ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-“เด็กปั๊ม”เมืองโคราช สะท้อนภาพยุคน้ำมันราคาแพง กระทบไปหมดทั้งคนราย คนจน คนขี่เก๋ง ไม่เว้นจักรยานยนต์ จนคำว่า“เต็มถังครับน้อง”ก็เกือบจะหายไป ส่วนใหญ่เหลือแต่คำว่า “เติมน้ำมัน 100 หรือ 200 บาท” เท่านั้น
นายไพโรจน์ กลั่นเกลี้ยง พนักงานบริการประจำสถานีบริการน้ำมันหรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม“เด็กปั๊ม” ของสถานีบริการน้ำมัน ห้างหุ้นส่วนจำกัดโคราชดาวเจริญ ผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมัน “คาล์เท็กซ์”ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา เปิดใจกับ “ผู้จัดการรายวัน”ในยุคน้ำมันแพงว่า ทำงานในปั๊มน้ำมันมานานกว่า 15 ปีต้องยอมรับว่าวิกฤตราคาน้ำมันแพงครั้งนี้หนักที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เพราะที่ผ่านมาไม่ถึงขั้นต้องขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการทำการปิดปั๊มหลังเที่ยงคืนถึงขนาดนี้
ทุกวันนี้พวกเราก็เฝ้าติดตามข่าวว่ารัฐบาลจะเอาอย่างไร พร้อมๆ กับรอดูท่าทีเถ้าแก่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งได้แต่หวังว่าหากต้องปิดหลังเที่ยงคืนจนถึงตีห้าจริงๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คงจะไม่มีการลดพนักงาน เพราะพวกเราอยู่ด้วยกันมานาน อย่างมากที่สุดหากจะต้องถูกลดค่าจ้างในส่วน 5 ชั่วโมงที่ปิดปั๊มน้ำมันไปเราก็คงพอจะรับได้บ้าง
“เด็กปั๊ม” รุ่นพี่ของน้องๆ แห่งปั๊มน้ำมัน หจก.โคราชดาวกระจาย เล่าให้ฟังต่อว่า เรื่องน้ำมันแพงจริงๆ แล้วมันกระทบไปหมด ไม่ว่าจะเป็นคนรวยหรือคนจนโดนด้วยกันทั้งนั้น ลูกค้าที่ขับรถปิกอัพหรือนั่งรถเก๋งต่างก็บ่นเรื่องน้ำแพงให้ฟังตลอดทั้งวัน และรู้สึกว่าครั้งนี้มีเสียงบ่นหนาหูมากที่สุดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จนคำว่า“เต็มถังครับน้อง”นานๆ จะได้ยินที เพราะส่วนมากมักจะเติมคันละ 100 หรือ 200 บาทเสียเป็นส่วนใหญ่
“ยิ่งเป็นรถจักรยานยนต์ ซึ่งส่วนมากจะเป็นนักเรียน นักศึกษา หรือคนรับจ้างทั่วไปที่มีรายได้น้อยอยู่แล้วก็คงจะลำบากมากหน่อย โดยก่อนหน้านี้ปั๊มน้ำมันเราจะเติมน้ำมันให้ลูกค้าต่ำสุดไม่เกิน 20 บาท ซึ่งมีขาประจำอยู่ไม่น้อย แต่วันนี้เติม เบนซิล 20 บาทได้นิดเดียว กลายเป็นว่าทุกคนต้องเติมเพิ่มเป็นครั้งละ 30 บาทขึ้นไปโดยปริยาย” นายไพโรจน์ กล่าว
ขณะที่นายสุขสม นันกลาง เด็กปั๊มุรุ่นน้อง อีกคนที่พอจะมีเวลาว่างเพราะรถเข้ามาใช้บริการในปั๊มไม่ค่อยหนาแน่นนักจึงเดินมานั่งร่วมวงสนทนาด้วย กล่าวว่า ที่สำคัญนับตั้งแต่ราคาน้ำมันเบนซิลปรับขึ้นมาถึง 2 ครั้ง เงินค่าทิปที่เป็นสินน้ำใจจากลูกค้าเล็กๆ น้อยๆ จากการที่เราให้บริการเสริม เช่น เช็ดกระจก, เทขยะ หรือเติมลมยางนั้น แทบจะหายไปเลย จากเมื่อก่อนที่เคยได้บ้างเป็นรายได้พิเศษเพิ่มเติม แต่ทุกวันนี้รถวิ่งเข้า-ออกปั๊ม 20 คัน ได้ไม่ก่อน 10-20 บาท ซึ่งพวกเราก็ไม่ได้คิดอะไรยังคงบริการทุกอย่างเต็มที่เหมือนเดิม เพียงแต่อยากยกตัวอย่างให้เห็นว่า มันเปลี่ยนไปมากเหมือนกัน
“ถึงอย่างไรผมก็ไม่เห็นด้วยหากจะบังคับให้มีการปิดปั๊มหลังเที่ยงคืนจนถึงตีห้าเหมือนกันหมดทั่วประเทศ น่าจะเป็นแค่ให้ปิดไฟป้ายโฆษณา หรือร้านต่างๆ ที่ไม่จำเป็นภายในบริเวณก็พอแล้ว เพราะถึงแม้เจ้าของปั๊มน้ำมันจะสงสารพวกเราไม่เอาใครออก หรือไม่หักค่าจ้างลง แต่ก็เห็นใจเถ้าแก่ที่ต้องแบกภาระจ้างพวกเรามานั่งนอนเฝ้าปั๊มจนสว่างเหมือนเดิมแต่ไม่สามารถขายน้ำมันได้ พวกผมก็คงจะกลายเป็นเด็กปั๊มรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องเป็นเด็กนอนเฝ้าปั๊มหลังเที่ยงคืนเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง” นายสมสุข กล่าวตามประสาวัยรุ่นรักสนุกสนาน
นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า จริงๆ แล้วหากต้องปิดหลังเที่ยงคืนในส่วนยอดขายปั๊มน้ำมันของเถ้าแก่แห่งนี้ก็ได้รับผลกระทบไม่น้อย เนื่องจากในช่วงหลังเที่ยงคืนมีลูกค้ารถโดยสารประจำทางสายโคราช-กรุงเทพฯ และสายโคราช-จังหวัดอื่นๆ มาใช้บริการอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีลูกค้ารถบรรทุกสินค้าเกษตรของบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ทั้งหลายที่ขนสินค้ามาซื้อ-ขายกันในตลาดกลางสุรนคร ซึ่งเป็นตลาดขายส่งสินค้าเกษตรแห่งใหญ่ของจังหวัดนครราชสีมาตั้งอยู่ตรงข้ามปั๊มแห่งนี้ที่จะได้รับผลกระทบไปด้วย