xs
xsm
sm
md
lg

มั่นใจแลกเปลี่ยนเงินบาท/เงินกีบ หนุนค้าชายแดนไทย-ลาว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น-แบงก์ชาติเชื่อธุรกรรมสวอปเงินกีบและเงินบาท หนุนการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว ขยายตัว เหตุพ่อค้าทั้งสองฝั่งเชื่อมั่นเงินสกุลท้องถิ่น ชำระค่าสินค้าได้โดยตรง และมีปริมาณเพียงพอต่อการเบิกถอน ด้านสถานการณ์ค่าเงินกีบมีเสถียรภาพดีขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนของทางการและในตลาดมืดแทบไม่ต่างกัน ส่วนปริมาณการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาวครึ่งแรกปี 47 เพิ่มขึ้น 5.3%


นายศุภชัย สายวิรัช ผู้บริหารส่วนวิชาการ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ธปท.สภอ.) เปิดเผยถึง การให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย กับธนาคารแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว (ธนาคารแห่งสปป.ลาว) ว่า ธปท.ได้เข้าไปช่วยเหลือสร้างเสถียรภาพค่าเงินกีบของลาว ด้วยการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยน (Swap) เงินบาทและเงินกีบ

ทั้งนี้ปัญหาการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาวที่ผ่านมา นักธุรกิจฝั่งไทยไม่นิยมรับเงินกีบของลาว จะรับเพียงพ่อค้าชายแดน ที่สนิทสนมกันเท่านั้น ดังนั้นทางธนาคารแห่งประเทศไทยและ ธนาคารแห่งสปป.ลาว จึงร่วมเข้ามาสร้างเสถียรภาพค่าเงินกีบ ด้วยการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยน (Swap) เงินกีบและเงินบาท ซึ่งได้ลงนามไปแล้วเมื่อ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา

ธนาคารแห่งประเทศไทย จะส่งมอบเงินบาทจำนวน 500 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินบาทของธนาคารแห่งสปป.ลาว ที่เปิดไว้กับธปท. และธนาคารแห่งสปป.ลาว ส่งมอบเงินกีบเทียบเท่า 500 ล้านบาท เข้าบัญชีเงินกีบ ของธปท.ที่เปิดไว้กับธนาคารแห่งสปป.ลาว

ประโยชน์จากการทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนเงินดังกล่าว ถือเป็นการผลักดันระบบการชำระเงินการค้าชายแดนทั้งสองประเทศ ให้เข้าสู่ระบบ สามารถอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน ในธุรกรรมด้านการค้าชายแดน เกิดสภาพคล่องในทางธุรกิจ มีเงินบาทและเงินกีบเพียงพอกับความต้องการเบิกถอนในทางการค้าได้

อาทิ กรณีที่มีนักธุรกิจ ขอถอนเงินบาทจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศลาว เป็นจำนวนมาก จนขาดแคลนในระบบ ธนาคารแห่งสปป.ลาว สามารถเบิกเงินบาทที่ ธปท. มารองรับให้เพียงพอกับความต้องการใช้เงินบาทได้ ส่งผลให้การค้าชายแดนของทั้งสองประเทศ สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

นายศุภชัยกล่าวต่อว่า หากสามารถขจัดอุปสรรคเรื่องการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้ว เชื่อมั่นจะส่งเสริมให้การค้าชายแดนขยายตัวดีขึ้น เช่น กรณีที่ประชาชนชาวลาว สามารถใช้เงินกีบมาซื้อสินค้าของไทย บริเวณจังหวัดชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยไม่ต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นก่อน จะสนับสนุนให้เกิดการค้าขายระหว่างกันเพิ่มขึ้น

ขณะนี้ค่าเงินกีบเริ่มเสถียรภาพ ไม่ขึ้น-ลง อย่างรุนแรง อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท-เงินกีบ ของทางการ กับอัตราแลกเปลี่ยนของพ่อค้าตลาดมืด แทบไม่ต่างกัน จะทำให้ประชาชนสนใจแลกเปลี่ยนเงินสกุลทั้งสองชาติ กับทางการมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีความปลอดภัยสูงกว่า ผลที่จะเกิดในอนาคต เมื่อรัฐบาลสปป.ลาว สามารถดึงค่าเงินกีบไม่ต่างจากตลาดมืดได้แล้ว จะทำให้ค่าเงินกีบมีเสถียรภาพมากขึ้น

นายศุภชัยกล่าวถึงปริมาณการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว ในช่วงครึ่งแรกของปี 2547 ว่า จากข้อมูลเชิงสถิติการค้าชายแดนไทย-สปป.ลาว ครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่ามีการขยายตัวขึ้น สินค้าส่งออกจากไทยไป สปป.ลาว ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ ลาวยังขาดแคลน โดยเฉพาะสินค้าทุน ที่ต้องใช้ในการพัฒนาประเทศ เช่น วัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ น้ำมันเชื้อเพลิง

ภาวะการค้าชายแดนไทย-ลาว ช่วงครึ่งแรกปี 2547 มีมูลค่าการค้าทั้งสิ้น 11,389.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 แยกเป็นการส่งออก 9,237.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 การนำเข้า 2,151.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2

สินค้าส่งออกที่สำคัญได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค 1,117.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 ยานพาหนะและอุปกรณ์ 802.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เครื่องใช้ไฟฟ้า 650.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.5 เหล็กและเหล็กกล้า 301.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 122.2 ผ้าผืน 331.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.6 น้ำมันปิโตรเลียมและเชื้อเพลิง 1,633.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6

สินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ วัสดุก่อสร้าง 549.6 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 28.1 เนื่องจาก ลาวมีมาตรการส่งเสริมให้ใช้ปูนซีเมนต์ที่ผลิตในประเทศ อุปกรณ์ตัดเย็บ 161.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.9 ด้านการนำเข้าสินค้านำเข้าที่สำคัญยังคงเป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้มูลค่า 1,742.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.1

สำหรับการค้าผ่านแดน จากไทยไปลาว ในช่วงครึ่งแรกปี 2547 มีมูลค่า 4,945.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.0 สินค้าที่สำคัญได้แก่ เครื่องจักรและอุปกรณ์ 1,164.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์ทำเหมืองจากประเทศสิงคโปร์ เครื่องดื่ม (สุรา) 489.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 วัสดุก่อสร้าง 249.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าตัว ผ้าและอุปกรณ์ตัดเย็บ 556.3 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.4 บุหรี่ 459.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21.1

สินค้าผ่านแดนขาออกจากลาว มีมูลค่าทั้งสิ้น 3,631.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 สินค้าที่สำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 2,886.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.8 เมล็ดกาแฟดิบ 482.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.7 ไม้แปรรูป 166.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4
กำลังโหลดความคิดเห็น