหลักเติบโตมาจนถึงขณะนี้ เขาหลักเติบโตแบบสะเปะสะปะมาก ขาดการวางแผนที่ดี ไม่มีแบบแผน โตแบบตัวใครตัวมัน ซึ่งไม่น่าที่จะเกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวที่ดี แหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่จะเป็นระดับเวิลด์คลาสได้จะต้องเติบโตแบบมีแบบแผน
จนถึงวันนี้ ... แม้ว่า จะยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่า รัฐจะช่วยฟื้นฟูเขาหลักอย่างไร หรือแบบไหน
แต่ผู้คนที่นั่น ตลอดจนผู้ประกอบการ ล้วนยังมีความหวัง ว่า ในปีอีก 2-3 ปีข้างหน้า เขาหลักจะกลับมาเป็นสวรรค์บนดินได้อีก และจะกลับมาสวยงามยิ่งกว่าเดิม...เพื่อลบภาพซากปรักหักพัง จากมหันภัต"สึนามิ "ให้หมดสิ้นไป
แต่วันนี้...ภาพเหล่านั้นได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว เพียงเพราะมหันตภัยร้ายคลื่นยักษ์สึนามิ ได้ซัดถล่มโรงแรม รีสอร์ตหรูเหล่านั้น ให้กลายเป็นซากปรักหักพังเพียงชั่วพริบตา ในช่วงสาย ของวันที่ 26 ธ.ค. 2547
ยรรยง ข้อเพชร กรรมการผู้จัดการโรงแรมเขาหลักลากูน่า และโรงแรมเขาหลักบันดารี ถ่ายทอดความเสียหายที่เกิดขึ้นผ่าน "ผู้จัดการรายวัน"ว่า โรงแรมกว่า 60 แห่ง ห้องพัก 5,500 กว่าห้อง ที่เขาหลัก ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหายทั้งหมด 100% มีประมาณ 30 แห่ง และที่เสียหายประมาณ 50-80% มีประมาณ 30 แห่ง โดยเฉพาะรีสอร์ตที่ก่อสร้างเป็นหลัง ๆ เรียงรายอยู่ตามหน้าหาด ถูกคลื่นซัดเสียหายทั้งหมด
เมื่อหันมาดูตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้น ถือว่า สูงที่สุดในจำนวน 3 แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำในอันดามันที่ถูกคลื่นยักษ์กลืน ทั้งที่ภูเก็ต เกาะพีพี ประมาณการว่า ที่เขาหลัก เฉพาะความเสียหายที่เป็นสิ่งปลูกสร้างไม่น่าจะน้อยกว่า 15,000-20,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับความสูญเสีย เม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาปีละ 4,000 ล้านบาทแล้ว ถือว่าเขาหลักสูญเสียสูงมาก เพราะขณะนี้ถือว่าเป็นช่วงพีกของเขาหลักนักท่องเที่ยวเข้ามาจนล้น
การสูญเสียเม็ดเงินด้านการท่องเที่ยว ไม่ได้สูญเสียเฉพาะปีนี้ปีเดียวเท่านั้น เพราะเขาหลักต้องใช้เวลาฟื้นตัวไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งหมายความว่า เม็ดเงินด้านการท่องเที่ยวสูญเสียไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
"ของผมโรงแรมสองแห่งทั้งเขาหลักลากูน่าและเขาหลักบันดารี เสียหายทั้งหมด 100% และมีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอีก 120 กว่าคน เพราะช่วงที่คลื่นซัดเข้ามา เป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวลงมารับประทานอาหารเช้าพอดี" ยรรยง เล่าเหตุการณ์ตอนนั้นในฟังและกล่าวอีกว่า ประมาณการความเสียหายโรงแรมทั้งสองแห่งไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท
"ผมจะสู้ต่อไป ตอนนี้หลังชนฝา ต้องสู้ เสียใจแต่ไม่ยอมเสียน้ำตา ซึ่งผู้ประกอบการมากกว่า 70% สู้ต่อไป แต่ก็มีบ้างหลายรายที่เริ่มท้อแท้ เพราะญาติพี่น้องเสียชีวิต 20-30 คน และมีเจ้าของโรงแรมที่เป็นคนในท้องถิ่นเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้ 4-5 คน แต่ผมโชคดีวันนั้นเดินทางมาทำธุระที่จังหวัดภูเก็ต"
ยรรยง ฉายภาพการฟื้นฟูเขาหลักให้ฟังว่า คงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูเขาหลักไม่ต่ำกว่า 3 ปี ซึ่งการฟื้นฟูเขาหลัก รัฐบาลจะต้องเข้ามาสนับสนุนอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการทุ่มงบประมาณลงมาด้านโครงสร้างพื้นฐานให้กลับมาดีกว่าเดิม ทั้งไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ การจัดการขยะ น้ำเสีย และการจัดวางผังเมืองเขาหลัก ที่คาดว่าต้องใช้งบประมาณไม่น่าจะน้อยกว่า 10,000 ล้านบาท
เรื่องนี้ทางภาคเอกชนได้เสนอไปยังรัฐบาลแล้ว รวมทั้งรัฐบาลจะต้องเข้ามาสนับสนุนการฟื้นฟูกิจการของเอกชนโดยการทุ่มเม็ดเงินลงมาให้เพียงพอ ที่เอกชนจะสามารถลงทุนก่อสร้างกิจการใหม่ และทำให้กิจการสามารถที่จะขับเคลื่อนต่อไปได้
"การฟื้นฟูเขาหลักต้องใช้เวลานานกว่าภูเก็ตและเกาะพีพี เพราะเขาหลักเสียหายมากแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยในขณะนี้ นับจากวันนี้คิดว่าจะต้องใช้เวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 3 ปี เพราะหลังจากการเคลียร์พื้นที่แล้วเสร็จทุกคนก็ออกแบบและขออนุญาตการก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ตใหม่ให้สิ้นภายใน 6 เดือน หลังจากนั้น ก็ใช้เวลาในการก่อสร้างอีกประมาณปีครึ่ง และต้องใช้เวลาในการเรียกความมั่นใจจากนักท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่า กว่าที่การท่องเที่ยวของเขาหลัก เข้าสู่ภาวะเหมือนก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ต้องใช้เวลาไม่น่าจะน้อยกว่า 3 ปีอย่างแน่นอน
การฟื้นฟูเขาหลักเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเขาหลักฟื้นตัวช้าหรือฟื้นตัวอยาก นั่น..หมายความว่าเศรษฐกิจของพังงาจะล่มสลายไปด้วย เพราะเมื่อไปมีเขาหลัก เสน่ห์ของพังงา กระบี่ และภูเก็ตก็จะหายไป เพราะทั้ง 3 จังหวัดนี้มีการเชื่อมโยงด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่เขาหลักและกระบี่ บางส่วนต้องใช้สนามบินที่ภูเก็ต และนักท่องเที่ยวจากภูเก็ตเข้ามาใช้ทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่เขาหลัก
3 ปีข้างหน้า เมื่อโรงแรม รีสอร์ต ผุดขึ้นเรียงรายตามแนวชายหาดเขาหลัก เขาหลักก็จะกลับมาสวยงามเฉกเช่นในอดีต และจะสวยงามยิ่งกว่าเดิม จากการเข้าไปจัดระเบียบและจัดวางผังเมืองที่ดี แต่สิ่งที่เป็นห่วงในขณะนี้คือ เมื่อถึงเวลานั้น...นักท่องเที่ยวยังอยากที่จะเดินทางมาพักผ่อนที่เขาหลักอีกหรือไม่
ยรรยง บอกว่า เท่าที่ได้พูดคุยกับเอเย่นต์ทัวร์ในต่างประเทศ 2-3 ได้ทราบว่าทั้งเอเย่นต์ทัวร์และนักท่องเที่ยวเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นภัยพิบัต นักท่องเที่ยวอาจจะกลัวบ้างในช่วงแรก แต่คิดว่าคงจะไม่มาก เพราะตลาดหลักของเขาหลักอยู่ที่กลุ่มเยอรมัน ซึ่งไม่กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะกระทบบ้างในส่วนของตลาดสแกนดิเนเวีย ซึ่งเมื่อโรงแรม รีสอร์ตต่างๆ เกิดขึ้นแล้วคงจะต้องเข้าไปสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวอีกรอบหนึ่ง เพราะทั้งตลาดเยอรมันและสแกนดิเนเวียเป็นตลาดหลักถึง 90% ของเขาหลัก
การฟื้นฟูธุรกิจถือเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการพลิกฟื้นเขาหลักให้กลับมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวอีกรอบหนึ่ง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา และผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว ได้เสนอมาตรการในการฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวดังกล่าว ไปยังกระทรวงการคลังแล้ว
พิชัย นิลทองคำ เจ้าของโรงแรมอมันดาเลย์ บีช รีสอร์ท แอนด์ สปา บอกว่า ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต บริเวณเขาหลัก ประมาณ 40-50 คน ได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ โรงแรมเขาหลักรีสอร์ต ได้ข้อสรุป มาตรการฟื้นฟูเขาหลัก ที่นำเสนอขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลายประเด็น
อาทิ หนี้สินเก่าที่ผู้ประกอบการกู้ จากสถาบันการเงินมาลงทุน ขอพักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นเวลา 5 ปี และหลังจาก 5 ปีขอให้คิดดอกเบี้ยในราคาพิเศษ พร้อมทั้งขอลดเงินต้น เพราะผู้ประกอบการที่เขาหลักได้รับความเสียหายมาก
ส่วนหนี้ใหม่ที่จะขอกู้มาก่อสร้างและซ่อมแซม ขอให้เป็นวงเงินกู้ตามความเสียหายจริง ที่สามารถก่อสร้างได้และธุรกิจสามารถที่จะเดินต่อไปได้ โดยปีแรกคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 0.25 ปีที่ 2 และ3 อัตราร้อยละ 0.5 และให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ แบบทุ่มลงมาพร้อมกันทีเดียว เพื่อผู้ประกอบการจะได้ลงทุนก่อสร้างพร้อมๆ กันทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังต้องการให้รัฐ ตั้งกองทุนเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงแรมระดับ 5 ดาว ให้เอกชนเช่าบริหารจัดการในระยะเวลา 50 ปี ในที่ดินของเอกชน หรือหากเป็นที่ดินแปลงย่อยๆให้รัฐใช้พ.ร.บ.จัดรูปที่ดินจัดเป็นแปลงใหญ่ เพื่อที่รัฐจะได้เข้ามาควบคุมในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และการจัดระเบียบ พร้อมให้บีโอไอเข้ามาสนับสนุนการลงทุน และจัดระบบเตือนภัยตามแนวชายหาดทั้งหมด
ทั้งหมดนี้ผู้ประกอบการได้นำเสนอไปยังปลัดกระทรวงการคลังแล้ว
"เอกชนพร้อมที่จะยกที่ดิน ให้รัฐเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ต ให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่เขาหลักเห็นด้วย เพราะมองว่า ประโยชน์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเป็นเจ้าของที่ดิน แต่เป็นที่ผลกำไรและระยะเวลา 50 ปี คิดว่าเป็นเวลาที่คุ้มมาก ทั้งสำหรับนักลงทุนรุ่นนี้และรุ่นต่อไป" พิศาล กล่าวและว่า
การยกที่ดินของเอกชนให้รัฐเข้ามาลงทุน เป็นสิ่งที่จะทำให้เขาหลักกลายเป็น เวิลด์คลาสดิซิเนชั่นหรือจุดหมายปลายทางในการเดินทางระดับโลกได้ เพราะรัฐสามารถที่จะเข้าไปควบคุมการจัดระเบียบในที่ดินได้ทุกอย่าง และในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ที่การท่องเที่ยวของเขาหลักเติบโตมาจนถึงขณะนี้ เขาหลักเติบโตแบบสะเปะสะปะมาก ขาดการวางแผนที่ดี ไม่มีแบบแผน โตแบบตัวใครตัวมัน ซึ่งไม่น่าที่จะเกิดขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวที่ดี แหล่งท่องเที่ยวที่ดีที่จะเป็นระดับเวิลด์คลาสได้จะต้องเติบโตแบบมีแบบแผน
จนถึงวันนี้ ... แม้ว่า จะยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมว่า รัฐจะช่วยฟื้นฟูเขาหลักอย่างไร หรือแบบไหน
แต่ผู้คนที่นั่น ตลอดจนผู้ประกอบการ ล้วนยังมีความหวัง ว่า ในปีอีก 2-3 ปีข้างหน้า เขาหลักจะกลับมาเป็นสวรรค์บนดินได้อีก และจะกลับมาสวยงามยิ่งกว่าเดิม...เพื่อลบภาพซากปรักหักพัง จากมหันภัต"สึนามิ "ให้หมดสิ้นไป