xs
xsm
sm
md
lg

ชาวอุบลฯทอผ้าซิ่นไหมถวายราชินี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภาคอีสาน-ชาวเมืองอุบลราชธานี พร้อมใจทอผ้าซิ่นไหมถวายราชินี เป็นผืนที่ 2 ในรอบ 54 ปี ขณะม.อุบลฯหนุนเต็มที่ ส่งนักศึกษาภาควิชาศิลปประยุกต์ เรียนรู้ศิลปะการทอดั้งเดิม หวังผลให้ประยุกต์การผลิตเข้ายุคสมัย

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับเครือข่ายไหมฝ้าย องค์กรชาวบ้านอุบลราชธานี เปิดการทอผ้าซิ่นไหมยกเงินดอกลายพิกุลด้วยกี่ทอมือ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาส 72 พรรษามหาราชินี

สำหรับการทอผ้าซิ่นศิลปะพื้นบ้านอุบลราชธานี จะทอผ้าแบบเดียวกัน 2 ผืน โดยผืนหนึ่งจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อีกผืนจะเก็บรักษาเป็นมรดกไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานี การทอผ้าซิ่นไหมยกเงินดอกลายพิกุล ด้วยกี่ทอมือ ชาวเมืองอุบลราชธานี ได้ร่วมใจทำผ้าซิ่นไหมทอมือลายดอกเดียวกันเป็นครั้งที่ 2

ครั้งแรกนายเลียง ไชยกาล อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ได้มอบหมายให้นายสวน และนางสงวนศักดิ์ คูณผล ช่างฝีมือทอผ้าซิ่นพื้นเมือง ร่วมกับช่างวัยเดียวกันอีกประมาณ 10 คน ทอผ้าซิ่นสีพื้นเป็นสีฟ้ายกดอกไหมเงินลายดอกพิกุลด้วยกี่ทอมือ ที่ใต้ถุนบ้านเลขที่ 314 ถ.พิชิตรังสรรค์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในพิธีราชาภิเษกสมรสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 หรือราว 54 ปีที่แล้ว

การทอผ้าซิ่นไหมยกเงินลายดอกพิกุลด้วยกี่ทอมือครั้งนี้ จึงเป็นการทอผ้าซิ่นยกดอกลายเดียวกันเป็นครั้งที่ 2 หลังเวลาได้ล่วงมานานถึง 54 ปี โดยมีจุดประสงค์นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายในวโรกาส ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระชนย์มายุครบ 72 พรรษา

สำหรับการทอผ้าครั้งนี้ ใช้ช่างมือฝีมือจากกลุ่มแม่บ้านปะอาว ต.ปะอาว อ.เมืองอุบลราชธานี จำนวน 5 คน ประกอบด้วยนางบุญ นางเขียวพร สาระชาติ นางเตือนใจ แก้ววงษา นางปราณี ประสบทอง และนางวิไล ทองล้วน โดยมีลูกมืออีก 6 คน ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนทอผ้าให้เสร็จภายในต้นเดือนสิงหาคมนี้

ในงานทอผ้าด้วยกี่ทอมือ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย มีช่างฝีมือด้านการทอผ้าครั้งนี้ มีลูกหลานของช่างทอผ้าเมื่อ 54 ปีที่แล้วเข้ามาร่วมงานด้วย และเป็นที่ปรึกษาให้กับช่างฝีมือให้กับกลุ่มแม่บ้านปะอาว รวมทั้งคุณยายบัว ผาสุกมูล อายุ 92 ปี และคุณยายประถม สมหอม อายุ 87 ปี ซึ่งเป็นช่างฝีมือที่ทอผ้าถวายในพิธีราชาภิเษกสมรสด้วย

ดร.ประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี กล่าวถึงจุดประสงค์การรวมตัวทอผ้าซิ่นไหมด้วยกี่ทอมือ นอกจากต้องการนำผ้าที่ทอขึ้นทูลเกล้าฯถวายเนื่องในวโรกาสสำคัญ ยังเป็นการรักษาภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งมหาวิทยาลัยได้สนับสนุนให้นักศึกษาภาควิชาศิลปประยุกต์ ศึกษาพื้นฐานเดิมของงานศิลปะการทอผ้าสมัยเก่า นำมาประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ เพื่อผลิตงานให้คนรุ่นใหม่นำไปสวมใส่ โดยคงความเป็นเอกลักษณ์ของผ้าพื้นเมืองนี้ไว้

ด้านนายสุวิช คูณผล บุตรนายสวนช่างฝีมือที่เป็นหัวหน้ากลุ่มทอผ้าซิ่นเมื่อ 54 ปีก่อน ได้กล่าวว่า การทอผ้ายกดอกด้วยกี่ทอมือ ช่างที่ทำต้องมีความชำนาญในการทออย่างมาก เพราะแต่ละขั้นตอนในการทอผ้า ต้องมีผู้ช่วยคอยสอดไม้ เพื่อทำการยกดอกในเนื้อผ้าเป็นระยะ การทอแต่ละครั้ง นอกจากผู้ทอแล้ว จึงต้องมีผู้คอยช่วยอีกไม่น้อยกว่า 3 คน เพราะมีขั้นตอนการทอที่ละเอียดปราณีตมากกว่าผ้าทอมือทั่วไป

สำหรับฝ้ายที่ใช้ทอผ้าซิ่นไหมยกเงินลายดอกพิกุลนี้ เมื่อช่างทอเสร็จสีของเนื้อผ้า จะมีสีฟ้าเงินยวง คือ ออกเป็นสีฟ้าหลังฝน

ส่วนนายบำเพ็ญ ณ อุบล ผู้รู้ตำนานของคนเมืองอุบลราชธานี กล่าวว่า การทอผ้าซิ่นไหมยกเงินถวายแด่ราชสำนัก เกิดขึ้นครั้งแรกสมัยพระพรหมวรราชสุริวงศ์ หรือพระพรหมราชวงษา (กุทอง) ต้นตระกูลของนามสกุลสุวรรณกูฏ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองคนที่ 3 ของอุบลราชธานี ได้สั่งให้นางจมลี (ขณะนั้นยังไม่มีนามสกุล) ช่างทอฝีมือประจำสำนักเจ้าเมืองอุบลราชธานี ทอผ้าปูมขิต ทูลเกล้าฯถวายแด่พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัฐกาลที่ 4 และพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานผ้าทอมือดังกล่าว ให้กับประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยนั้น

สำหรับผ้าซิ่นไหมยกเงินดอกลายพิกุล ที่นายเลียง ไชยกาล นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อ 54 ปีก่อน ยังมีผ้าซิ่นไหมที่ทอพร้อมกันอีกผืน ถูกเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติอุบลราชธานีด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น