กระแสตีกลับ งานโชว์พลุสุดอลังฯ กลาง “สุขุมวิท” วอนผู้จัดเห็นใจ เสียงดังกระทบหลายชีวิต “พลุฉลองปีใหม่” นักท่องเที่ยวรอดู แต่คนอยู่ในพื้นที่เดือดร้อน เพราะกฎหมายไทย ขอแค่ความปลอดภัย ไม่ได้ใส่ใจเรื่อง “เสียง”
** “ขอร้อง” อย่าจุด “อภิมหาพลุ” กลางเมือง **
“พลุ” กับ “งานฉลองปีใหม่” เป็นของคู่กัน และสิ่งที่ตามมาเสมอในทุกๆ ปี คือ “ดรามา” เรื่อง “เสียง” ซึ่งครั้งนี้เกิดกับงาน “EXTRAVAGANZA SUKHUMVIT COUNTDOWN2026”
อีเวนต์ที่ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ร่วมกับเครือข่ายภาคีภาคเอกชนจัดขึ้นมา โดยไฮไลท์หลักของงาน ที่เป็นดรามาคือ การ “โชว์พลุ” ใจกลาง “สุขุมวิท” 15 จุด ความยาว 2 กม. นาน 2 นาที ตั้งแต่สถานี BTS อโศก-พร้อมพงษ์-ทองหล่อ ด้วยจำนวนพลุกว่า “50,000 ดอก”
ตรงนี้เองที่ทำให้คนวิจารณ์กันหนัก เพราะ “ย่านสุขุมวิท” เป็นจุดที่มีอาคารสูงมากมาย แถมเป็นแหล่ง “ที่อยู่อาศัย” ของผู้คน จึงไม่อาจหลีกเลี่ยง “เสียงดัง” รบกวน ถ้าจะการจัดโชว์พลุ “ใจกลางเมือง” แบบนี้
ทั้งกระทบต่อ “คนทั่วไป” “เด็ก” “คนแก่” “คนป่วย” หรือแม้กระทั่ง “สัตว์เลี้ยง” อย่างที่จะเห็นข่าวทุกปีว่า มีเหล่าหมา-แมววิ่งเตลิดหายออกไปจากบ้าน เพราะกลัวเสียงพลุ
หลายเสียงเสนอว่า ยุคนี้แล้ว ควรเปลี่ยนจาก “โชว์พลุ”มาเป็นใช้ “โดรนแปรอักษร”ดีกว่าไหม? เพราะไม่มีเสียงดังรบกวน รวมทั้งไม่มีมลพิษจากควันและกำมะถันแบบพลุ
ด้านพิธีกรรายการข่าวชื่อดัง อย่าง “ต๊ะ-นารากร ติยายน”ก็ออกมาแสดงความรู้สึก “ไม่เห็นด้วย” ผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก กับโปรเจกต์พลุสุดอลังการใจกลางเมืองแบบนี้เหมือนกัน
“ถนนสุขุมวิทมีตึกสูงมากมาย มีผู้อยู่อาศัยหลายหมื่นชีวิต และยังมีสัตว์จรจัดที่จะเตลิดตกใจจากเสียงพลุ ยุคสมัยนี้ เค้าแข่งกัน
โชว์ความงดงามจากโดรนกันแล้ว
จุดพลุมีแต่สิ้นเปลืองและก่อมลพิษ อยากให้เดอะมอลล์เป็นตัวอย่างที่ดี ของผู้ประกอบการที่คำนึงถึงผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนใจตอนนี้ยังไม่สายนะคะ”
{“ต๊ะ-นารากร” พิธีกรข่าวชื่อดัง}
ล่าสุด หลังฟังฟีดแบ็กของสังคม ผู้จัดงานอย่าง “เดอะมอลล์ กรุ๊ป”ก็ออกมายืนยันทันทีว่า คำนึงถึง “ผลกระทบ”ทั้งด้านความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย รวมถึงชุมชนย่านสุขุมวิทเป็นสำคัญแน่นอน
และยอมปรับเปลี่ยนรูปแบบงานแล้ว ด้วยการ “ยกเลิกการจุดพลุแบบเดิม” แล้วหันมาเลือกใช้แนวทาง “Eco-Friendly Pyro”แทนซึ่งคือพลุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดมลภาวะด้านเสียงและควันพิษควบคู่กับการใช้ “Drone Performance”หรือการแสดงโดรนที่ปลอดภัยและไม่รบกวนชุมชน
{แผนแสดงพลุสุดอลังการ กลางสุขุมวิท}
** เน้น “ปลอดภัย” ไม่ได้คุมเรื่อง “เสียง” **
เอาเข้าจริง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ไม่ได้มีแค่งานนี้งานเดียว ที่ปักหมุดโชว์ “อภิมหาพลุ” กลางใจเมือง แต่ยังมีหลายที่ที่มีไฮไลท์ฉลองปีใหม่แนวเดียวกัน
อย่างงาน “Amazing Thailand Countdown 2026” ที่ “ICONSIAM” ก็มีไฮไลท์คือ “โชว์พลุ” ความยาวกว่า “1.4 กม.” ครอบคลุมรัศมีการชมถึง 5 กม.
หรืออีกงานก็อย่าง “centralwOrld Bangkok Countdown 2026” ของ “เซ็นทรัลเวิลด์” ที่มีการโปรโมตว่า จะมีโชว์พลุรูปแบบใหม่ ใจกลางเมืองที่ “ยาวที่สุด”
อีกงานที่เป็นแลนด์มาร์คใหม่แถวพระราม 4 คือ “One Bangkok Countdown Celebration 2026” ณ “One Bangkok” โครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ที่จะมีโชว์พลุเคาท์ดาวน์แบบ 360 องศา และมีอีกหลายงานทั่วกรุง
ประเด็นคือที่เคสสุขุมวิท หรือจุดอื่นๆ เหล่านี้ สามารถจัดให้มี “โชว์พลุ”ได้ แม้จะเป็นใจกลางเมือง ก็เพราะพื้นที่พวกนี้ตามกฎหมายแล้ว ถูกจัดให้เป็น “โซนสีแดง” หรือ “ที่ดินประเภทพาณิชย์”
เป็นที่ดินที่กฎหมายอนุญาตให้จัดกิจกรรมได้ เว้นแต่ว่าเป็นกิจกรรมที่มีเสียงดังเกินกว่าปกติ อย่างคอนเสิร์ต หรือโชว์พลุ ต้องมีการ “ขออนุญาต”เพิ่มเติมอีกที ถึงจะจัดได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “รศ.ดร.สญชัย ลบแย้ม” หัวหน้าภาควิชาการออกแบบและวางผังชุมชนเมือง คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร บอกกับทีมข่าวว่า งานอีเวนต์ทั้งหมดที่โปรโมตออกมา แน่นอนว่าผู้จัดต้องขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว
โดย “การขออนุญาต” เพื่อจัดงานโชว์พลุต่างๆ ในพื้นที่ กทม.นั้น ทาง “สำนักงานเขต” จะพิจารณาจากการควบคุม 2 เรื่องหลักๆ คือ 1.ความปลอดภัยและ2.รูปแบบงาน
เริ่มจากเรื่อง “ความปลอดภัย”ก่อน เช่น พื้นที่ในการจุดพลุ ต้องห่างจากอาคาร ปั๊มน้ำมัน และมีการป้องกันเรื่องสะเก็ดไฟ มีทีมดับเพลิงเตรียมพร้อมเสมอ ฯลฯ
{“รศ.ดร.สญชัย” นักวางผังชุมชนเมือง}
กับอีกประเด็นคือเรื่อง “รูปแบบงาน”ที่ต้องระบุให้ชัดเจนว่า จะจุดพลุ “กี่ลูก-กี่นาที”ซึ่งส่วนใหญ่การจุดจะไม่เกิน 2-3 นาทีเพื่อลดผลกระทบจากเสียงให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ได้กำหนดแน่ชัดว่า ต้องเสียงดังไม่เกินกี่เดซิเบล
“เรื่องเสียง ที่คิดเดซิเบลเนี่ย ส่วนตัวยังไม่เคยเห็นกฎหมาย ที่กำหนดเรื่องนี้อย่างชี้ชัดนะครับ”
ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้กำหนดให้ชัด คนรับจัดงานอีเวนต์อย่าง “ข้าวโอ๊ต-ภัทรพิสิฐ สังขทัต ณ อยุธยา” จาก บริษัท เรด แคป ออกาไนเซอร์ จำกัด ช่วยวิเคราะห์เอาไว้ให้ว่า เพราะการแสดงพลุ มันไม่สามารถควบคุมเสียงได้เหมือนกับคอนเสิร์ต
แต่ถึงอย่างนั้น เวลาเหล่าผู้จัดงานไปขออนุญาตกับทางสำนักเขต เพื่อขอแสดงโชว์พลุ ก็จะมีการขออนุญาตใช้เสียง ซึ่งจะมีการ“เสียค่าปรับ”ไว้ล่วงหน้าก่อนเลย และถ้ามีคนมา “ร้องเรียน” เพิ่มเติม ก็ต้องเสียค่าปรับ “เพิ่ม” อีก
“ที่สำคัญครับ ต้องขออนุญาตใช้เสียงด้วย แล้วก็ต้องเสียค่าปรับด้วยแน่นอน ยิ่งถ้ามีคนร้องเรียน ก็จะโดนค่าปรับต่างหากอีก”
ทั้งนี้ทั้งนั้น เหล่าผู้จัดอีเวนต์มักจะลงพื้นที่สำรวจ และพูดคุยกับชุมชนก่อน เพื่อออกแบบโชว์ให้เกิดผลกระทบกับชุมชน และผู้คนที่อาศัยในพื้นที่ให้น้อยที่สุดอยู่แล้ว
** เปลี่ยนทันไหม?ถ้าไม่ใช่ “พลุ” **
ถึงแม้ว่า “การโชว์พลุปีใหม่” คือหนึ่งในกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แถมอีเวนต์นี้ก็เป็นสิ่งที่ใครหลายๆ คนเฝ้ารอ ที่จะได้เห็นความอลังการของพลุเฉลิมฉลอง ด้วยตาเนื้อของตัวเอง
แต่ก็อย่าลืมว่าในความรื่นเริงนี้ ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เดือดร้อน ทั้งความรำคาญจากเสียงดัง ไหนจะเหล่าหมา-แมวที่ต้องหนีหาย เพราะตกใจเสียงพลุ
ในสายตาของ “นักวางผังเมือง” อย่าง รศ.ดร.สญชัย จึงมองว่า ควรต้อง “กำหนดเขต” สำหรับกิจกรรมนี้โดยเฉพาะไปเลย คือเลือกโซนพื้นที่จัดแสดงพลุ แยกออกมาจากเขตชุมชนที่หนาแน่น เพื่อลดผลกระทบ
หรือถ้าไม่อยากจัดกิจกรรมนอกพื้นที่ อย่างเคสของศูนย์การค้าต่างๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง ก็คงต้องเปลี่ยนรูปแบบงาน โดยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาแทนที่ เช่น “โดรนแปรอักษร” ที่หลายคนเสนอไว้ เพื่อลดมลพิษทางเสียง
“เป็นไปได้ไหมครับ ที่คิดอย่างสร้างสรรค์ว่า อาจจะไม่ต้องจุดพลุก็ได้ ปล่อยโดรนได้ไหม เดี๋ยวนี้มันมี หรือยิงเลเซอร์นะครับ แล้วใช้Sound Effect อะไรบางอย่าง ที่มันเป็นเสมือนจริงในยุคปัจจุบัน”
แต่ถึงอย่างนั้น ก็ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “โดรน”อาจมาแทนที่พลุ 100%ไม่ได้ เพราะ “ต้นทุน”มัน “สูงมาก”
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ การแสดง “พลุ”1 นาทีจุดแบบเต็มท้องฟ้า ใช้เงินประมาณ 150,000-200,000 บาท
แต่ถ้าเป็น “โดรน” ถ้าต้องการให้ออกมาสวยเต็มท้องฟ้า ต้องใช้โดรนราวๆ “50-100 ลำ” ซึ่งงบจะดีดไปถึง “หลักล้าน!!”
“ถ้าพูดในเรื่องของราคาเนี่ย มันต่างกันเยอะครับ และโดรนมันมีข้อจำกัด 1.เรื่องการขออนุญาต 2.เรื่องแรงลม การโปรแกรม แล้วก็generate ต่างๆ มันจะยากกว่าพลุครับ”
นอกจากนี้ บริษัทที่รับบินโดรน เพื่อแปรอักษรตามงานอีเวนต์ในไทย หลักๆ ตอนนี้ก็มีไม่เกิน “5 เจ้า” เท่านั้น ด้วยราคาที่แพง กับปริมาณที่น้อย คงไม่สามารถตอบสนองการจัดอีเวนต์ปีใหม่ ที่จัดกันทั่วเมืองไทยได้อย่างแน่นอน
{“โดรนแปรอักษร” ต้นทุนสูง บริษัทในไทยมีน้อย}
ดังนั้น ถ้าไม่เลือกใช้ “พลุ”และไม่สะดวกจะใช้ “โดรน” นักจัดอีเวนต์อย่างข้าวโอ๊ตก็มองว่า ทางออกที่จะเป็นไปได้ที่สุดคือ “การแสดงเลเซอร์ (Laser Show)”หรือใช้ “แสงไฟสปอตไลต์ (Spotlight)” ยิงโชว์บนท้องฟ้า ประกอบเสียงเพลง
ต่างกันตรงที่การโชว์รูปแบบนี้ อาจดูไม่อลังการเท่าพลุไฟ แต่จะสามารถควบคุมเรื่องเสียง ไม่ให้กระจายออกไปเกินขอบเขตของงานได้
{“ข้าวโอ๊ต” ช่วยวิเคราะห์ผ่านมุมมอง ผู้จัดอีเวนต์}
หรือถ้าเพิ่มเงินอีกหน่อย แล้วหันมาใช้ “Projection Mapping”เทคนิคการฉายภาพลงบนพื้นผิววัตถุจริง อย่างบนอาคารสูง ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะสำหรับพื้นที่งาน ที่มีความละเอียดอ่อนเรื่องการใช้เสียง
“ถ้าคุณจะทำจริงๆ มันอาจจะพลิกรูปแบบได้ อย่างที่ผมบอกว่า จากพลุ เป็นแค่เลเซอร์ไหม หรือจากพลุ คุณเพิ่มตังค์อีกหน่อย เป็นMapping หรือเป็นโดรนไหม?
ออแกไนเซอร์ หรือว่าผู้จัดทุกเจ้าอะครับ จริงๆ เขามีการวางแผนการทำงานอยู่แล้วแหละ และส่วนใหญ่จะให้คำแนะนำผู้จัดว่า สิ่งไหนควรทำ สิ่งไหนไม่ควรทำ”
{“Projection Mapping” เทคนิคการฉายภาพ ลงบนพื้นอาคารสูง}
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “prop2morrow”, “นารากร ติยายน”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


