รายงาน
ศูนย์ข่าวเชียงใหม่
มาถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า เส้นทางการท่องเที่ยวจาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย - ท่าขี้เหล็ก – เชียงตุง – เมืองลา (ชายแดนพม่า – จีน) สิ้นสุดที่หลักเขตแดนที่ 218 ที่ตั้งของด่านมิตรภาพพม่า – จีน เริ่มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากเป็นเส้นทางปิดมาอย่างยาวนาน ทั้งเนื่องด้วยเหตุผลเรื่องการคมนาคม และการเมืองภายในประเทศก็ตาม
แต่วันนี้ ทั้งเชียงตุง และเมืองลา ประเทศพม่า เป็นเมืองเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะคนไทย ที่ใช้เพียงบอเดอร์พาส ก็สามารถเดินทางเข้าไปพม่าได้ตลอดเส้นทางนานถึง 14 วัน
จุดเริ่มต้นของเส้นทางท่องเที่ยว ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องสายนี้ เริ่มขึ้นที่ “ท่าขี้เหล็ก” หัวเมืองชายแดนพม่าติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ถือเป็นศูนย์กลางสินค้าจากจีนบนสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างด้วยฝีมือมนุษย์ รอรับอยู่ เช่น อนุสาวรีย์บุเรงนอง กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของพม่า ที่ตั้งอยู่ริมถนนท่าขี้เหล็ก – ชียงตุง , เจดีย์ชเวดากองจำลอง ที่ทำให้มองเห็นสภาพตัวเมืองท่าขี้เหล็กได้ทั้งเมือง และวัดพระแก้วจำลอง ฯลฯ
ก่อนที่จะออกเดินทางไปตามเส้นทางสายท่าขี้เหล็ก – เชียงตุง ระยะทาง 162 กม. ที่เป็นจุดแวะพักระหว่างทาง ที่นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเลือกทริปได้ 2 ลักษณะคือ
1. การพักค้างคืนที่เชียงตุง เมืองเก่า ที่เรียกขานกันว่า เมือง 7 เชียง 9 หนอง 12 ประตู
2. แวะพักระหว่างทางเพื่อเดินทางต่อไปเมืองลา เขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 ของพม่า ที่อยู่ห่างไปอีก 85 กม. ก่อนที่จะกลับมาเที่ยวชมเมืองเชียงตุงขากลับ
ที่นี่ สามารถเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของชุมชนไทลื้อ เช่น วัดอัญมุณี ที่ประดิษฐานพระพุทธรูปพระพักตร์ทองคำ ที่สร้างขึ้นสมัยเจ้าหลวงเชียงตุงองค์สุดท้าย ตั้งอยู่กลางเมืองเชียงตุง ซึ่ง ไซหลงจี หนึ่งในกรรมการของวัด วัย 74 ปี ที่ถูกส่งเข้ามาอยู่ที่เชียงรายตั้งแต่สมัยที่ไทยเข้าไปปกครองเชียงตุง บอกเล่าเรื่องราว-ประวัติการก่อตั้งวัดแห่งนี้ ด้วยภาษาไทยชัดเจน
ต้นยางยักษ์ที่ปลูกตั้งแต่ปี ค.ศ.1115 เคยถูกใช้เป็นสถานที่แขวนคอนักโทษเมื่อ 300 กว่าปีก่อน , วัดพระยืน ที่มีพระพุทธรูปใหญ่ที่สุดของเมืองประดิษฐานอยู่ , ประตูเมืองเก่า ที่เหลืออยู่เพียง 2 ประตู จากเดิมที่มีอยู่ 12 ประตู , หนองตุง หนองน้ำประจำเมืองเชียงตุง ที่เป็นหนองน้ำธรรมชาติมาแต่ดั้งเดิมตั้งแต่เริ่มก่อตั้งเมือง ตลอดจนวัดวาอาราม เจดีย์ บ้านพักของจอมพลผิณ ชุณหะวัณ สมัยที่เข้ามาเป็นทูตอยู่ในพม่า และตลาดเช้าเชียงตุง ที่จะเริ่มวายลงในเวลา 10.00 น.ของทุกวัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในเชียงตุง จะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ก็กล่าวได้ว่า ผู้นำพม่าแต่ละยุคได้พยายามที่จะคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ ศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมของชุมชนท้องถิ่นไว้
โดยที่เชียงตุง ปัจจุบันนี้ แม้ว่าระบบสาธารณูปโภค ยังไม่ดีพอสำหรับนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น โดยเฉพาะระบบไฟฟ้า ที่ทางการพม่าจะปิดไฟฟ้าในเวลา 22.00 น.ของทุกวัน แต่เชียงตุง ยังคงมีเสน่ห์ ของความเป็นชุมชนไทลื้อ ไทเขิน ในอดีตที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
เชียงตุง มีห้องพักรองรับนักท่องเที่ยวทั้งสิ้นร่วม 200 ห้อง โดยโรงแรมเชียงตุง เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุด มีห้องพักประมาณ 40 ห้อง คิดค่าบริการในอัตรา 35 ดอลลาร์/ห้อง/คืน และมีรีสอร์ตเกิดขึ้นใหม่อีก 12 แห่ง มีห้องพักประมาณ 17-25 ห้อง/แห่ง ซึ่งคิดค่าบริการในอัตรา 20 ดอลลาร์/ห้อง/คืน มีสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืนคือ ดิสโก้เธก 2 แห่ง และร้านอาหารอีกไม่น้อยกว่า 10 แห่ง
เมืองลา : ลาสเวกัส-Sex Street สามเหลี่ยมทองคำ
สำหรับเมืองลา หรือ Mong Lar ปลายทางเส้นทางท่องเที่ยวตามถนนสายนี้ (หากไม่เดินทางต่อไปยังเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา : เชียงรุ่ง มณฑลยูนนาน(หยุนหนัน) ประเทศจีน ที่สามารถข้ามแดนจากเมืองลา – ต้าล่อ – เชียงรุ่ง) เป็นเมืองใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1989 ภายใต้การนำของ “อูไซลิน” ผู้นำเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 ประเทศพม่า แม้ว่าจะเป็นชุมชนไทลื้อ ว้า จีนฮ่อ ที่ยังคงมีวิถีการดำเนินชีวิตแบบดั้งเดิมหลงเหลืออยู่บ้างตามชุมชนรอบนอกของตัวเมือง
แต่จุดขายหลักของเมืองลา ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของ บ่อนการพนัน – กามารมณ์
โดยเฉพาะเรื่องการพนัน มีกาสิโนขนาดใหญ่ได้มาตรฐาน 2 แห่งคือ Oriental Hotel และ LT Casino ตั้งอยู่กลางเมือง มีโต๊ะพนัน – ตู้สล็อต ให้บริการมากกว่า 100 โต๊ะ และมีกาสิโนขนาดเล็กกระจัดกระจายอยู่ทุกมุมเมืองอีกนับสิบ ๆ แห่ง ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่เมืองลา
กาสิโนที่ Oriental Hotel จะเปิดรับเซียนพนันทั้งรายใหญ่ – รายย่อย รับแทงตั้งแต่ชิปวงเงิน 1 หยวนขึ้นไปถึงหลักแสนหยวน ซึ่งทำให้สามารถเห็นภาพพ่อบ้าน แม่บ้าน เด็กวัยรุ่น นั่งโต๊ะเล่นโป๊กเกอร์ได้อย่างเสรี แต่ที่ LT Casino จะรับเฉพาะขาใหญ่เป็นหลัก
กาสิโนของเมืองลา ดูเหมือนจะเป็นฟันเฟืองสำคัญ ที่คอยหมุนกงล้อเศรษฐกิจเมืองลาให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าเมืองได้มากกว่า 3 ล้านคน (ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน) จนกระทั่ง เกิดกรณีนักการเมืองจากจีนเข้ามาเล่นเสียกว่า 100 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลจีนเข้มงวดไม่ให้ชาวจีนเดินทางเข้าเมืองลา แต่กระนั้นก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวจีนข้ามแดนจากต้าล่อ – เมืองลา วันละไม่น้อยกว่า 1,000 คนเป็นอย่างต่ำ
เฉพาะ Oriental Hotel Casino ก็มีพนักงานแจกไพ่ไม่น้อยกว่า 1 พันคน อัตราค่าจ้างแรงงานสำหรับที่นี่ ตกประมาณ 1,500 หยวน/คน/เดือน หรือประมาณ 6-7,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 หยวน/ 5.12 บาท) ขณะที่พนักงานต้อนรับตามโรงแรมต่าง ๆ จะได้ค่าจ้างเพียง 200-500 หยวน/เดือนเท่านั้น
แหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่นอีกแห่งหนึ่ง สำหรับเมืองลาก็คือ สะพานแห่งรัก หรือสะพานใหญ่ ใจกลางเมือง ที่เป็นเหมือนจุดนัดพบหาคู่ของหนุ่มสาว-นักท่องเที่ยว บริเวณหัวสะพานจะมีร้านจำหน่ายอุปกรณ์ทางเพศ – ยาชูกำลัง ไวอะกร้า ที่เปิดขายตลอด 24 ชั่วโมงตั้งอยู่
เมื่อนักท่องเที่ยวจอดรถบริเวณหัวสะพาน มักจะมีสาวขายบริการ ที่นั่งรออยู่บนสะพานเดินเข้ามาถามถึงตัว-รถทันที สนนราคามีตั้งแต่ 20 30 50 หยวนขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะมีสาวบริการในท้องถิ่นแล้ว ยังมีบางส่วนที่มาจากสิบสองปันนา – รัสเซีย (ราคาค่าบริการอยู่ที่ 200 หยวนโดยประมาณ)
และที่ตลาดโต้รุ่งเมืองลาแห่งนี้ ตั้งแต่ 05.00 น.ของทุกวัน จะเป็นตลาดเช้า ที่นอกเหนือไปจากการเป็นศูนย์รวมจำหน่ายอาหารของชุมชนท้องถิ่นแล้ว ที่นี่ยังมีสัตว์ป่า อวัยวะสัตว์ป่า ที่ชาวจีนเชื่อกันว่าเป็นยาชูกำลัง – บำรุงกำลังทางเพศ วางขายได้อย่างเสรีด้วย
เมื่อข้ามสะพานไปด้านซ้ายมือ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดโต้รุ่งเมืองลา ด้านข้างตลาดจะเป็นอาคารพาณิชย์ล้อมรอบเป็นรูปสี่เหลี่ยมนั้น อาคารด้านตะวันออก ถูกเรียกขานเป็น Sex Street ที่เปิดขายบริการทางเพศกันอย่างเสรี เพียงแค่นำรถเข้าไปจอดเทียบ หรือชะลอรถ ก็จะมีสาวบริการอายุตั้งแต่ 13-14 ปีเข้ามาติดต่อขายบริการถึงตัวทันที
ระหว่างที่ คณะของเราได้เดินทางไปสำรวจ พบว่า ในตลาดเช้าเมืองลา มีแผงจำหน่ายสินค้าชิ้นส่วน อวัยวะ และสัตว์ป่าที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่น้อยกว่า 4-5 แผง มีทั้งอุ้งเท้าหมี ขายในราคา 150 หยวน หรือประมาณ 750-800 บาท , ตัวเดียวอันเดียวของเสือโคร่ง-ดีหมี 500 หยวน หรือประมาณ 1,500 กว่าบาท , ลูกหมี ที่ยังมีชีวิตอยู่ จำหน่ายในราคา 2,500 หยวน หรือประมาณ 13,000 กว่าบาท เป็นต้น
นอกจากนี้ที่เมืองลา ยังมีทิฟฟานี่โชว์นำเข้าจากเมืองไทย ที่เปิดแสดงวันละ 1 รอบ คิดค่าบริการคนละ 200 หยวน หรือประมาณ 1,000 บาท ซึ่งมีลูกค้าหลักอยู่ที่นักท่องเที่ยวชาวจีน , มีเจดีย์ทั้งเก่า-ใหม่ รอให้นักท่องเที่ยวไปเยือน 109 ยอด
รวมทั้งเจดีย์ดุยนครา หรือเจดีย์นาค 2 ตัว ที่พล.อ.ขิ่นยุ้นต์ นายกรัฐมนตรีพม่า มีคำสั่งให้สร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างพม่า – จีน เป็นเจดีย์สีทองที่สวยงามตั้งเด่นบนยอดเขาสูง สามารถมองเห็นทิวทัศน์ตัวเมืองลาได้ทั้งเมือง , พิพิธภัณฑ์ฝิ่น ของเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 ที่ “อูไซลิน” สร้างขึ้นพร้อมกับการประกาศเป็นเขตปลอดยาเสพติดเมื่อปี ค.ศ.1993 และโรงงานเจียระไนหยกที่รัฐบาลของอูไซลินรับรองมาตรฐาน เป็นต้น
เจ้าหน้าที่ประจำบริษัท Shew Lin Star Travel & Tour จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวของเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ 4 ที่จะคอยให้บริการนักท่องเที่ยวจากต่างถิ่น ที่เข้ามาในเขตเมืองลาทุกกลุ่ม บอกว่า ขณะนี้เมืองลาสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้วันละประมาณ 5-6,000 คน มีโรงแรมที่ได้มาตรฐานทั้งสิ้น 17 แห่ง จำนวนห้องพัก 3,000 กว่าห้อง บริษัท/ห้างร้าน ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างถูกต้อง 500 กว่าราย และมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกภายในตัวเมือง 368 ห้อง
อัตราค่าบริการห้องพักของโรงแรมต่าง ๆ ในตัวเมืองลา มีตั้งแต่ 60 70 100 150 200 300 และ 400 หยวน/คืน/ห้อง