บิดเบือนข้อมูล ด้อยค่า“นมไทย” ให้ร้าย“นมผง” เจาะกรณีศึกษา พฤติกรรมเหล่าอินฟลูฯ ตบเท้าเข้ามาสื่อสารเรื่องสุขภาพแบบผิดๆ สรุปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หรือคือ“โฆษณาแฝง” เพื่อขายของ ผ่านรายการและคนทำสื่อ
** โบ้ยสารพัด เพื่อป้ายสี “นมผง” **
“รู้ไหมว่านมในไทย ส่วนมาก มันไม่ใช่นมแท้ มันคือนมผง”
นี่คือคำพูดของ “เมย์ (ศวิตา เศรษฐาภรณ์)” เจ้าของเพจสุขภาพชื่อดัง “Ms Happy Diet” แขกรับเชิญ ในรายการ “Woody อเวนเจอร์”ของพิธีกรชื่อดังอย่าง “วู้ดดี้ (วุฒิธร มิลินทจินดา)”ที่กลายมาเป็นดรามาร้อนในวงกว้าง
เพราะนอกจากเปิดข้อมูลว่า นมส่วนใหญ่ในตลาด มีนมผงเป็นส่วนผสมแล้ว เธอยังพูดถึง “ผลกระทบ”จากประสบการณ์ตรง ช่วงกินนมพวกนี้ในตอนเด็ก คือทำให้เธอมี “ผื่น”ขึ้นเต็มแขน จากอาการ “แพ้แลคโตส (Lactose Intolerance)”
แถมยังให้ข้อสังเกตอีกว่า เวลาไปกินผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมในเมืองนอก ทำไมท้องไม่อืด นั่นก็เพราะนมพวกนั้นไม่ได้ใส่ “นมผง” เข้าไป เหมือนในนมไทย
{“เมย์-ศวิตา” อินฟลูฯ เพจสุขภาพ “Ms Happy Diet”}
แขกรับเชิญอีกคนอย่าง “เชฟทักษ์” (ดร.นุติ หุตะสิงห) เจ้าของเพจ “TUCK the CHEF”ก็เสริมว่า “นมผง” ในกระบวนการผลิต มีการผสมสารอื่นๆ เข้าไปด้วย เพื่อให้มันอยู่ในลักษณะ “ผง”ได้
“แต่กระบวนการผลิตนมผง มันเป็นนมเพียวๆ ไม่ได้ มันต้องใส่สารอื่นไปด้วย เพื่อให้ผงมันอยู่ในลักษณะผงได้ ไม่ชื้น แล้วก็ละลายน้ำได้ มันจะมี additives (สารปรุงแต่ง) ตัวอื่นที่เขาใส่ไป แต่เขาไม่ระบุ”
โดยในรายการ มีการบอกอีกว่า นมวัวแท้ๆ “หายาก”เพราะเวลารีดออกมาแล้ว “เสีย”เร็วมาก ซึ่งถ้าอยากรู้ว่า “นม” ยี่ห้อไหน มาจากนมวัวแท้ๆ ให้สังเกตดูที่เขียนว่า “Grass Fed Milk”นมจากวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าเป็นหลัก ซึ่งมีน้อยมากๆ ในไทย“เชฟทักษ์” อินฟลูฯ และแบรนด์แอมฯ “Mace Milk”
{“เชฟทักษ์” อินฟลูฯ และแบรนด์แอมฯ “Mace Milk”}
หลังจากเรื่องนี้ถูกแชร์ออกไป เหล่านักวิชาการรวมถึงหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ต่างออกมาโต้เป็นเสียงเดียวกันว่า ข้อมูลเหล่านี้ “ไม่เป็นความจริง” แถมยังส่งผลกระทบ ทำให้คนดูรู้สึกว่า “นมไทยไร้คุณภาพ” และเต็มไปด้วยสารเคมี
อย่างที่ “รศ.น.สพ.ดร.สุดสรร ศิริไวทยพงศ์” รองศาสตราจารย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ เธนุเวชวิทยา คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเอาไว้
เริ่มจากประเด็นแรก อย่างเรื่อง “การแพ้นมวัว” ว่าไม่ได้เกิดจากสารเคมีที่ “ตกค้าง” หรือ “เจือปน” อยู่ในนม แต่แพ้เพราะร่างกายมีปฏิกิริยากับ “โปรตีน” ใน “นม”
ส่วนอาการ “ท้องอืด-ท้องเสีย” ก็มาจากร่างกายย่อย “น้ำตาลแลคโตส” ไม่ได้ ไม่เกี่ยวกับสารเคมีในนมอย่างที่กล่าวอ้าง
อีกเรื่องคือ โรงงานผลิตนมในไทย มีมาตรฐานที่เข้มงวด ประเด็น “สารเคมีตกค้าง” แทบจะไม่มีเลย หรือถึงมีก็น้อยมาก จนไม่ส่งผลต่อสุขภาพ
ส่วนประเด็นที่พูดราวกับว่า “นมผง” เป็นของอันตราย เพราะมี “สารปรุงแต่ง” นั้น ข้อเท็จจริงคือนมผงคุณภาพดีในไทย จะใช้สารปรุงแต่งที่ผ่านมาตรฐานของ อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) มีความปลอดภัยสูง และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
และที่เคลมไว้ว่า นมวัวแท้ในไทย “หายาก” นั้น หลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวว่า “ไม่จริง” เช่นกัน เพราะแค่เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ ก็เจอเข้ากับผลิตภัณฑ์ที่ระบุข้างกล่องตัวเป้งๆ แล้วว่า “น้ำนมโคสดแท้ 100%” อย่างน้อย 4-5 ยี่ห้อ
ที่สำคัญคือนมโคพวกนี้ที่นำมาผลิตก็ “ปลอดภัย” เพราะ “กรมปศุสัตว์” ยืนยันว่า มีการส่งเสริมและตรวจสอบคุณภาพน้ำนมดิบในทุกระดับ ตั้งแต่การเลี้ยง จนถึงการรีดนมวัว คือทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้ระบบรับรองมาตรฐานของกรมปศุสัตว์
** บิดเพื่อขาย หวัง Tie-in? **
ทุกข้อมูลที่ถูกพิสูจน์ภายหลังแล้วว่า คือ “การบิดเบือน” ผ่านรายการ “Woody อเวนเจอร์” จึงผลักให้รถทัวร์คันใหญ่ วิ่งเข้าหาเจ้าของรายการอย่าง “วู้ดดี้”
ตั้งคำถามกันหนักมากว่า ผู้ดำเนินรายการ-เจ้าของรายการ ได้มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลบ้างหรือเปล่า? ซึ่งหลังถูกทัวร์ลง เจ้าตัวก็ได้ออกมา “ขอโทษ” และ “ระงับ”การเผยแพร่คลิปดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีการขุดไปจนเจอว่า 1 ในแขกรับเชิญ อย่าง “เชฟทักษ์”คือ “Brand Ambassador”ของ “Mace Milk” ที่มักจะชูจุดขายว่าคือ “นมวัวแท้ 100%”เหมือนกัน
โดยในรายการนี้ มีการพยายามชี้นำไปว่า มีน้อยยี่ห้อในไทยที่จะเป็นนมโคแท้ๆ แถมคำพูดในคลิปเชฟทักษ์ ยังมีท่าทีเหมือนพยายามโฆษณาแฝงแบบเนียนๆ ด้วยการพูดว่า...
“ถ้าไม่อัดรายการ ผมบอกยี่ห้อได้เลย ยี่ห้อไหนไม่ใส่นมผง”
{รายการที่กลายเป็นดรามา “ด้อยค่านมไทย”}
ยิ่งเอาหลายๆ องค์ประกอบความแปร่งแปลกเหล่านี้มารวมกัน ยิ่งเห็นภาพชัดมากขึ้น จนชวนตั้งคำถามว่า การพยายามพูดบิดข้อมูลพวกนี้ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ “โจมตีแบรนด์อื่น” แล้วแอบเชียร์สินค้าที่ตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผ่านรายการแบบเนียนๆ หรือเปล่า?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “เชฟทักษ์” ได้ออกมาขอโทษแล้วว่า ไม่ได้ตั้งใจโจมตีนมไทย ยอมรับในความผิดพลาดนี้ และยืนยันว่า ไม่ได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์ไหน เพื่อให้มาออกรายการในครั้งนี้
ด้านแขกรับเชิญอีกราย อย่าง “เมย์” ก็ออกมาขอโทษทุกฝ่ายแล้วเช่นกัน ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการให้ข้อมูลของเธอที่ว่า นมในไทยส่วนใหญ่ไม่ใช่นมแท้ พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่มีสปอนเซอร์นมวัวใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
เช่นเดียวกับทางแบรนด์ “Mace Milk” เอง ที่ออกแถลงการณ์ในทันทีว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหา การสนทนา หรือความคิดเห็นใดๆ ที่ปรากฏในคลิป และไม่ได้มีส่วนร่วมในการผลิต สนับสนุน หรือฝากผลงานในรูปแบบไหนเลย
ส่วนตัวรายการนั้น หรือแม้แต่ในฐานะอินฟลูฯ ที่ชอบหยิบข้อมูลต่างๆ มาทำคอนเทนต์ ทั้งจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์, เอกสารวิชาการ ฯลฯ มาบอกเล่าแบบกว้างๆ แต่ไม่ให้รายละเอียด
ผลที่ได้คือ ทำให้ผู้คนตระหนก เพื่อเรียกยอดเข้าถึง-ยอดวิว หรือหนักกว่านั้นคืออาจมีผลประโยชน์แอบแฝง จากการพยายามสอดแทรกการขายสินค้า
ยิ่งถ้าเป็นคอนเทนต์เกี่ยวกับ “สุขภาพ-อาหาร-ของกิน”หรืออะไรก็ตามที่กระทบกับสังคมวงกว้าง ยิ่งต้องระวังเรื่อง “ความถูกต้อง” และเช็กให้ดีก่อน
อย่างที่ “รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ หนึ่งในนักวิชาการ ที่คอยแก้ไขข้อมูลผิดๆ บนโซเชียลฯ มาโดยตลอด แนะเกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้
“เราจะเริ่มเห็นบ่อยขึ้นว่า มีการพูดให้ข้อมูลข่าวสาร ที่ฟังดูเป็นวิชาการ แต่จริงๆ มันมีผลประโยชน์ข้างหลัง ทำให้เรากลัวอย่างนึง เพื่อไปซื้อสินค้าอีกอย่างนึง
ถ้าข้อมูลต่างๆ มันยังไม่ถูกต้อง ยังไม่ครบถ้วน เราควรจะต้องชั่งใจก่อนว่า มันควรต้องรีบเผยแพร่ออกไปหรือเปล่า”
แต่คงไม่ต้องทำถึงขั้นประเทศจีน ที่อินฟลูฯ คนไหน จะพูดสื่อสารเรื่องเฉพาะทางอะไร ต้องมีใบอนุญาตก่อน เพราะกฎหมายไทยก็ยังมี “พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”ลงโทษบุคคลที่นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
โดยมีความผิดคือ จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งถ้าหยิบมาบังคับใช้กันอย่างจริงจัง กับเรื่องความถูกต้องของเนื้อหาบนโซเชียลฯ คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนกว่านี้
{“รศ.ดร.เจษฎา” อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา}
** “คุณค่า” ไม่ต่าง เลือกตามใจ **
ท่ามกลาง “ข้อมูลลวง” ที่ผู้บริโภคได้รับ จากดรามา “นมผง-นมวัว” ในครั้งนี้ สิ่งที่ควรรับรู้คือ ข้อเท็จจริงที่ว่า “นมผง” ก็มาจาก “นมวัวแท้ๆ”
ด้วยการผ่านกระบวนการทำให้เป็นผงแห้ง ซึ่งระหว่างขั้นตอนการผลิต อาจจะทำให้ “วิตามิน-โปรตีน-แคลเซียม” บางตัวหายไปบ้างจากการผ่านความร้อน
แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อนำ “นมผง” กลับมาทำเป็น “นมกล่อง” บรรจุขายพร้อมดื่ม ก็จะมีการ “เติม” วิตามินและแร่ธาตุที่หายไป กลับเข้าไปใหม่อยู่ดี
ดังนั้น ถ้าให้วิเคราะห์ในมุมโภชนาการแล้ว ถึงแม้ผลิตภัณฑ์จากนมผง คุณค่าทางโภชนาการอาจน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้ต่างกันในปริมาณมากมายอะไรนัก จึงสามารถกินทดแทนกันได้
อย่างที่ “ปวีณา วงศ์อัยรา” นักกำหนดอาหารวิชาชีพ จากเพจ “เมื่อวานนี้ทานอะไร?” ช่วยสรุปเอาไว้ให้เข้าใจง่ายขึ้นว่า เวลาดื่มนม สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือ โปรตีน, แคลเซียม และฟอสฟอรัส
ดังนั้น ถ้าดู “ฉลาก” แล้วว่า มันมีสารอาหารเหล่านี้ ตามที่ผู้บริโภคต้องการ ไม่ว่าตัวสินค้าจะมาในรูปแบบ “นมวัว 100%” หรือ “นมผง” ก็สามารถหาซื้อมาดื่มได้ทั้งนั้น
ในเมื่อคุณค่าทางโภชนาการไม่ต่างกันมาก บางคนที่ไม่ซีเรียสก็อาจจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่ “ผสมนมผง” เพราะราคาถูกและเข้าถึงได้ง่ายกว่า
แต่กับบางคนที่ต้องการความเพียว ซีเรียสเรื่องสิ่งเจือปน หรือสารเคมี ก็อาจจะเลือกซื้อ “นมแท้ 100%” ตามแต่ความสะดวกและสบายใจ ซึ่งไม่มีถูกหรือผิด
“ถ้าสมมติว่า เอานมผงมาผสมน้ำ แล้วเอาสัดส่วนให้มันเท่าๆ กับนมสด คุณค่าทางโภชนาการมันน้อยกว่า ด้วยกระบวนการทำให้มันกลายเป็นผง
มันทดแทนกันได้ค่ะ สุดท้าย ให้กลับไปดูเรื่องฉลากโภชนาการอยู่ดี คือเวลาคุยเรื่องนมเนี่ย ต้องถามว่า เรากินเอาอะไร
ถ้าเราบอกว่า เราอยากกิน 100% เราสบายใจ เราไม่อยากให้มันมี food additive ในร่างกายเราเลย ไม่อยากจะกินวัตถุเจือปนเลยอย่างงี้ ก็ตามนั้น”
{“ปวีณา” นักกำหนดอาหารวิชาชีพ}
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “Jessada Denduangboripant”, “Ms Happy Diet - Everyday Wellness”, “TUCK the CHEF - เชฟทักษ์”, “Woody”, X @skongki2000
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **


