ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “พ่อน้องอร”สลดใจ เหตุยิงกันตายในงานเลี้ยงฉลองเหรียญทองโอลิมปิก“ลูกสาว” สั่งงดงานเลี้ยงช่วงกลางคืนทันทีจนกว่า “น้องอร”จะเดินทางกลับจากกรีซ ปฏิเสธคนตายไม่ใช่ญาติหรือเกี่ยวข้องกับตระกูล “พลศักดิ์” เผยเริ่มมีญาติและประชาชนทั่วไปขอส่วนแบ่งเงินรางวัล “น้องอร”บ้างแล้ว
สำหรับความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุยิงกันตายภายในงานเลี้ยงฉลองเหรียญทองโอลิมปิกของ น.ส.อุดมพร พลศักดิ์ หรือ “น้องอร” นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย รุ่น 53 ก.ก.ที่บ้านเลขที่ 218 ชมชนมหาชัย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบริเวณหน้าบ้านเกิดของ “น้องอร” เมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ส.ค.) มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือนายบอย จอนเกาะ อายุ 21 ปี ซึ่งในที่เกิดเหตุประชาชนช่วยกันจับตัวคนร้ายได้และบางคนถูกรุมประชาทัณฑ์จนได้รับบาดเจ็บ โดยผู้ลงมือสังหารคือ นายวรยุทธ วนสันเทียะ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/1 บ้านจาน ต.กำปัง อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา ได้ใช้อาวุธปืนลูกซองสั้น ไทยประดิษฐ์ เบอร์ 12 ยิงนายบอย
นอกจากนี้ตำรวจยังสามารถจับกุมตัวเพื่อนร่วมแก๊งได้อีก 6 คนซึ่งทั้งหมดกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านถนนสุรนารายณ์ อ.เมืองนครราชสีมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (18 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.เมืองนครราชสีมากว่า 10 นาย ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่บริเวณที่เกิดเหตุ หน้าบ้าน “น้องอร” ท่ามกลางประชาชนพากันมามุ่งกว่า 100 คน โดยขณะที่ทำแผนอยู่นั้นชาวบ้านหลายคนได้ตะโกนด่า สาปแช่งผู้ก่อเหตุอยู่ตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาทำแผนอย่างรีบเร่งเพียง 20 นาที ต้องรีบนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดกลับไปฝากขังไว้ที่ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา เนื่องจากเกรงว่าฝูงชนที่มาดูจะกรูเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหาอีก เพราะความโกรธที่กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวมาก่อเหตุร้ายในงานสำคัญ ซึ่งเป็นช่วงเวลาของชาวโคราชและประชาชนทั่วประเทศกำลังปลื้มปิติและภาคภูมิใจกับความสำเร็จในการคว้าเหรียญทองกีฬาโอลิมปิกสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติของ น.สงอุดมพร พลศักดิ์ หรือ “น้องอร” จนอาจทำให้เสียภาพพจน์ได้
พ.ต.อ.บุญเผ่า บุญญะฤทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหากับกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุไว้ 2 ข้อหาคือ ร่วมกันก่อความชุลมุนวุ่นวายเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ส่วนนายวรยุทธ มือปืน ได้ตั้งข้อหาหนักเพิ่มอีก 1 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครองโดยผิดกฏหมาย
ทั้งนี้ ผู้ต้องทั้ง 7 คนดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะแยกตัวเยาวชนไว้ส่งสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนจำนวน 2 รายคือ นายสำราญ และนายสมหวัง เนื่องเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ส่วนที่เหลือจะส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งขณะนี้บรรดาผู้ปกครองของเด็กที่ก่อเหตุได้เข้ามาติดต่อประสานกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมดแล้ว
ด้านนายบุญส่ง พลศักดิ์ พ่อของ “น้องอร“ ซึ่งเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากร่วมรายการโทรทัศน์ที่กรุงเทพมหานครถึงบ้านตอนเช้าตรู่ของวันเดียวกันนี้ (18 ส.ค.) เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ซึ่งวันที่เกิดเหตุตนไม่อยู่บ้าน เพราะต้องเดินทางไปออกรายการโทรทัศน์ที่กรุงเทพฯ มีเพียงญาติๆ ช่วยกันดูแล ซึ่งตนก็ได้จัดอาหารและเครื่องดื่มไว้เลี้ยงแขกที่มาร่วมแสดงความยินดีตามปกติไม่ได้จัดงานใหญ่โตอะไร มีเพียงจัดแสดงดนตรีบนเวทีเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น แต่ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดขึ้นทั้งๆ ที่เป็นงานมงคลของคนทั้งประเทศ
“คนที่ถูกยิงเสียชีวิตนั้นเป็นวัยรุ่นที่อยู่ในชุมชนไม่ใช่ญาติของผม ส่วนมือปืนก็เป็นวัยรุ่นมาจาก ต.กำปัง อ.โนนไทย ไม่ใช่คนในพื้นที่ ซึ่งจะคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินคดี สำหรับผมไม่ได้แจ้งข่าวให้ลูกสาวได้ทราบ เนื่องจากเกรงว่า น้องอร จะไม่สบายใจ” นายบุญส่ง กล่าว
ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวของนายบอย ผู้ตายนั้น ตนจะให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสม โดยจากนี้ไปงานเลี้ยงฉลองเหรียญทองในภาคกลางคืนจะต้องงดไปจนกว่า “น้องอร” จะกลับมา แต่ในตอนกลางวันจะยังคงจัดอาหารและเครื่องดื่มเล็กๆ น้อยๆ มาไว้คอยบริการและต้อนรับให้สำหรับประชาชนที่เดินทางมาแสดงความยินดีเช่นเคย
นอกจากนี้นายบุญส่ง ยังกล่าวอีกว่า หลังจากมีข่าวว่าน้องอร จะได้รับเงินรางวัลจากการแข่งขันครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ก็ได้มีบรรดาญาติและคนทั่วไปมาขอเงินรางวัลบ้าง แต่ตนไม่ได้รับปากอะไรเพราะยังรู้ว่าจะได้เงินรางวัลเท่าไร แต่หากได้มาก็เป็นของลูกสาวและน้องอร จะเป็นคนจัดการบริหารเอง ตนไม่เกี่ยวข้องเพียงแต่ให้คำปรึกษากับลูกได้เท่านั้น