ศูนย์ข่าวภาคอีสาน-แพทย์ชี้แนวโน้มคนเป็นหืดมากขึ้น เผยผลวิจัยใหม่ล่าสุด GOAL study จากกลุ่มตัวอย่าง 44 ประเทศทั่วโลก กว่า 3 พันราย พบวิธีควบคุมโรคได้ โดยใช้ยาผสมสเตอรอยด์กับยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว ช่วยให้ไม่มีอาการหอบ เล่นกีฬาได้ ใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ
ผศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ อายุรแพทย์หน่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคหืด ในปัจจุบันว่า จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2545 พบว่า มีผู้ป่วยโรคหืดเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากการหอบรุนแรงฉับพลันถึง 105,993 คน และมีแนวโน้มที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยจำนวนมากกว่า1,000,000คนที่ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินเนื่องจากอาการหอบ ต้องขาดเรียน ขาดงาน เสียเวลา สิ้นหวัง เสียโอกาสและยังพบว่า โรคหืดจำกัดอิสรภาพ ในการดำเนินชีวิตประจำวันและการมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นกีฬา การนอน การเข้าสังคม ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่สามารถประเมินการสูญเสียเป็นมูลค่าได้
ผศ.นพ.วัชรากล่าวต่อไปว่า โรคหืดเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยมักมีอาการไอ มีเสมหะมากโดยเฉพาะเวลาออกกำลังกายหรือเวลากลางคืน นอกจากนี้ จะมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อย หอบหรือหายใจลำบาก มีเสียงวี้ด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและส่วนรวมโดยทันที แต่ก็เป็นโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และคุกคามต่อชีวิต รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
จากปัญหาดังกล่าว แพทย์ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกันทำโครงการวิจัย GOAL study (Gaining Optimal Asthma Control ) ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น เพื่อศึกษาว่าโรคหืดสามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิงหรือไม่ โดยทำการศึกษาจากผู้ป่วยจำนวน 3,421 ราย จาก 44 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทย และพบว่าภายใน 7 – 8 สัปดาห์ แพทย์สามารถควบคุมโรคหืดได้อย่างสิ้นเชิง โดยการใช้ยาผสมสเตอรอยด์กับยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาวกับผู้ป่วย
การวิจัยครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง เพราะจากเดิมจะมีความเชื่อกันว่า ผู้ป่วยโรคหืดจะต้องคู่กับโรคหอบตลอดไป และให้ผู้ป่วยคอยควบคุมชีวิตประจำวันของตนเองเพื่อไม่ให้อาการหอบเกิดขึ้น แต่ต่อจากนี้ไป ผู้ป่วยโรคหืดทุกคนสามารถควบคุมโรคได้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ไปพบแพทย์และแจ้งให้แพทย์ทราบว่า ต้องการควบคุมโรคโดยการใช้ยาผสมสเตอรอยด์ กับยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว รวมทั้งต้องปฏิบัติตนและใช้ยาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
สำหรับการควบคุมโรคได้อย่างสิ้นเชิง นพ.วัชรากล่าวว่า จะทำให้ผู้ป่วยปราศจากอาการต่างๆ ดังนี้ คือ จะไม่มีอาการหอบในช่วงระหว่างวันและกลางคืน, ไม่มีอาการกำเริบของโรคหืด เช่น หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้, ไม่ต้องใช้ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น, ไม่ต้องไปห้องฉุกเฉินเนื่องจากอาการหอบ, มีค่าสมรรถภาพปอดปกติ รวมทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคหืดแต่อย่างใด
ผศ.นพ.วัชรา บุญสวัสดิ์ อายุรแพทย์หน่วยโรคระบบทางเดินหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยถึงสถานการณ์โรคหืด ในปัจจุบันว่า จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 2545 พบว่า มีผู้ป่วยโรคหืดเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากการหอบรุนแรงฉับพลันถึง 105,993 คน และมีแนวโน้มที่สูงมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากนั้นยังมีผู้ป่วยจำนวนมากกว่า1,000,000คนที่ต้องเข้ารับการรักษาที่ห้องฉุกเฉินเนื่องจากอาการหอบ ต้องขาดเรียน ขาดงาน เสียเวลา สิ้นหวัง เสียโอกาสและยังพบว่า โรคหืดจำกัดอิสรภาพ ในการดำเนินชีวิตประจำวันและการมีกิจกรรมต่างๆ เช่น การเล่นกีฬา การนอน การเข้าสังคม ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่สามารถประเมินการสูญเสียเป็นมูลค่าได้
ผศ.นพ.วัชรากล่าวต่อไปว่า โรคหืดเป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยมักมีอาการไอ มีเสมหะมากโดยเฉพาะเวลาออกกำลังกายหรือเวลากลางคืน นอกจากนี้ จะมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อย หอบหรือหายใจลำบาก มีเสียงวี้ด ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่โรคติดต่อร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและส่วนรวมโดยทันที แต่ก็เป็นโรคที่ก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และคุกคามต่อชีวิต รวมทั้งคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและครอบครัว
จากปัญหาดังกล่าว แพทย์ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกันทำโครงการวิจัย GOAL study (Gaining Optimal Asthma Control ) ขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น เพื่อศึกษาว่าโรคหืดสามารถควบคุมได้อย่างสิ้นเชิงหรือไม่ โดยทำการศึกษาจากผู้ป่วยจำนวน 3,421 ราย จาก 44 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทย และพบว่าภายใน 7 – 8 สัปดาห์ แพทย์สามารถควบคุมโรคหืดได้อย่างสิ้นเชิง โดยการใช้ยาผสมสเตอรอยด์กับยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาวกับผู้ป่วย
การวิจัยครั้งนี้นับเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่ง เพราะจากเดิมจะมีความเชื่อกันว่า ผู้ป่วยโรคหืดจะต้องคู่กับโรคหอบตลอดไป และให้ผู้ป่วยคอยควบคุมชีวิตประจำวันของตนเองเพื่อไม่ให้อาการหอบเกิดขึ้น แต่ต่อจากนี้ไป ผู้ป่วยโรคหืดทุกคนสามารถควบคุมโรคได้อย่างสิ้นเชิง เพียงแต่ไปพบแพทย์และแจ้งให้แพทย์ทราบว่า ต้องการควบคุมโรคโดยการใช้ยาผสมสเตอรอยด์ กับยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์ยาว รวมทั้งต้องปฏิบัติตนและใช้ยาอย่างสม่ำเสมอตามคำแนะนำของแพทย์
สำหรับการควบคุมโรคได้อย่างสิ้นเชิง นพ.วัชรากล่าวว่า จะทำให้ผู้ป่วยปราศจากอาการต่างๆ ดังนี้ คือ จะไม่มีอาการหอบในช่วงระหว่างวันและกลางคืน, ไม่มีอาการกำเริบของโรคหืด เช่น หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้, ไม่ต้องใช้ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น, ไม่ต้องไปห้องฉุกเฉินเนื่องจากอาการหอบ, มีค่าสมรรถภาพปอดปกติ รวมทั้งไม่เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคหืดแต่อย่างใด