พิษณุโลก –ตร.เมืองสองแควสั่งชุดสายสืบประกบตัวพนักงานแบงก์กรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยม.นเรศวร หลังเรียกไปแล้วสอบ 10 ปาก พบพิรุธ 2 ราย ผู้รับผิดชอบกุญแจทั้งสอง ลาทำธุระต่างจังหวัด ขณะที่รหัสลับเปิดตู้เซฟ พนักงานรู้กันทั้งแบงก์ เชื่อมีบุคคลภายนอกร่วมมือกับการโจรกรรมครั้งนี้
จากกรณี นางภรณี บุญธรรมกุล ผู้จัดการ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองพิษณุโลก หลังพบว่า เงินสด ที่บรรจุอยู่ภายในเครื่องให้บริการเงินด่วน หรือ ตู้ เอทีเอ็ม สาขาย่อย หลังมหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้สูญหายไปเป็น จำนวน 2,425,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งหมดไปเป็นหลักฐาน ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 29 กันยายน 2547 พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ ผกก.สภ.อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยถึงความคืบหน้า การติดตามสืบสวนและสอบสวน คดีการโจรกรรมเงินไปกว่า 2 ล้านบาทว่า เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยคนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยให้ติดตาม จึงได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อสืบสวนสอบสวนเป็นกรณีพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.สุธี เข็มราช พนักงานสอบสวน สบ.3 พ.ต.ท.นิรันดร์ นามสุวรรณ สารวัตรสืบสวน สภ.อ.เมืองพิษณุโลก เข้าไปกำกับดูแลติดตามคดีโดยมีการสรุปผลให้ทราบทุกวัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกพนักงานของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร และพยานที่ใกล้กับตู้เอทีเอ็มที่เกิดเหตุ ไปสอบปากคำ เบื้องต้น พบพิรุธพนักงานธนาคาร 2 คน ที่ดูแลรับผิดชอบในการเปิดตู้เซฟของธนาคาร
โดยพบว่า มีการลาพักร้อนไปต่างจังหวัดก่อนเกิดเหตุ และมีหนังสือมอบกุญแจในการเปิดตู้
เอทีเอ็มแก่เพื่อนพนักงานร่วมงานรับผิดชอบแทน และพนักงานอีกคนที่รับผิดชอบ ต่างมอบกุญแจเปิดตู้เอทีเอ็มแก่เพื่อนพนักงานพร้อมกัน
พ.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่ออีกว่า รหัสในการเปิดตู้เซฟกล่องเก็บเงิน มีพนักงานทั้งหมด 5 คนได้รู้รหัสดังกล่าว ถือว่าระบบความปลอดภัยหละหลวม และยังไม่มีระบบโทรทัศน์วงจรปิดติดตั้งไว้
กรณีผู้ต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญหายของเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบได้ติดตามประกบตัวไว้แล้วกันการหลบหนี
พร้อมกับตรวจสอบประวัติทางการเงิน การเคลื่อนไหวการใช้จ่ายและประวัติด้านหนี้สินของผู้ต้องสงสัย ที่เป็นพนักงานแบงก์ทุกราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อาจมีผลเสียต่อรูปคดี มั่นใจว่ายังมีบุคคลภายนอกเข้าไปมีส่วนร่วมการโจรกรรมครั้งนี้
จากกรณี นางภรณี บุญธรรมกุล ผู้จัดการ ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองพิษณุโลก หลังพบว่า เงินสด ที่บรรจุอยู่ภายในเครื่องให้บริการเงินด่วน หรือ ตู้ เอทีเอ็ม สาขาย่อย หลังมหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก ได้สูญหายไปเป็น จำนวน 2,425,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการ เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งหมดไปเป็นหลักฐาน ตามที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น.ของวันที่ 29 กันยายน 2547 พ.ต.อ.เฉลิม สุวรรณรัตน์โอสถ ผกก.สภ.อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยถึงความคืบหน้า การติดตามสืบสวนและสอบสวน คดีการโจรกรรมเงินไปกว่า 2 ล้านบาทว่า เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ โดยคนร้ายไม่ทิ้งร่องรอยให้ติดตาม จึงได้ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นเพื่อสืบสวนสอบสวนเป็นกรณีพิเศษ โดยมี พ.ต.ท.สุธี เข็มราช พนักงานสอบสวน สบ.3 พ.ต.ท.นิรันดร์ นามสุวรรณ สารวัตรสืบสวน สภ.อ.เมืองพิษณุโลก เข้าไปกำกับดูแลติดตามคดีโดยมีการสรุปผลให้ทราบทุกวัน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกพนักงานของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยมหาวิทยาลัยนเรศวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร และพยานที่ใกล้กับตู้เอทีเอ็มที่เกิดเหตุ ไปสอบปากคำ เบื้องต้น พบพิรุธพนักงานธนาคาร 2 คน ที่ดูแลรับผิดชอบในการเปิดตู้เซฟของธนาคาร
โดยพบว่า มีการลาพักร้อนไปต่างจังหวัดก่อนเกิดเหตุ และมีหนังสือมอบกุญแจในการเปิดตู้
เอทีเอ็มแก่เพื่อนพนักงานร่วมงานรับผิดชอบแทน และพนักงานอีกคนที่รับผิดชอบ ต่างมอบกุญแจเปิดตู้เอทีเอ็มแก่เพื่อนพนักงานพร้อมกัน
พ.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่ออีกว่า รหัสในการเปิดตู้เซฟกล่องเก็บเงิน มีพนักงานทั้งหมด 5 คนได้รู้รหัสดังกล่าว ถือว่าระบบความปลอดภัยหละหลวม และยังไม่มีระบบโทรทัศน์วงจรปิดติดตั้งไว้
กรณีผู้ต้องสงสัยว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญหายของเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายสืบได้ติดตามประกบตัวไว้แล้วกันการหลบหนี
พร้อมกับตรวจสอบประวัติทางการเงิน การเคลื่อนไหวการใช้จ่ายและประวัติด้านหนี้สินของผู้ต้องสงสัย ที่เป็นพนักงานแบงก์ทุกราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ อาจมีผลเสียต่อรูปคดี มั่นใจว่ายังมีบุคคลภายนอกเข้าไปมีส่วนร่วมการโจรกรรมครั้งนี้