อุบลราชธานี-เชฟโรเลตฯตระเวน เปิดตัวบุกตลาดภูมิภาค ล่าสุดเปิดรับจองที่อุบลฯ ด้านตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่ ระบุยอดจองเฉพาะช่วงเปิดตัวน่าจะไม่น้อยกว่า 100-200 คัน ด้านเชฟโรเลตฯเตรียมขยายศูนย์ซ่อมและจำหน่ายเต็มพื้นที่ทั่วประเทศสิ้นปีนี้ 70 จุด
นายชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทเชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์เชฟโรเลตในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้นำรถยนต์ตระกูลเชฟโรเลตมาโชว์ทั้งสิ้น 13 รุ่น ทั้งรถกระบะอเนกประสงค์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์ครอบครัว
รูปแบบรถยนต์เชฟโรเลตเป็นการร่วมมือด้านนวตกรรมยานยนต์ระหว่างบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ กับบริษัทอีซูซุประเทศญี่ปุ่น คือ นำส่วนดีของสองฝ่ายมาผสมให้เกิดความกลมกลืน เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้มากที่สุด
นายชาติชายกล่าวถึงความร่วมมือทั้ง 2 บริษัท เพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดทางเลือกกับผู้บริโภค เพราะรูปแบบเชฟโรเลต เน้นความแข็งแรงทนทานและความหรูหราสะดวกสบาย สำหรับรถอีซูซุที่มียอดการจำหน่ายในกลุ่มรถยนต์กระบะมากที่สุดในประเทศไทย เพราะมีข้อดีด้านการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ง่ายต่อการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ สำหรับความแตกต่างระหว่างรถตระกูลเชฟโรเลตกับรถอีซูซุ ที่ไม่เหมือนกันมีประมาณ 300 กว่าจุด เนื่องจากรถเชฟโรเลตเป็นรถยนต์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกไปขายทั่วโลก ไม่ใช่ผลิตขายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
“ที่เชฟโรเลตสามารถทำได้ เพราะบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ที่ จ.ระยอง เป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นรถเชฟโรเลตที่ขายในประเทศไทย จึงเป็นมาตรฐานเดียวกับรถยนต์อีซูซุที่ผลิตเพื่อการส่งออกไปขายต่างประเทศ”
สำหรับความสำเร็จของรถเชฟโรเลตเกิดขึ้นที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ โดยรถยนต์กระบะเชฟโรเลตทั้ง 3 รุ่นประกอบด้วย รุ่นซี-แค็บ (Crew Cab - ครูว์แค็บ 4 ประตู) เอ็กซ์-แค็บ (Extended Cab เอ็กซ์เทนเด็ตแค็บ 2 ประตูพร้อมแค็บ) และ เอส-แค็บ (Single Cab-ซิงเกิลแค็บ 2 ประตู) มียอดจองสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์กระบะกว่า 2,000 คัน ส่วนการจัดแสดงโชว์ ตามต่างจังหวัดในหลายภาค มียอดจองรถทุกรุ่นเข้ามาเฉลี่ยวันละ 100-200 คัน
นอกจากนี้ได้สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในเรื่องศูนย์บริการและอะไหล่หลังการขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทเชฟโรเลตมีคลังอะไหล่ตั้งอยู่ที่ จ.นนทบุรี ใช้เก็บอะไหล่ทุกชนิดรวม 95% อีก 5% ได้เก็บไว้ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสามารถสั่งนำเข้ามาได้ไม่เกิน 2 วัน
ขณะที่ศูนย์บริการต่างจังหวัด ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 48 แห่ง และจะขยายเต็มพื้นที่เป็น 70 จังหวัดในสิ้นปีนี้ เพราะการขยายศูนย์จำหน่ายและบริการ บริษัทเน้นการปรับแนวคิดผู้ปฏิบัติ ให้ยึดหลักตามทัศนคติของเชฟโรเลต
ปัจจุบันบริษัทเชฟโรเลต มีการให้บริการศูนย์รับแจ้งฉุกเฉิน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-9370200 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าโทรศัพท์แจ้งจุดที่รถเสียเข้ามา และศูนย์จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมแซม ที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปช่วยเหลือทันที สำหรับยอดการผลิตได้ตั้งเป้าหมายการผลิต เพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศไว้ประมาณ 100,000 คันในปีนี้ ส่วนยอดจองรถเชฟโรเลตในประเทศ ปัจจุบันมีทั้งสิ้นราว 4,000 คันแล้ว
ด้านนายสมศักดิ์ ธนาพรสิน ผู้จัดการบริษัทศรีกมลยานยนต์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตประจำจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าตั้งแต่เริ่มเปิดตัว มียอดจองประมาณ 30 คัน และคาดว่าเมื่อสรุปยอดจากการจัดงานเปิดตัวแล้ว น่าจะมียอดจองไม่น้อยกว่าเป้าหมายคือ 100-200 คัน
นายชาติชาย สุวรรณเสวก ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทเชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปิดตัวรถยนต์เชฟโรเลตในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า บริษัทได้นำรถยนต์ตระกูลเชฟโรเลตมาโชว์ทั้งสิ้น 13 รุ่น ทั้งรถกระบะอเนกประสงค์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถยนต์ครอบครัว
รูปแบบรถยนต์เชฟโรเลตเป็นการร่วมมือด้านนวตกรรมยานยนต์ระหว่างบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ กับบริษัทอีซูซุประเทศญี่ปุ่น คือ นำส่วนดีของสองฝ่ายมาผสมให้เกิดความกลมกลืน เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้มากที่สุด
นายชาติชายกล่าวถึงความร่วมมือทั้ง 2 บริษัท เพิ่มเติมว่า เพื่อให้เกิดทางเลือกกับผู้บริโภค เพราะรูปแบบเชฟโรเลต เน้นความแข็งแรงทนทานและความหรูหราสะดวกสบาย สำหรับรถอีซูซุที่มียอดการจำหน่ายในกลุ่มรถยนต์กระบะมากที่สุดในประเทศไทย เพราะมีข้อดีด้านการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิง ง่ายต่อการบำรุงรักษาเครื่องยนต์ สำหรับความแตกต่างระหว่างรถตระกูลเชฟโรเลตกับรถอีซูซุ ที่ไม่เหมือนกันมีประมาณ 300 กว่าจุด เนื่องจากรถเชฟโรเลตเป็นรถยนต์ที่ผลิตเพื่อการส่งออกไปขายทั่วโลก ไม่ใช่ผลิตขายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
“ที่เชฟโรเลตสามารถทำได้ เพราะบริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้มาตั้งโรงงานผลิตรถยนต์อยู่ที่ จ.ระยอง เป็นมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ดังนั้นรถเชฟโรเลตที่ขายในประเทศไทย จึงเป็นมาตรฐานเดียวกับรถยนต์อีซูซุที่ผลิตเพื่อการส่งออกไปขายต่างประเทศ”
สำหรับความสำเร็จของรถเชฟโรเลตเกิดขึ้นที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ โดยรถยนต์กระบะเชฟโรเลตทั้ง 3 รุ่นประกอบด้วย รุ่นซี-แค็บ (Crew Cab - ครูว์แค็บ 4 ประตู) เอ็กซ์-แค็บ (Extended Cab เอ็กซ์เทนเด็ตแค็บ 2 ประตูพร้อมแค็บ) และ เอส-แค็บ (Single Cab-ซิงเกิลแค็บ 2 ประตู) มียอดจองสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์กระบะกว่า 2,000 คัน ส่วนการจัดแสดงโชว์ ตามต่างจังหวัดในหลายภาค มียอดจองรถทุกรุ่นเข้ามาเฉลี่ยวันละ 100-200 คัน
นอกจากนี้ได้สร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าในเรื่องศูนย์บริการและอะไหล่หลังการขาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทเชฟโรเลตมีคลังอะไหล่ตั้งอยู่ที่ จ.นนทบุรี ใช้เก็บอะไหล่ทุกชนิดรวม 95% อีก 5% ได้เก็บไว้ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งสามารถสั่งนำเข้ามาได้ไม่เกิน 2 วัน
ขณะที่ศูนย์บริการต่างจังหวัด ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 48 แห่ง และจะขยายเต็มพื้นที่เป็น 70 จังหวัดในสิ้นปีนี้ เพราะการขยายศูนย์จำหน่ายและบริการ บริษัทเน้นการปรับแนวคิดผู้ปฏิบัติ ให้ยึดหลักตามทัศนคติของเชฟโรเลต
ปัจจุบันบริษัทเชฟโรเลต มีการให้บริการศูนย์รับแจ้งฉุกเฉิน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-9370200 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ลูกค้าโทรศัพท์แจ้งจุดที่รถเสียเข้ามา และศูนย์จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายซ่อมแซม ที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าไปช่วยเหลือทันที สำหรับยอดการผลิตได้ตั้งเป้าหมายการผลิต เพื่อการส่งออกและจำหน่ายในประเทศไว้ประมาณ 100,000 คันในปีนี้ ส่วนยอดจองรถเชฟโรเลตในประเทศ ปัจจุบันมีทั้งสิ้นราว 4,000 คันแล้ว
ด้านนายสมศักดิ์ ธนาพรสิน ผู้จัดการบริษัทศรีกมลยานยนต์ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เชฟโรเลตประจำจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าตั้งแต่เริ่มเปิดตัว มียอดจองประมาณ 30 คัน และคาดว่าเมื่อสรุปยอดจากการจัดงานเปิดตัวแล้ว น่าจะมียอดจองไม่น้อยกว่าเป้าหมายคือ 100-200 คัน