สุรินทร์-ทหารพรานสุรินทร์ปะทะโจรเขมรติดอาวุธสงครามกำลังขนถ่ายรถจักรยานยนต์ใหม่เอี่ยมที่ขโมยมาได้ข้ามฝั่งไปยังประเทศกัมพูชาด้านด่านช่องจอม ผลโจรแสบที่มีคนไทยร่วมลงมือด้วยอาศัยความมืดและป่าทึบหลบหนีไปได้ พร้อมรถมอเตอร์ 1 คันทิ้งของกลางรถมอเตอร์ไว้ 1 คัน
เมื่อคือที่ผ่านมา ( 27 ก.ย.) ขณะที่ชุดปฎิบัติการของกองร้อยทหารพรานที่ 2606 จำนวน 3 นาย จากฐานปฎิบัติการภูหลวง ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้ออกลาดตระเวนตามเส้นทางหมาย 214 กาบเชิง-ช่องจอม เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับชาวไทยที่เดินทางผ่านเข้า-ออกที่ด่านผ่านแดนถาวรชายแดนไทยกัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
โดยระหว่างลาดตระเวนห่างจากด่านผ่านแดนถาวรช่องจอมราว 700 เมตรได้พบกับกลุ่มโจรกรรมรถยนต์ จำนวน 5 คน พร้อมอาวุธสงครามครบมือ กำลังอาศัยความมืดสลัวเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์จำนวน 2 คัน ที่ลักลอบมาเข้าไปในพื้นที่ป่าเพื่อข้ามแดนเข้าไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา
เจ้าหน้าที่ทหารพราน ได้สั่งให้หยุดการเคลื่อนย้าย แต่กลุ่มโจรยังพยายามที่จะนำรถข้ามชายแดนไปให้ได้ ทหารพรานจึงได้ใช้อาวุธประจำกายยิงสกัดการเคลื่อนย้ายจำนวน 1 ชุด แต่กลุ่มโจรกรรมรถได้ขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้ 1 คัน ส่วนอีก 1 คันทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นไนท์ 125 สีบรอนด์-ดำ สภาพใหม่ ยังไม่มีการจดหมายเลขทะเบียนรถเพิ่งวิ่งได้ 82 กิโลเมตร ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมาเก็บไว้ที่ฐานปฏิบัติการภูหลวง เพื่อนำส่งให้พนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานพร้อมทั้งติดตามหาเจ้าของรถจักรยานยนต์มารับคืนต่อไป
พ.ต.ทรงเดช อยู่บุญสุข ผบ.ร้อยทหารพรานที่ 2606 กล่าวว่า ช่วงนี้มีการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ลงไปขายให้กับชาวกัมพูชามากขึ้น เพราะมีร่อยรอยการลักลอบเคลื่อนย้ายในป่าอยู่จำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่เราได้ติดตามกลุ่มโจรกรรมรถจักรยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าขณะที่มีการเคลื่อนย้ายรถที่โจรกรรมมาได้และขนย้ายข้ามชายแดนในแต่ละครั้งจะมีกลุ่มติดอาวุธจากฝั่งประเทศกัมพูชาเดินทางมารับรถโดยตลอด ซึ่งเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงที่กลุ่มโจรได้ติดอาวุธสงครามเข้ามาปฏิบัติในบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เจ้าหน้าที่จึงต้องระวัดระวังตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการเบาไปหาหนักในการดำเนินการ หากกลุ่มโจรเข้ามาพร้อมติดอาวุธเปิดยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการอย่างเฉียบขาด
ส่วนความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชานั้นระดับท้องถิ่นของทั้ง 2 ประเทศมีการเจรจากันอย่างดีเข้าใจกันเป็นอย่างมากและได้ขอความร่วมมือกับผู้นำหน่วยต่างๆ ของกัมพูชาในการป้องกันดูแลสอดส่องการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา
“รถมอเตอร์ไซค์คันใหม่เช่นที่จับกุมได้คืนนี้ราคาซื้อขายในไทยประมาณ 5-6 หมื่นบาท แต่กลุ่มโจรลักลอบไปได้จะซื้อขายกันเพียง 2 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่เราได้ติดตามพฤติกรรมของกลุ่มคนไทยที่มักจะเอาเงินไปดาวน์รถออกมาในอัตราต่ำแล้วลักลอบนำไปขายตามชายแดนโดยหลายฝ่ายกำลังจับตากลุ่มนี้อยู่อย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะดำนเนินทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดต่อไป” พ.ต.ทรงเดช กล่าว