xs
xsm
sm
md
lg

โจรเขมรเหิมจับชาวศรีสะเกษเรียกค่าไถ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- โจรเขมรเหิมเกริมหนัก ข้ามแดนจับชาวศรีสะเกษ 2 คนเรียกค่าไถ่ 2 แสนบาทขู่ฆ่าตัวประกันทิ้ง หากไม่ได้ค่าไถ่ภายในวันนี้ (8มิ.ย.) เผยตำรวจ-ทหารไทยนำกำลังผสมกว่า 100 นายพร้อมเฮลิคอปเตอร์ไล่ล่ากระชั้นชิด พร้อมประสานฝ่ายทหารกัมพูชา ช่วยเจรจาบีบโจรเขมรปล่อยตัวคนไทยโดยดี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดศรีสะเกษ ว่า เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (8 มิ.ย.) ร.ต.อ.บรรจง พิไล ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรอำเภอขุนหาญ(สภ.อ.ขุนหาญ )จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากนายบุญจันทร์ พันธุ์บุปผา อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 73/1 ม. 11 ต.ละลาย อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ และนายเชือก โพธิชาติ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 177 ม. 4 ต.พราน อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษว่า เขาทั้ง 2 คน รวมทั้ง นางทองดำ พันธุ์บุปผา อายุ 55 ปี ภรรยาของนายบุญจันทร์ และนายสำริน เทียมจิต อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 102 ม. 4 ต.ห้วยจันทน์ อ.ขุนหาญ ถูกโจรเขมร 2 คนพร้อมอาวุธปืนครบมือจี้จับตัวไปเรียกค่าไถ่เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2547

ต่อมาโจรเขมรได้ปล่อยตัวเขากับนายเชือก กลับบ้านเพื่อให้มานำเงินจำนวน 200,000 บาทไปจ่ายค่าไถ่ตัวนางทองดำและนายสำริน ที่บริเวณถ้ำพระลานเตี้ย ทางด้านทิศตะวันตกของน้ำตกห้วยจันทน์ ต.ห้วยจันทน์ อ.ขุนหาญ ภายในเวลา 14.00 น.ของวันนี้( 8 มิ.ย.) ไม่อย่างนั้นจะฆ่าตัวประกันทั้ง 2 คน

พล.ต.ต.พงศ์เทพ กรุงแก้ว ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรและตชด. ที่ 224 ประมาณ 50 นายรุดไปที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นไร่ปลูกมะเขือของนายบุญจันทร์ ตั้งอยู่ในบริเวณที่ชาวเรียกว่า เพลิงหมูเน่า บ.ห้วนจันทน์ ต.ห้วยจันทร์ จุดที่โจรเขมรเข้ามาจี้จับตัวชาวบ้านไปและบริเวณที่ใกล้กัน ยังเป็นที่ตั้งของ ร้อย ฉก.ตชด.ที่ 224 บ้านห้วยจันทน์ จึงใช้เป็นสถานที่ตั้งฐานปฏิบัติการไล่ล่าโจรเขมรกลุ่มนี้ ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำพระลานเตี้ย ที่โจรเขมรนำตัวคนไทยไปเรียกค่าไถ่ราว 10 กิโลเมตร

พล.ต.ต.พงศ์เทพ กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานไปยังกองกำลังสุรนารี จ.สุรินทร์ เพื่อให้ประสานงานไปยังฝ่ายทหารกัมพูชา ขอให้กดดันโจรเขมรปล่อยตัว 2 คนไทยที่โดนจับตัวไป โดยกลุ่มโจรเขมรได้ยื่นคำขาดให้นำเงินจำนวน 200,000 บาท ไปไถ่ค่าตัวที่พระลานเตี้ยภายในวันนี้ (8 มิ.ย.) หากไม่นำเงินไปให้จะฆ่าตัวประกันทิ้ง

ส่วนการปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกัน ตนได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 30 นาย เดินทางไปยังบริเวณดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เนื่องจากต้องเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เพราะรถทุกชนิดไม่สามารถเข้าไปได้ และยังได้ประสานงานขอเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำ จากกองกำลังสุรนารีนำกำลังทหารและตำรวจจำนวน 30 นาย ไปลงที่ด้านหลังเนินพระลานเตี้ย เพื่อสกัดกั้นการหลบหนีของโจรเขมรกลุ่มนี้

“ขณะนี้กำลังรอฟังผลการเจรจาจากฝ่ายกัมพูชาที่ไปเจรจากับโจรเขมรกลุ่มนี้ เพื่อให้ปล่อยตัว 2 ชาวบ้านที่โดนจับตัวไปเรียกค่าไถ่ ว่าผลจะออกมาอย่างไร” พล.ต.ต.พงศ์เทพ

นายบุญจันทร์ พันธุ์บุปผา สามีนางทองดำ ซึ่งถูกโจรเขมรจับไปและปล่อยตัวมา เพื่อให้นำเงินไปจ่ายไถ่ตัว กล่าว ว่า เมื่อวานนี้( 7 มิ.ย.) เวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่ตนและและภรรยากำลังพ่นยาฆ่าแมลง ในไร่มะเขืออยู่นั้นมีโจเขมร 2 คนพร้อมอาวุธปืนอาร์ก้าครบมือ พูดภาษาไทยค่อนข้างชัดเจน เข้ามาจี้จับตนและภรรยา มัดมือด้วยเชือกแล้วพาตัวมุ่งหน้าไปยังเนินพระลานเตี้ย บังเอิญในระหว่างทางได้พบนายเชือก โพธิชาติ อายุ 50 ปี และและนายสำริน เทียมจิต อายุ 30 ปี กำลังใช้สุนัข 3 ตัว ล่าสัตว์อยู่ โจรเขมรทั้ง 2 คน จึงจี้จับตัวชาวบ้านทั้ง 2 คนไปด้วย

เมื่อไปถึงเนินพระลานเตี้ย โจรเขมรได้ปล่อยตัวนายเชือกกับตนให้มานำเงินจำนวน 200,000 บาท ไปไถ่ตัวนายสำริน และนางทองดำ ซึ่งเป็นภรรยาของตน ภายในเวลา 14.00 น. ของวันนี้( 8 มิ.ย.)

ดังนั้น เมื่อเดินทางมาถึงหมู่บ้านจึงได้แยกย้ายกันเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ออกติดตามคนร้ายกลุ่มดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมว่านายสำรินและนางทองดำ ว่าจะเป็นอย่างไร

ด้าน พ.ท.วีระเกียรติ สุทนต์ รอง ผกก.ตชด.ที่ 22 จ.อุบลราชธานี ซึ่งนำกำลัง ตชด.เข้าร่วมปฏิบัติการไล่ล่าโจรเขมรครั้งนี้ กล่าวว่า การเดินทางไปยังพระลานเตี้ยดังกล่าว เป็นเส้นทางรกทึบเลาะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และมีกับระเบิดอยู่เป็นจำนวนมาก กำลังทหารและตำรวจ จึงต้องใช้ผู้นำทางที่มีความชำนาญในพื้นที่ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายกองกำลังสุรนารีและตำรวจภูธรภาค 3 จะสามารถเจรจากับฝ่ายทหารกัมพูชา เพื่อบีบกดดันให้โจรเขมรปล่อยตัว 2 คนไทยออกมาโดยปลอดภัย หรือสามารถยุติปัญหานี้ได้ด้วยสันติวิธี แต่หากการเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จคงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด ซึ่งการปฏิบัติการต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวประกันเป็นสำคัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น