xs
xsm
sm
md
lg

คลื่นยักษ์ถล่มวิถีชุมชนประมงล่มสลาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แหลมตุ๊กแก บริเวณเกาะสิเหร่ ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงพื้นบ้านขนาดใหญ่ที่สุดบนเกาะภูเก็ต ชาวชุมชนที่นี่เรียกตัวเองว่าเป็น “ชาวไทยใหม่” แต่สำเนียงที่สื่อสารกันภายในชุมชนเป็นภาษาของ “ชาวเล” หรือ “ชาวน้ำ” ชนกลุ่มน้อยที่มีวิถีชีวิตผูกติดกับท้องทะเลมาเนิ่นนานนับร้อยนับพันปี คือกลุ่มชนที่กระจายตั้งหลักปักฐานตามเกาะแก่งและชายฝั่งกินพื้นที่หลายประเทศในย่านทะเลอันดามัน

นับเนื่องหลายสิบปีมาแล้วที่ชาวไทยใหม่ ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน สร้างผลผลิตสัตว์น้ำประเภทต่างๆ เป็นอาหารป้อนเข้าสู่เมือง เพื่อหล่อเลี้ยงผู้คนบนเกาะสวรรค์ที่เลื่องชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งท้องทะเลอันดามันสุดหรูแห่งนี้มานานแสนนาน แม้ผู้คนในชุมชนที่นี่กว่า 1,000 ชีวิตจะยังค่อนข้างขัดสนกันอยู่บ้าง เรือนพักที่มีอยู่กว่า 200 หลังส่วนใหญ่ยังเป็นแค่เพิงสังกะสี แต่ก็ล้วนมีความเป็นอยู่แบบพอเพียงกันถ้วนทั่ว

แต่แล้วช่วงสายของวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ธรณีวิบัติภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิที่ถาโถมเข้าสู่ชายฝั่งของเกาะภูเก็ตก็ได้พลิกผันวิถีชีวิตของผู้คนเกือบทั้งชุมชน จากชีวิตที่พออยู่พอกินกลับกลายเป็นแทบจะหมดเนื้อหมดตัวไปตามๆ กัน

หลายครอบครัวเคยอยู่กันอย่างอบอุ่นในเพิงพักสังกะสี มีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไม้สอดอย่างเพียงพอ ในวันนี้เหลือเพียงเสื้อผ้าติดตัวชุดเดียว และไม่มีแม้กระทั่งที่จะคลุมหัวนอน หลายครอบครัวเคยมีเรือหัวโทง ได้ใช้เป็นเครื่องมือหากินหลัก ในวันนี้กลับมีแต่เศษไม้ที่ไม้สามารถจะนำกลับมาประกอบเป็นเรือได้อีกเหมือนเดิม

และในวันนี้วัดเกาะสิเหร่ กลางชุมชน กลับกลายเป็นเรือนพักพิงชั่วคราวของผู้คนชาวไทยใหมเกือบจะทั้งหมู่บ้านชาวประมงพื้นบ้านที่มากด้วยตำนานแห่งนี้

อาเต็ม ช้างน้ำ วัย 48 ปี หนึ่งในชาวชุมชนแหลมตุ๊กแก เขาเป็นผู้นำครอบครัวที่มีสมาชิกอยู่ร่วมกันในเพิ่งพักรวม 12 คน บอกเล่ากับ “ผู้จัดการรายวัน” ว่ากว่า 20 ปีมาแล้วที่เขาทำอาชีพเรือประมงวางลอบดักปลา ออกทะเลไปดำน้ำยกลอบได้ปลาบ้าง ไม่ได้บ้าง ถ้าวันไหนโชคดีก็มีเงินมาหล่อเลี้ยงครอบครัว 1,000-2,000 บาท

“ชั่วชีวิตผมที่อยู่กับท้องทะเลมาไม่เคยเห็นเหตุการณ์อะไรที่รุนแรงอย่างนี้มาก่อนเลย วันนั้นคลื่นยักษ์มันกระแทกเรือหัวโทงคู่ชีพผมแตกละเอียดไปทั้งลำ เหลือเพียงกองเศษไม้ไว้ดูต่างหน้า เครื่องยนต์ฮอนด้าก็ถูกคลื่นซัดลงทะเล บ้านแม้ไม่พังยับ แต่ก็เหลือเพียงโครงสร้าง ข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่มีเหลือ”

ระหว่างคำบอกเล่า นายอาเต็มทอดสายตาเหม่อลอย จับความได้ว่า ณ ห้วงเวลานี้เขาไม่อยากจะคิดอะไรให้รกสมองอีกแล้ว เรื่องความเป็นอยู่ของครอบครัวต่อจากนี้ค่อยว่ากันทีหลัง ขอนอนวัดและรับข้าวน้ำบริจาคไปสักพักก่อนเผื่ออะไรๆ จะดีขึ้นบ้าง

ขณะที่ สมชาติ ประมงกิจ อายุ 37 ปี เพื่อนร่วมอาชีพประมงพื้นบ้านด้วยกัน แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของเรือ แต่เขาก็ออกทะเลดำกุ้งดำหอยหาเลี้ยงครอบครัวอยู่รอดมาตลอด เขาเพิ่มเติมเรื่องราวชีวิตอันบอบช้ำของชาวไทยใหม่แห่งชุมชนแหลมตุ๊กแกให้ฟังว่า ในวันนั้นคลื่นยักษ์กวาดเอาบ้านของเขาทั้งหลังลงทะเลไปหมดสิ้น ภรรยาและลูกชาย 2 คน รวมถึงตัวเขาสมบัติที่เหลืออยู่ก็มีแต่เสื้อผ้าติดตัวคนละชุดเท่านั้น

เขาจดจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้อย่างยากที่จะลืมเลือนไปชั่วชีวิต ระหว่างยืนอยู่ในวัดเกาะสิเหร่มีคนมาบอกว่า ที่หมู่บ้านชาวประมงบริเวณหาดราไวย์ของเกาะภูเก็ตไกลออกไป ได้เกิดคลื่นลูกใหญ่กวาดเรือจมไปหลายลำแล้ว ทีแรกเขาไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แต่แล้วชาวบ้านตื่นกลัวกัน เขายกมือท่วมหัวไหว้พระพุทธรูป ก่อนที่จะวิ่งกลับบ้านไปอุ้มแม่ที่มีอายุมากแล้วหนีคลื่นนรก

“คลื่นลูกแรกที่ถล่มหมู่บ้านไม่ใหญ่นัก ผมเห็นบ้านผมยังอยู่ก็จะวิ่งเข้าไปเก็บข้าวของ แต่ภรรยาฉุดให้หนีขึ้นที่สูงเพราะเห็นคลื่นลูกที่สองกำลังเข้ามา สุดท้ายคลื่นลูกหลังนี้สูงใหญ่จนกวาดบ้านทั้งหลังของผมไปหมด”

สมชาติบอกด้วยว่า เขาพยายามเก็บเงินที่จะส่งลูกชายคนโตที่กำลังจะจบ ม.3 ได้เรียนต่ออาชีวะ และลูกชายคนเล็กกำลังจะจบ ป.6 ได้เรียนต่อ ม.1 แต่เงินก้อนนั้นก็ได้สูญหายไปพร้อมกับบ้านทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ความคิดตื้อตันไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป ครอบครัวจะมีชีวิตอย่างไรต่อไป

ด้าน ศิริศักดิ์ ขนานชี ผู้ประกอบการฟาร์มเหมือนใจ ที่ตั้งอยู่กลางหมู่บ้านแหลมตุ๊กแก เปิดเผยว่า เขาเพิ่งจะร่วมกับน้องชายขอเช่าฟาร์มจากผู้ประกอบการรายเดิมมาทำต่อ ช่วงประมาณครึ่งเดือนมานี้ลงทุนกันไปแล้วประมาณ 200,000 บาท ต่อเติมอาคารและจัดหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ปลาการ์ตูนและหอยเป๋าฮื้อ แต่ปรากฏว่าถูกคลื่นยักษ์ทำลายเหลือแต่ซาก แถมสูญเงินทองและของมีค่าไปในคราวเดียวกันอีกประมาณ 100,000 บาท

“แม้ไม่มีใครมาช่วยเหลืออะไรเลย และผมก็ยังไม่รู้ว่าจะฟื้นกิจการได้หรือเปล่า แต่เมื่อผมได้เห็นเพื่อนร่วมงานทุกคนปลอดภัยดี แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว” แม้เวลาพูดจะพยายามแสดงให้เห็นถึงเสียงหัวเราะ แต่แววตาก็ยังแฝงไว้ถึงความกังวลใจ

สินธิ แดงสกุล ประมงจังหวัดภูเก็ต สรุปภาพรวมความเสียหายจากคลื่นยักษ์ถล่มเกาะภูเก็ตของกิจการประมงในพื้นที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือรายใหญ่ต่างก็ได้รับความเสียหายทั่วหน้า มีการคาดการณ์ในเบื้องต้นแล้วว่า เฉพาะบนเกาะภูเก็ตมีมูลค่าความเสียหายสูงถึงหลายร้อยล้านบาท เรือประมงพาณิชย์ล่มกว่า 70 ลำ และเรือประมงพื้นบ้านล่มอีกกว่า 900 ลำ


………………………

ห่างไปอีกนับร้อยกิโลเมตร ที่หมู่บ้านทับละมุ อ.ท้ายเหมืองหมู่บ้านประมงที่สำคัญอีกแห่งของ จ. พังงา

......................................

“มันเหมือนในหนังเลย …..” เด็กหนุ่มวัยรุ่นลูกชายของคุณลุง ประทีป กำแต่ง บอกเล่าเมื่อนึกเปรียบเทียบกับหนังฮอลลีวู้ด เรื่อง THE DAY AFTER TOMORROW ที่ครอบครัวเพิ่งพากันล้อมวงลุ้นอย่างออกรสเมื่อตัวเอกของเรื่องกำลังวิ่งหนีคลื่นยักษ์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับโชว์แผ่นซีดีที่เสียบอยู่บนหลังคาบ้านซึ่งเหลือรอดจากคลื่นสึนามิ เมื่อ 2 วันก่อน ขณะที่ฝาบ้านและอุปกรณ์ภายในบ้านทั้งหลายถูกคลื่นยักษ์กวาดเกลี้ยง นำโคลนตมสีดำเข้ามาแทนที่

คุณลุงประทีป พาครอบครัวมาปักหลักเฝ้าแพปลา ป.พิชัยนาวา ที่หมู่บ้านทับละมุ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เมื่อ 6 ปีก่อน โดยไม่เคยคาดฝันว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะมัววิ่งๆ หยุดๆ เนื่องจากพะวงห่วงลูกชายคนเล็กอายุราว 8-9 ขวบที่วิ่งเล่นอยู่รอบแพปลาซึ่งถูกคว้าแขนพาวิ่งหนีคลื่นยักษ์โดยลูกชายอีกคนหนึ่ง

ขณะเกิดเหตุ ลุงประทีป มองเห็นน้ำขึ้นๆ ลงๆ อยู่สองสามรอบ ก่อนคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้าฝั่งพังทลายทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่หมู่บ้านทับละมุ ซึ่งอยู่ติดทะเลยังโชคดีเพราะมีเขาหน้ายักษ์บังอยู่ข้างหน้า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมีเพียงร้อยกว่าหลังจากจำนวนหมู่บ้านที่มีอยู่ร่วม 600 หลังคาเรือน

นอกเหนือจากบ้านเรือนพังพินาศแล้ว เรือประมงที่ผูกติดกันเป็นแพอยู่หน้าหมู่บ้านกว่า 200 ลำ ที่จอดลอยลำอยู่ใน “ช่วงหยุดหงาย” ระหว่างขึ้น 13 ค่ำ ถึงแรม 4 ค่ำ ต่างจมหายและถูกสาดซัดขึ้นไปเกยตื้นกลางหมู่บ้าน แพปลา 5 แห่งที่เคยคึกคักในหมู่บ้านนี้เงียบเหงามีเพียง “ผู้กล้า” เข้ามาฉีดน้ำล้างโคลนทำความสะอาดรอวันฟื้นตัว ขณะที่ผู้คนร่วมพันในหมู่บ้านแห่งนี้ พร้อมกับลูกเรือชาวพม่ากว่า 3,000 คน ต่างปักหลักที่วัดหลักแก่น รอความช่วยเหลือจากทางการ


ลุงสมชวน รุ่งเอียด เจ้าของเรือหางยาวในหมู่บ้านทับละมุ ที่รอดตายจากคลื่นยักษ์สึนามิ เล่าว่า หมู่บ้านทับละมุ เป็นหมู่บ้านชาวประมงและท่าแพปลาที่สำคัญของอำเภอท้ายเหมือง จ.พังงา ก่อเกิดขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกับการตั้งฐานทัพเรือที่ตั้งอยู่คนละฟากถนนมาร่วม 40 ปีแล้ว ในชั่วชีวิตของเขาไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์อย่างนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่มรสุมซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในชีวิตชาวประมง

“ผมลอยเรืออยู่กลางทะเลห่างจากฝั่ง 3 ไมล์” ลุงสมชวน เล่าให้ฟังถึงเหตุผลที่ทำให้รอดชีวิตในครั้งนี้ พร้อมกับบอกว่า ที่รอดมาได้เพราะเพื่อนๆ บอกว่าอย่าเข้าฝั่ง คลื่นยักษ์กำลังซัดเข้าหมู่บ้าน เรือของเขาซึ่งมีอยู่ 4 คนจึงรอด

ส่วนครอบครัวของลุงสมชวน ที่อยู่บนฝั่งต่างวิ่งหนีเอาตัวรอดได้ จึงหวิดเกิดโศกนาฎกรรม ต่างไปจากครอบครัวบ้านหน้าอ่าวที่สูญเสียสมาชิกในครอบครัว พร้อมๆ กับบ้านเรือนที่พังทลายไม่เหลือสภาพ

แม้ชาวบ้านทับละมุ จะไม่ถูกคลื่นยักษ์พัดราบเป็นหน้ากลองทั้งหมู่บ้าน และสูญเสียชีวิตมากมายก่ายกองเหมือนนักท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง แต่สำหรับชีวิตของ “กำนันเปี๊ยก” เจ้าของแพปลาใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านซึ่งเพียรพยายามสร้างเนื้อสร้างตัวจนมีเรือกว่าร้อยลำ กลับดูเหมือนจะพบกับความสูญเสียจนยากจะเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาเพราะสิ้นเนื้อประดาตัวจากคลื่นยักษ์สึนามิ

“กำนันเครียดมาก ไม่อยากเจอใครเลย ไม่ยอมออกจากบ้าน” เจ้าอาวาสวัดหลักแก่น บอกข่าวกำนันแห่งบ้านทับละมุ ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางที่คนในพื้นที่ให้ความเกรงอกเกรงใจ

หมู่บ้านทับละมุ หนึ่งในแผนที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาภาคใต้ ในฐานะจุดที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกตามโครงการศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาคหรือ “ฮับน้ำมัน” ตามความฝันของกระทรวงพลังงาน ที่กำลังโรดโชว์หาผู้ร่วมลงทุนในวันนี้เงียบเหงา ชาวบ้านที่ไม่กลัวตายจากข่าวลือคลื่นยักษ์จะหวนกลับมาอีกกำลังช่วยเหลือตัวเองด้วยการซ่อมแซมบ้านเรือและเรือประมงที่หลงเหลืออยู่ และยังไม่มีสัญญาณการเข้าช่วยเหลือพื้นที่แห่งนี้จากทางการเพราะกำลังเจ้าหน้าที่และกำลังพลที่ไม่เพียงพอรับมือกับหายนะครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น