xs
xsm
sm
md
lg

“จักรๆ วายๆ” ปรากฏการณ์ชวนจิ้นผ่าน “ละครพื้นบ้าน” เพิ่มรสชาติ-แปลกใหม่-ตามเทรนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผลตอบรับดีเกินคาด!! “เดชอสูรขันแก้วนพเก้า” กับโมเมนต์ชวนจิ้นแบบ “Boys' Love” ที่ไม่คาดไม่ถึงว่าจะได้เห็นใน “ละครจักรๆ วงศ์ๆ” สะท้อนการยอมรับความหลากหลาย ผลักให้ตัวละครสายวาย เข้าได้กับละครทุกแนว อย่างน่าจับตามอง

** อยากตื่นเช้า มาจิ้นสายวาย **


กลายเป็นโมเมนต์ชวนจิ้นแบบซีรีส์วาย ที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้เห็น ในละครพื้นบ้านจักรๆ วงศ์ๆ จากเรื่อง “เดชอสูรขันแก้วนพเก้า” ที่ฉายทางช่อง 7

กับการนำเสนอความรักแนวชายรักชาย ผ่านตัวละครอย่าง “บุษราคัม” กับ “ขันแก้ว” ซึ่งนำแสดงโดย “กฤชสร เปรมปรีดิ์”และ “ภูธนิน สินสมใจ”ที่สร้างโมเมนต์น่ารักๆ ทำเอาแฟนละครจิกหมอนไปตามๆ กัน

แถมมีลามไปจิ้นแบบข้ามคู่ จับ “บุษราคัม”ไปจิ้นกับ “ศรีวิชัย” องครักษ์หนุ่มในเรื่อง ซึ่งรับบทโดย “คมกริช เอกรัตน์” ส่งให้กองเชียร์แบ่งเป็น 2 ฝั่ง ระหว่าง “ขันแก้ว”กับ “ศรีวิชัย”ว่าใครเหมาะกับ “บุษราคัม” มากกว่ากัน


                                              {โมเมนต์ Boys' Love ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น ในละครแนวนี้}

ถือเป็นปรากฏการณ์น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า จะได้เห็นความวายมาปรากฏในละครแนว “จักรๆ วงศ์ๆ” ที่ฉายช่วงเช้าตรู่วันเสาร์-อาทิตย์ ทางช่องมากสีแบบนี้

ส่วนคอซีรีส์วายที่ไม่เคยดูละครแนวนี้มาก่อน ถึงกับเอ่ยปากว่า คงต้องยอมตื่นเช้า มาติดตามละครเรื่องนี้เสียแล้ว

ถ้าจะหาคำตอบว่า อะไรคือแรงผลักเบื้องหลัง ที่ทำให้เกิด “ซีรีส์จักรๆ วายๆ” ท่ามกลางความบูมของกระแสซีรีส์วาย ทั้งแนว “Boys' Love (ชาย-ชาย)” และ “Girls' Love (หญิง-หญิง)”

คนที่ให้คำตอบได้ตรงจุดที่สุด คงหนีไม่พ้น “หลุยส์-สยาม สังวริบุตร” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด ผู้จัดละคร ผู้รับผิดชอบโปรเจกต์ทันสมัยเรื่องนี้โดยตรง

เขามองว่าการใส่ประเด็นเรื่อง “ความหลากหลายทางเพศ” เข้าไป ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าปรับให้มี “ความพอดี” และดัดแปลงเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ให้น่าเกลียด หรือทำให้บทประพันธ์ดั้งเดิมเสียหาย



จากใจจริง ในฐานะผู้จัด ไม่ได้ตั้งใจนำเสนอโมเมนต์ชวนจิ้น เพื่อขายเหล่าสาววาย หลักๆ เพียงต้องการทำให้ละครดูเข้ากับยุคสมัย และเพิ่มอรรถรสให้ผู้ชมเท่านั้น

“ละครเนี่ย แต่ละยุค แต่ละสมัย มันจะสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนสมัยนั้น ซึ่งสมัยนี้ มันเป็นแนวๆ นี้ มันก็อาจออกมาได้ แต่ว่าต้องดูให้มันพอดี อย่าให้มันเสียหายนะครับ

คนที่ชอบทางด้านแนวนี้ เขาก็คอมเมนต์ เขาก็ตื่นเต้นกันว่า หนังทันสมัยขึ้นนะ ละครจักรๆ วงศ์ๆ กล้าดัดแปลง กล้าปรับปรุง ให้มันเข้ากับสมัย

ทำหนังจักรๆ วงศ์ๆ มากี่ปีก็ นั่งพับเพียบ คำพูดไม่เปลี่ยน ไม่มีการนำเสนอตัวแทนของความหลากหลาย อย่างงี้มันก็กระไรอยู่นะครับ

ยิ่งพี่กับน้องชาย (สยม สังวริบุตร) พยายามจะปรับปรุง ให้มันเข้ากับสมัยนี้ พยายามจะปรุงอาหาร ให้มันมีหลายๆ รสชาตินะครับ”


                                         {“หลุยส์-สยาม สังวริบุตร”กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดาราวิดีโอ จำกัด }

** จาก “ตัวตลก” กลายเป็น “ตัวเอก” **

ลองมองย้อนเส้นทางเติบโตบนพื้นที่สื่อกับความเป็น “LGBTQ+” จะเห็นว่าถ้าเป็นสมัยก่อน นิยาย ซีรีส์ หรือแม้แต่หนังแนว “Boys' Love” และ “Girls' Love” จะเป็นอะไรที่ดูกันเฉพาะกลุ่มมากๆ

แต่ทุกวันนี้กระแสนิยมเปลี่ยนไป จะเห็นได้จากสื่อกระแสหลักอย่าง “ทีวี” ช่องต่างๆ ที่เริ่มนำเสนอละคร-ซีรีส์แนวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ และหลายเรื่องก็ได้รับความนิยมในวงกว้าง จนผลักให้เกิด “คู่ขวัญแห่งยุค” ทั้งชาย-ชาย และหญิง-หญิง

ผู้จัดรายเดิมมองว่า การเปลี่ยนแปลงหลักๆ แล้ว น่าจะมาจาก “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” ที่ทำให้ผู้คนในสังคมเปิดใจได้มากขึ้น ต่างจากเมื่อก่อนที่มีความเชื่อผิดๆ ถึงขั้นมีข้อกำหนดในวงการว่า ห้ามนำเสนอความเป็น“เกย์ กะเทย ทอม ดี้” ออกสื่อ เพราะกลัว “พฤติกรรมเลียนแบบ”

“พี่เข้าใจว่ามันมาจาก กฎหมายของประเทศไทยด้วยหรือเปล่า ที่มีการเปลี่ยนแปลงว่า มันมีการแต่งงานได้ มันค่อยๆ พัฒนามา จนคนสนใจอะไรอย่างนี้ แล้วกระแสของเรา กระแสของโลก ประเทศไทยเราก็ค่อนข้างจะเป็นผู้นำ ทางด้านนี้”



ถ้าให้วิเคราะห์ผ่านมุมมองของผู้ต่อสู้เรื่องสิทธิเท่าเทียม ให้กับกลุ่ม LGBTQ+ มาตลอด “ครูจวง” (ปารมี ไวจงเจริญ) สส.พรรคประชาชน มองว่า คือการสั่งสมความรู้ความเข้าใจ จนตกตะกอนออกมาเป็นจุดลงตัวในวันนี้

คือเริ่มจากการต่อสู้กันมาอย่างยาวนาน เป็นเวลาหลาย 10 ปี ทั้งถกเถียง พูดคุย ทำความเข้าใจ สุดท้ายก็มาถึงยุคที่คนส่วนใหญ่ “เปิดใจ” อย่างเห็นได้ชัด

จุดสังเกตที่น่าสนใจเลยคือ ถ้าเป็นเมื่อก่อน คนที่มีจุดยืนว่าคือ “เกย์ กะเทย เก้ง กวาง” อย่างมากจะได้รับบทเป็นแค่ “ตัวตลก” หรือไม่ก็ “ผี”

แต่ทุกวันนี้ เราจะเห็นว่าคาแรกเตอร์เหล่านี้ กลายเป็น “ตัวละครเอก” ที่ถูกนำเสนอในมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งถือเป็น “หมุดหมายที่ดี”ที่ทำให้สังคมค่อยๆ เริ่มเรียนรู้ ความหลากหลายของเหล่าคนที่เป็น LGBTQ+ ผ่านสื่ออย่างละครหรือซีรีส์


                                                            {“ครูจวง” สส.พรรคประชาชน กูรู LGBTQ+}

เพราะจริงๆ แล้ว ความหลากหลายทางเพศไม่ได้มีแค่ “ชาย-หญิง-เกย์-กะเทย-ทอม” แต่ยังมีอีกมากมาย มีการ “ผสมผสาน” ทาง “อัตลักษณ์” , “เพศวิถี” และ “การแสดงออกทางเพศ” ทำห้เกิด “สเปกตรัม” ที่หลากหลาย เหมือน “สีรุ้ง” ที่แบ่งเฉดกันออกไป ตามแต่ละบุคคล 

“LGBTQ+ มันมีสเปกตรัม สเปกตรัมเหล่านี้ มันข้ามกันไปมาได้ด้วยซ้ำ มันไม่ได้หยุดนิ่ง มันมีพลวัต

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ย การที่ซีรีส์ต่างๆ ในไทย เล่นประเด็นนี้มากขึ้น พี่มองว่าเป็นเรื่องดี มันทำให้คนในสังคมค่อยๆ เข้าใจถึงสเปกตรัมที่มากมาย หลากหลายของ LGBTQ+

แม้ว่าวันนี้ ความเข้าใจของแต่ละคนในสังคม ยังไม่ตรงกัน ไม่เป็นไร แต่นี่มันเป็นหมุดหมายที่ดีค่ะ”



สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ :
Facebook “JTJ CLUB”, “ละครพื้นบ้าน - Lakornpeunban”, YouTube “SAMSEARN OFFICIA”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น