นครราชสีมา -"พินิจ” สั่งปิด-เพิกถอนใบอนุญาต โรงงานกำจัดขยะปากช่อง "อโศก เคมิคอล" พร้อมเตรียมเอาผิดทางอาญา ถ้าผลการตรวจสอบพบฐานความผิดชัดเจน ขณะเดียวกันยอมรับโรงงานอุตสาหกรรมอื่นๆเท่าที่ตรวจสอบยังพบข้อบกพร่องในหลายกรณี
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้(23 ก.ค.)นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.อุตสาหกรรม ได้ให้สัมภาษณ์ ที่ จ.ขอนแก่น ถึงความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทอโศก เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่าตนได้สั่งการไปแล้วให้ปิดกิจการ พร้อมทั้งเพิกถอนใบอนุญาต และไม้ให้ประกอบกิจการอีกต่อไป เพราะเป็นการบกพร่องปล่อยปละละเลยให้เกิดไฟไหม้โรงงานขยะของตนเองขึ้นมา
ทั้งนี้ เพราะในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นระเบียบคำสั่งที่เคร่งครัด ถึงแม้จะเผาเองก็ยังไม่มีความรัดกุม เคร่งครัดในกรรมวิธีกำจัดขยะ เพราะการนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้งในที่ของตนเองจะให้ไปวางเกะกะ และไม่มีรั้วรอบขอบชิดอย่างนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะโรงงานดังกล่าวได้ไปเอากากอุตสาหกรรมมาจากแหลมฉบัง อ.มาบตาพุด และนำมากำจัดที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงถือว่าผู้ประกอบการรายนี้มีความบกพร่องในการจัดการ ไม่มีความพร้อม และคุณภาพในการดำเนินการธุรกิจกำจัดขยะอุตสาหกรรมของตนเองได้
"กระทรวงอุตสาหกรรมจำเป็นต้องเพิกถอนใบอนุญาต ไม่ให้มีการประกอบการต่อไป ผิดไม่ผิดยังไม่ทราบ ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้เช่นนี้ขึ้นมาถือว่าเป็นความรับผิดชอบของโรงงานกำจัดขยะอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องเพิกถอนใบอนุญาตไม่ให้ดำเนินการกำจัดขยะอุตสาหกรรม"นายพินิจกล่าวและว่า
เรื่องการกำจัดขยะอุตสาหกรรมได้มีการสั่งการ ให้ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมใน อ.มาบตาพุด จ.ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา สระบุรี เช่นโรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานถลุงเหล็ก โรงงานรีดเหล็ก โรงงานอิเล็กทรอนิก โรงงานปิโตรเคมี ซึ่งต้องเคร่งครัดต่อกฎระเบียบและกฎของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะเป็นคำสั่งชัดเจน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ของ ครม. เพราะต้องเคร่งครัดเด็ดขาดที่จะไม่ให้มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาก็ยอมไม่ได้ ต้องการลงโทษเด็ดขาด โดยเฉพาะกรณีไฟไหม้โรงงานอโศกเคมีคอล จำกัดต้องมีการดำเนินคดี ถ้าพบว่าผิดกฎ พ.ร.บ.หรือ ผิดกฎกระทรวงก็ต้องมีการเอาผิดทางอาญาด้วย
ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆที่ได้มีการตรวจสอบ ตอนนี้พบว่ามีความบกพร่องผิดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องเสียง ปัญหาฝุ่น ต้องให้โรงงานที่ประสบปัญหาต่างๆรีบแก้ไขและให้หยุดทำการไปก่อน เมื่อแก้ไขสำเร็จแล้วถึงดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายของโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งไปแล้วว่า โรงงานทุกโรงงานต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม หากไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ต้องสั่งปิดโรงงานและดำเนินคดีเท่านั้น
เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้(23 ก.ค.)นายพินิจ จารุสมบัติ รมว.อุตสาหกรรม ได้ให้สัมภาษณ์ ที่ จ.ขอนแก่น ถึงความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทอโศก เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาว่าตนได้สั่งการไปแล้วให้ปิดกิจการ พร้อมทั้งเพิกถอนใบอนุญาต และไม้ให้ประกอบกิจการอีกต่อไป เพราะเป็นการบกพร่องปล่อยปละละเลยให้เกิดไฟไหม้โรงงานขยะของตนเองขึ้นมา
ทั้งนี้ เพราะในการกำจัดขยะอุตสาหกรรมต้องปฏิบัติตามกฎของกระทรวงอุตสาหกรรม และเป็นระเบียบคำสั่งที่เคร่งครัด ถึงแม้จะเผาเองก็ยังไม่มีความรัดกุม เคร่งครัดในกรรมวิธีกำจัดขยะ เพราะการนำกากอุตสาหกรรมไปทิ้งในที่ของตนเองจะให้ไปวางเกะกะ และไม่มีรั้วรอบขอบชิดอย่างนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะโรงงานดังกล่าวได้ไปเอากากอุตสาหกรรมมาจากแหลมฉบัง อ.มาบตาพุด และนำมากำจัดที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงถือว่าผู้ประกอบการรายนี้มีความบกพร่องในการจัดการ ไม่มีความพร้อม และคุณภาพในการดำเนินการธุรกิจกำจัดขยะอุตสาหกรรมของตนเองได้
"กระทรวงอุตสาหกรรมจำเป็นต้องเพิกถอนใบอนุญาต ไม่ให้มีการประกอบการต่อไป ผิดไม่ผิดยังไม่ทราบ ถ้าเกิดเหตุไฟไหม้เช่นนี้ขึ้นมาถือว่าเป็นความรับผิดชอบของโรงงานกำจัดขยะอุตสาหกรรมที่ไม่ถูกต้อง จำเป็นต้องเพิกถอนใบอนุญาตไม่ให้ดำเนินการกำจัดขยะอุตสาหกรรม"นายพินิจกล่าวและว่า
เรื่องการกำจัดขยะอุตสาหกรรมได้มีการสั่งการ ให้ผู้รับผิดชอบได้ตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอุตสาหกรรมใน อ.มาบตาพุด จ.ชลบุรี ระยอง นครราชสีมา สระบุรี เช่นโรงงานปูนซีเมนต์ โรงงานถลุงเหล็ก โรงงานรีดเหล็ก โรงงานอิเล็กทรอนิก โรงงานปิโตรเคมี ซึ่งต้องเคร่งครัดต่อกฎระเบียบและกฎของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะเป็นคำสั่งชัดเจน ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ของ ครม. เพราะต้องเคร่งครัดเด็ดขาดที่จะไม่ให้มีปัญหาต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเกิดเหตุขึ้นมาก็ยอมไม่ได้ ต้องการลงโทษเด็ดขาด โดยเฉพาะกรณีไฟไหม้โรงงานอโศกเคมีคอล จำกัดต้องมีการดำเนินคดี ถ้าพบว่าผิดกฎ พ.ร.บ.หรือ ผิดกฎกระทรวงก็ต้องมีการเอาผิดทางอาญาด้วย
ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆที่ได้มีการตรวจสอบ ตอนนี้พบว่ามีความบกพร่องผิดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องเสียง ปัญหาฝุ่น ต้องให้โรงงานที่ประสบปัญหาต่างๆรีบแก้ไขและให้หยุดทำการไปก่อน เมื่อแก้ไขสำเร็จแล้วถึงดำเนินการต่อไปได้ โดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายของโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากว่ากระทรวงอุตสาหกรรมได้แจ้งไปแล้วว่า โรงงานทุกโรงงานต้องมีความรับผิดชอบในเรื่องสิ่งแวดล้อม หากไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดปัญหาขึ้น ต้องสั่งปิดโรงงานและดำเนินคดีเท่านั้น