ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- โคราชตั้งกก.เร่งขนย้ายกากอุตสาหกรรมสารเคมีอันตรายเจ้าปัญหาของเจนโก้ออกนอกพื้นที่ พร้อมจี้หาตัวการของจริงมาดำเนินคดี ด้านอโศกเคมีคอลฯปฏิเสธลั่นไม่เกี่ยวขยะเจนโก้ อ้างไม่มีข้อผูกพันใดๆ ในการเข้าชื่อกิจการ พร้อมยืนยันมีหลักฐาน เจนโก้ เช่าพื้นที่เก็บกากเคมีเจ้าปัญหา
ที่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอเวอร์ทัฟ คอนกรีต หมู่ที่ 1 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งบริษัทบริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจำกัด (มหาชน) หรือ เจนโก้ ได้ลักลอบนำขยะกากอุตสาหกรรมสารเคมีอันตราย มาทำลายและทิ้งไว้จำนวนมากกว่า 3,000 ถัง นั้น ล่าสุดตลอดทั้งวันของวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา ได้มีคนงานกว่า 10 คน พร้อมรถแบ็คโฮ และรถบรรทุกสิบล้อหลายคัน มาทำการคัดแยกถังกากอุตสาหกรรมสารเคมีที่มีอยู่เป็นจำนวนมากพร้อมทำการขนขึ้นรถบรรทุกเพื่อขนย้ายนำกลับไปเก็บไว้ยังบริษัทเจนโก้ที่จังหวัดระยอง ซึ่งทราบว่าได้ดำเนินการมาเป็นวันที่ 3 แล้ว
ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวได้มีการใช้เชือกกันเขตโดยรอบไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนเข้าไป ซึ่งจากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่าบริเวณกองถังกากอุตสาหกรรมสารเคมียังคงมีกลิ่นเหม็นฉุนตลบอบอวลไปทั่วบริเวณจนทำให้แสบจมูก เนื่องจากน้ำเสียในถังพลาสติกและถังนำมันขนาด 200 ลิตรที่บรรจุสารเคมีหลายร้อยถังรั่วไหลออกมายังเจิ่งนองเป็นบริเวณกว้างและไหลปนเปื้อนออกสู่พื้นที่ใกล้เคียงอยู่ตลอดเวลา
ทางด้านการดำเนินการแก้ปัญหาในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา นั้น ล่าสุดวันเดียวกันนี้ นายสุนทร ริ้วเหลือง ผู้ว่าราชการจังหวัด มีคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการดูแล ควบคุม และกำกับการดำเนินงานตามข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุวิทย์ คุณกิตติ) กรณี การลักลอบทำลายกากอุตสาหกรรมสารเคมีอันตราย ตั้งอยู่ที่บริเวณ หจก.เอเวอร์ ทัฟ คอนกรีต ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยมีนายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเป็นประธาน และคณะกรรมการหัวหน้าส่วนราชการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คณะกรรมการฯ ชุดนี้ จะดำเนินการเร่งรัดดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดโดยรัดกุม ,ควบคุม กำกับ การขนย้ายกากอุตสาหกรรมดังกล่าวออกนอกพื้นที่ รวมทั้งการฟื้นฟูแก้ปัญหาระยะยาว และดำเนินการตรวจสอบการลักลอบกำจัดและทำลายกากอุตสาหกรรม สารเคมีอันตรายทั้งหมดในพื้นที่ของจังหวัดนครราชสีมา โดยให้รายงานผลให้ทางจังหวัดทราบทุก 7 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการฯระดับจังหวัดดังกล่าวได้เรียกประชุมทันทีในช่วงเย็นวันที่ 15 ก.ย. ที่ห้องประชุมสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภายหลังการประชุม นายฮาเล็ม เจะมาริกัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 ในฐานะประธานที่ประชุม เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางบริษัทเจนโก้ กำลังเร่งดำเนินการขนย้ายถังกากอุตสาหกรรมที่เป็นสารเคมีอันตรายจำนวนมากกว่า 3,000 ถัง กลับไปเก็บไว้ที่โรงงานของบริษัทเจนโก้ ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จประมาณ 1 เดือน ซึ่งทางหน่วยงานรัฐได้ตั้งคณะทำงานประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การขนย้ายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและปลอดภัย
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง นั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ได้จับกุมคนงานจำนวน 13 คนในที่เกิดเหตุขณะลักลอบเข้ามาทำลายฝังกลบกากอุตสาหกรรมดังกล่าวเมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีและสืบสาวถึงผู้ว่าจ้าง ทางด้านการดำเนินการกับผู้ประกอบการโรงงานที่เกี่ยวข้องนั้น ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมกำลังรวบรวบข้อมูล หลักฐานต่างๆ เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างถึงที่สุดในเร็วๆ นี้
“ข้อมูลเบื้องต้นที่ได้รับรายงานในที่ประชุม พอสรุปได้ ว่า ถังกากอุตสาหกรรมดังกล่าว ทางบริษัทเจนโก้ได้ ส่งมาให้ บริษัทอโศก เคมีคอล จำกัด ภายใต้กลุ่มเจ้าของเดิมดำเนินการทดลองกำจัดในโรงงานเตาเผาปูนขาวของบริษัทอโศก มาตั้งแต่ปี 2544 จนถึง 2546 แต่มีปัญหาการกำจัดมาตลอดอาจเป็นเพราะฐานะทางการเงินของบริษัทอโศกฯ และที่สำคัญบริษัทอโศกฯเพิ่งจะได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานฯให้สามารถนำกากอุตสาหกรรมมากำจัดได้เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา” นาย ฮาเล็ม กล่าว
สำหรับการนำกากอุตสาหกรรม ดังกล่าวไปกองไว้ในพื้นที่ ของหจก.เอเวอร์ทัฟ คอนกรีต ซึ่งเป็นโรงงานที่อยู่ติดกันนั้น ทราบข้อมูลเพียงเป็นการเช่าพื้นที่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่า เป็นการเช่าพื้นที่ของบริษัทอโศกฯ หรือ บริษัทเจนโก้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นพบหลักฐานการจ่ายค่าเช่า ที่บริษัทเจนโก้จ่ายให้กับหจก. เอเวอร์ทัฟ คอนกรีต โดยตรง แต่ยังไม่พบว่าสัญญาที่เกี่ยวข้องหรือไม่ เช่นเดียวกับข้อผูกพันระหว่างบริษัทอโศกฯ กับ บริษัทเจนโก้ นั้นก็ยังพบว่ามีสัญญาการซื้อและรับจ้างกำจัดขยะระหว่างกันหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่จะนำไปสู่การเอาผิดกับผู้ประกอบการว่าใครเป็นคนทำผิดกฎหมายจากการลักลอบกำจัดกากอุตสาหกรรมสารเคมีอันตรายในครั้งนี้
ด้านนายสันธาน ชัยพันธ์วิริยาพร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อโศก เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริหารชุดใหม่ที่เข้ามาเทกโอเวอร์และเข้ามาบริหารโรงงานเตาเผาผลิตปูนขาวแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมาและกำลังจะเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท กลางดงไลมอนด์เอ็กซ์เพิร์ท เอ็นไวรอนเมนท์ จำกัด” กล่าวกับ “ผู้จัดการรายวัน”ว่า กรณีปัญหากากอุตสาหกรรมสารเคมีอันตราย ของ บริษัทเจนโก้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับบริษัทอโศกฯ ในปัจจุบันแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น และการซื้อกิจการมาก็ไม่ได้มีข้อผูกพันใดๆ กับกากอุตสาหกรรมดังกล่าว อีกทั้งกองกากอุตสาหกรรมที่เกิดปัญหาก็ไม่ได้อยู่ในเขตโรงงานของบริษัทอโศกฯ แต่อยู่ในพื้นที่ของหจก. เอเวอร์ทัฟ คอนกรีต เพียงแต่ตั้งอยู่ด้านข้างโรงงานของบริษัทอโศกฯเท่านั้น
“จากที่ได้พยายามค้นดูเอกสารหลักฐานภายใต้การบริหารของกลุ่มเจ้าของเดิม ก็ไม่พบว่า บริษัทอโศกฯได้ทำสัญญาผูกพันเพื่อดำเนินการซื้อหรือรับจ้างกำจัดขยะอุตสาหกรรมกับบริษัทเจนโก้แต่อย่างใด แต่เท่าที่ทราบจากผู้บริหารชุดเก่าเล่าให้ฟังพบว่า ได้พยายามแก้ปัญหา ติดต่อให้เจนโก้ดำเนินขนขยะอุตสาหกรรมฯที่กองอยู่ด้านข้างโรงงานกลับไปหลายครั้งแต่ไม่คืบหน้า และที่สำคัญกว่านั้นกลับมีหลักฐานเป็นเอกสารยืนยันชัดเจนว่า บริษัทเจนโก้ได้ขอเช่าพื้นที่จาก หจก. เอเวอร์ทัฟ คอนกรีต เพื่อเก็บกากอุตสาหกรรมอย่างชัดเจน เช่น ใบเสร็จรับเงินที่บริษัทเจนโก้จ่ายเป็นค่าเช่าพื้นที่ให้กับ เอเวอร์ทัฟ คอนกรีตโดยตรง ครั้งล่าสุดจำนวนราว 28,500 บาท เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา” นายสันธาน กล่าว