xs
xsm
sm
md
lg

ไม่เคยปิดบังตัวตน!! “วาทิต” ชีวิต “อดีตขี้ยา” สู่ “ยูทูบเบอร์” ยอดพุ่ง เพราะขายประสบการณ์ตรง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากนักเลงหัวไม้เคยมาหมดทั้งหลุดทั้งหลอนเพราะอยากเป็นที่ยอมรับจากเพื่อนๆจนถึงขั้นกลายเป็น “ขี้คุก” กระทั่งวันที่ฟ้าเปิดผันตัวเป็น “ยูทูบเบอร์” แชร์ชีวิตเคล้าเสียงหัวเราะแฝงสาระเสียดสีสังคมจนกลายเป็น “ขวัญใจโซเชียลฯ” ที่มีคนตามหลักล้าน!!

แรงผลัก “เด็กติ๋ม” สู่ “อันธพาล”

เรียกผมไอ้ทิตก็ได้ ประวัติก็ไม่ใช่คนดี แล้วก็ไม่ใช่คนไม่ดีจนเกินไป กลางๆ ไม่ได้มีอะไรที่มันโดดเด่น ไม่มีอะไรที่เป็นพิเศษเกินคนหรอกครับ มันก็ธรรมดาทั่วๆ ไป หาดูได้ตามท้องตลาด คนอย่างผม

“วาทิต” TikTokker และยูทูบเบอร์ ขวัญใจชาวโซเชียลฯ ที่สร้างความฮาผ่านคลิป ที่แฝงไปด้วยสาระ เสียดสีสังคม โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนให้ความสนใจ

ผ่านช่องทาง TikTok “@watit106” ที่มีผู้ติดตาม1.2ล้าน และเฟซบุ๊ก “วากับทิตV2” ที่มีผู้ติดตาม 1.5 ล้าน กับเอกลักษณ์ ยียวนกวนโอ๊ย ที่เป็นเจ้าของไวรัลคำพูด “ตามนั้นแหนะ”

กว่าจะมาเป็น “วาทิต” ที่ทุกคนได้เห็นในวันนี้ เคยติดคุกมาแล้วหลายครั้ง จนคิดได้ว่า ไม่อยากเป็นภัยของสังคมอีกต่อไปแล้ว
เขาเล่าว่า ตอนเด็กๆ เป็นคนขี้กลัว ติ๋มๆ ไม่ค่อยพูดด้วยซ้ำ แต่เพราะอยากเป็นที่ยอมรับของสังคม โดยเฉพาะเพื่อนๆ พอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็เริ่มเกเร เริ่มห้าวเป้ง จนเป็นจุดพลิกผัน ที่ทำให้ต้องเข้าไปอยู่ในคุกหลายครั้ง

“ตอนเด็กๆ ขี้กลัว ไม่ค่อยพูด ไม่สู้คน เรียนหนังสือ ก็ไม่ได้เรียนดีอะไรมากมาย ก็กลางๆ คือมันไม่มีอะไรที่โดดเด่น ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง มันก็ธรรมดาปกติ

พอวัยรุ่นก็เกเร มันก็ไปตามแรงของสังคมในตอนนั้น ไม่คิดที่จะที่จะมาทํามาหากินดีๆ ถ้ามันได้ตีครั้งนึง แล้วคนอื่นยอมรับ มันก็จะตีตลอด มันโดดเด่นในกลุ่ม มันก็จะทําแต่สิ่งนั้น ในขณะที่มีวุฒิภาวะแค่นั้น ค่อยๆ ถูกดูดซึมไปเรื่อยๆ ตามแรงของสิ่งแวดล้อมตรงนั้น โดนล้อ โดนรังแก มันก็มีบ้าง”


ที่เข้ามาพัวพันสิ่งไม่ดี ทั้งยาเสพติด ทั้งเรื่องของอาวุธปีน เขาบอกว่า จริงๆ ก็มาจากสันดานตัวเองด้วยล้วนๆ จะโทษแรงเหวี่ยงของสัมคมซะทีเดียวเลยก็ไม่ได้

“มันน่าจะเราเหี้ยเอง คือรุ่นผม มันจะเป็นในรุ่นที่ยังใช้คําว่านักเลงหัวไม้ เริ่มไปเกเร ช่วงนั้นจะตีกันเป็นอันธพาล มันถึงจะเด่น ตีกันอยู่สักพักนึง ก็จะมาในยุคของยา ถ้าใครมียา คนนั้นเด่น ก็เปลี่ยนทิศมาทางยา แต่ไม่เคยเกมยา เกมปืน คือผมจะไม่เอาตัวไปฝัง หมกมุ่นกับยามาก แต่หลอนเลยนะ

ครั้งแรกที่เกมก็ปืน ตอนนั้นอายุประมาณสัก 18 มั้ง ไม่ได้เข้า(คุก) ไป ครั้งแรกโดนเสียค่าปรับ โดนจับทุกปี ปีละหลายๆ ครั้ง เดี๋ยวปืนเดี๋ยวเสพ

เมื่อก่อนคนมันตีกัน มันก็จะอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด มันก็คือปืนพี่ ใครมีปืนคนนั้นก็คล้ายๆ ว่าจะได้เป็นจ่าฝูง ในความเข้าใจของเราเองไง มันเป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุด”


ขนาดเข้าไปอยู่ในคุกหลายครั้ง เขาก็ยอมรับว่า ไม่ได้ทำให้รู้สึกเข็ดหลาบแม้แต่น้อย แม้ข้างในนั้นจะรู้สึกว่าลำบากก็ตาม

“ข้างในเหรอ คือในมุมมองของผม มันไม่ได้สร้างให้ผมเข็ดหลาบได้ ผมเข้าออกหลายครั้ง ที่นานสุด 1 ปี 6 เดือน ออกมา ผมก็ยังออกมาสาดอีกยับ ในเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็ยังไปทางเดิมอีก ก็ไม่ได้ทำให้ผมเข็ดหลาบอะไร

มันก็ลำบากกว่าอยู่ข้างนอก แต่ถ้ามันปรับตัวได้ มันก็เหมือนอยู่อีกโลกนึง มันก็อยู่ได้ บางเหตุการณ์ บางเรื่อง ทำให้มุมมองในคุก มันเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้อะไรขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ว่าตอนขึ้นเรือนนอน ขึ้นขัง มันก็อึดอัดหน่อย แค่นั้นเอง

ผมเข้าไปคนเดียว เข้าไปหาเพื่อนข้างใน บางทีอาจจะไปเดินเจอ คนที่รู้จักกันข้างนอก ก็มีบ้าง แต่คนที่รู้จักข้างนอก เข้าไปข้างใน ก็เหมือนต้องไปทำความรู้จักกันใหม่ วัฒนธรรมอะไรต่างๆ ข้างใน มันทำให้คนเปลี่ยนไป อยู่ในคุก มันก็อีกเรื่องนึงเลย”


หลุดหลอน ติดคุก จนขอเลิกเอง

ยอมรับว่าเคยแย่หนัก ทั้งหลุดทั้งหลอน ทั้งหูแว่ว คุยกับตัวเองทั้งวันทั้งคืน นอนก็ไม่ได้ เพราะแพ้เสียงในหัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา

“เราไปถึงจุดความคิดของเรามันจะมีเสียง ที่เขาเรียกกันว่าหูแว่ว คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว มันจะมีอยู่ 2 ตัว คือตัวเรากับคนที่เรานึกถึง ก็จะมาคุยด้วย สมองเราหยุดไม่ได้ มันก็คุยทั้งวัน

คนที่มันเล่นยาไปนานๆ แล้วมันไม่ได้หลับไม่ได้นอน อารมณ์มันจะแปรปรวน เล่นไปดูดไป มันก็ไม่ดีดแล้ว ก็อยากจะนอน อยากจะพักผ่อน มันจะเกิดลูกรำคาญเสียง เพราะมันหยุดความคิดตัวเองไม่ได้

เมื่อมันหยุดความคิดตัวเองไม่ได้ เสียงมันจะดังอยู่อย่างนั้น มีคนมาพูดเรื่องของเราบ้าง ของคนโน้นคนนี้ให้ฟัง อยู่ตลอดเวลา เห็นไอ้คนนั้นลุกขึ้นโมโห เดินบ่น เดินด่า เดินชักเข่า ชักหมัดไปเรื่อย มันรำคาญเสียงในหัวของมันเอง เป็นอาการเมายา หลอนยานั่นแหละ มันหลอนเสียงในหัวของมันเอง”



นอกจากเสียงหลอนในหัว ที่เหมือนมีคนเข้ามาคุยด้วยตลอดเวลาแล้วนั้น เขายังบอกอีกว่า เห็นเป็นภาพหลอน แสงวูบวาบ และเหมือนเห็นเป็นเงาดำด้วย

“ไม่ได้เห็นเป็นตัว ไม่มี เห็นเป็นแสงวูบวาบ เป็นเงาดำ หลอนไปเอง เพราะว่าเราอดหลับอดนอนมาเยอะ”

ออกมาจากสิ่งไม่ได้เหล่านี้ได้ เพราะเริ่มรู้สึกไม่ใช่ทาง จนกลับมาฉุกคิดกับตัวเองว่า ตัวเองเป็นส่วนนึง ที่ทำให้สังคมเดือดร้อน และไม่อยากทำร้ายตัวเองอีกต่อไป

“เห็นความเป็นไปของสังคม ที่รู้สึกว่าตัวผมมันเป็นส่วนนึง ที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้น แล้วมันก็เกิดคำถามในหัว เราเสพเข้าไปเยอะด้วย คำถามมันก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน ถามตัวเองหนักๆ เข้า แอร์เริ่มพูดได้ หูโดนลมไม่ได้แล้ว พอโดนลมปุ๊บ มีเสียงมา

คำถามมันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็เดินทางนั้นอยู่นะ ไอ้เรื่องผิดกฎหมายมันสนุกนะ ตอนอยู่กับเพื่อน มันสนุกมาก คุยกันว่าได้เอาเปรียบคนนั้น คนนี้ แต่พอกลับมาอยู่คนเดียว รู้สึกหมดแรง แล้วมันมีคำถาม

ไม่รู้ว่าคนอื่นมีหรือเปล่า แต่ผมมี เพราะเราก็ไม่เคยไปถามคนอื่นไงว่า เฮ้ย..มึงกลับไปอยู่คนเดียว แล้วมึงรู้สึกแบบกูไหมว่ะ เราก็ไม่ได้ไปถาม กลัวจะไปแสดงความอ่อนแอให้เขาเห็น”


หลังจากรู้สึกว่าตัวเอง เป็นภัยของสังคม เขาก็ตัดสินใจค่อยๆ ถอยออกห่าง ไปหาหมอ เพื่อทำการรักษา แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเลิกอยู่ในวังวนแห่งนรกนี้ เขาบอกว่า อยู่ที่ใจล้วนๆ พร้อมกับไม่อยากให้ใครเอาเป็นแบบอย่าง ในเรื่องที่ไม่ดีที่เคยผ่านมา

“มาหาหมอที่เขาแนะนำ หาหมอจิตเวช คือยาม้า ยาบ้า เมทแอมเฟตามีน ยาไอซ์เนี่ย มันไม่ได้มียาให้เลิกหรอก คนที่เสพยาตัวนี้ มันแค่ไปติดอาการมันเฉยๆ อาการตอนที่เสพเข้าไปครั้งแรก มันจะรู้สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา สมองเร็ว คิดเร็ว หูดี ตาไว ร่างกายรู้สึก หยิบไอ้นั่นก็แข็งแรง หยิบไอ้นี่ก็แข็งแรง

หมอเขาเปิดวิธีการทดลอง ของเมืองนอกให้ดู คือเขาทดลองกับสัตว์ ว่าก่อนเสพหลังเสพมันจะเป็นอย่างนี้ เขาก็อธิบายไปเรื่อย ภาพมันก็เกิด ผมดูตรงนั้นแล้วผมเลิกเลย แต่ผมเอามากินแป๊บนึง แล้วผมก็ไม่กิน”


เล่าเรื่องเลิกยา ไม่คิดว่าจะแมส

หลังหลุดจากเส้นทางสายดาร์ก ก็ผันตัวเองไปทำช่อง เพื่อประกาศให้คนรู้ว่า ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะแมส จนมียอดวิว และผู้ติดตามหลักล้านขนาดนี้

“ที่จะทำช่อง คือทีแรกเลยผมคิดว่า ถ้าอยู่อย่างนี้ สังคมเขาก็มองเราเป็นเหมือนเดิม เพราะว่าทางที่ผมเคยเดินมา มันเละเทะหมด ชาวบ้านแถวนี้ ผมขี่รถไป แทบจะหันหน้าหนีกันหมด ก็เลยต้องหาทางออกมาอธิบายตัวเอง ว่าเลิกแล้วนะเว้ย

ก็หลังจากที่เลิกมาแล้วใช่ไหม คือไอ้สารตัวนี้ ตอนเลิกมันนอนให้มาก นอนไปนอนมาก็รำคาญ รำคาญก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาไถฟีดดูว่า เขาทำกันยังไง มุมกล้องประมาณไหน เขาเล่นมุกประมาณไหน แล้วก็ดูข่าวไปด้วย”


และคลิปที่เป็นไวรัล ทำให้คนรู้จักก็คือ คลิปที่มาให้ความรู้จากประสบการณ์ตรง เกี่ยวกับอาการติดยาเสพติด โดยการเล่าแบบเป็นกันเอง ด้วยสาระที่แฝงไปด้วยเสียงหัวเราะ ตามสไตล์วาทิต

“ทีแรกเลยลง TikTok ก็ลองถ่ายรูป หันข้างโน้นข้างนี้ดู ไม่เท่าไหร่ ก็ตอนมาคุยเรื่องยาเนี่ยแหละ คนก็เริ่มเข้ามาเยอะ ทำคลิปเกี่ยวกับเรื่องยา คลิปมันวิ่งไง

ผมก็คิดว่าสงสัยมันจะมีประโยชน์ ก็รู้สึกดี มันน่าจะมีประโยชน์ ผมก็สาดใหญ่เลย ก็สาดเรื่องยาเนี่ย ช่องเกม กับเฟซบุ๊กไม่ชอบ”
กลายเป็นช่องโดนแบน จนต้องมาสร้างช่องขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็คือช่องปัจจุบันที่มีอยู่ตอนนี้ และพยายามใช้คำพูด ที่อาจจะดูซอฟต์ลง หรือเลี่ยงการไม่เอ่ยแบบตรง

พอคลิปเริ่มแมส ที่ออกมาให้ความรู้ในเรื่องยาเสพติด เขาก็รู้สึกว่า โซเชียลฯ ทำให้เขามีองค์ความรู้เพิ่มขึ้น จึงอยากทำคลิปแชร์ในเรื่องปัญหาประเด็นสังคมอื่นๆ ด้วย

“สิ่งที่ผมคุยกับตัวเอง สังคมก็คิดเหมือนกับเรา ผมก็เลยเอาตรงนั้นออกมาพูด ผมอาศัยความรู้สึก จากสิ่งที่มันเกิดขึ้น อย่างภาวะเศรษฐกิจอะไรพวกนี้ ที่มันเกิดขึ้นกับเราแค่นั้นเลย ไม่มีข้อมูล ไม่มีแบ็กอะไร”




นอกจาก TikTok และแฟนเพจ ที่ทำมา 2 ปีแล้ว เขายังมีช่องยูทูบ “วากับทิต” ที่มีผู้ติดตามอีก 2.3 แสน โดยเฉพาะในโซเชียลฯ อย่าง TikTok และแฟนเพจ มียอดคนดูเฉลี่ยต่อคลิป อยู่ที่หลักแสน ไปจนถึงหลายล้านวิว

เห็นยอดติดตาม และยอดผู้ชมเยอะขนาดนี้ เรื่องรายได้ เจ้าตัวก็ขอออกปากเลยว่า ยังไม่ได้รวยเหมือนกับอินฟลูเอนเซอร์ท่านอื่นๆ

นอกจากนี้ เขายังขอออกตัวอีกว่า ตัวเองเป็นคนที่ตอบคำถาม และเล่าเรื่องยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เล่นมุก ก็พอได้อยู่
สำหรับใครที่อยากมีช่องเป็นของตัวเอง หรือหาเอกลักษณ์สไตล์ตัวเองยังไม่เจอ อินฟลูฯ คนนี้ ก็แนะนำว่า อย่าไปสนคำแนะนำคนอื่นเยอะมากจนเกินไป จนสูญเสียความเป็นตัวตัน ที่สำคัญ อย่ายอมแพ้ ทำซ้ำบ่อยๆ เชื่อว่า สักวันจะแมสเอง

“อย่าไปสนใจคำแนะนำอะไรมาก เราเก็บมาใส่หัวเยอะ มันจะทำให้สูญเสียความเป็นตัวเอง ก็ไปเลย เราปักธงไว้ตรงไหน ตัวเราเป็นแบบไหน เราก็ทำอย่างนั้น

ทำซ้ำๆ บ่อยๆ เดี๋ยวคนมันก็จะตั้งคำถาม พอคนตั้งคำถาม มันก็จะดู แล้วมันก็ใช้เวลา ในการหาคำตอบในคลิปเรานานยิ่งขึ้น คือยอดวิวมันก็จะไปเอง”




 ขายได้หมด แค่เอาตัวไปอยู่ในโซเชียลฯ


 

สำหรับอาชีพหลักของเขาตอนนี้ก็คือ เกษตรกร พ่อค้าทุเรียน และการเป็นยูทูบเบอร์ ที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ แฝงไปด้วยสาระน่ารู้ ให้กับแฟนๆ ได้รับชม


“เป็นเกษตรกร ปลูกผักปลูกหญ้า ปลูกผลไม้ไปเรื่อยเปื่อย มีทุเรียน มะยงชิด นิดๆ หน่อยๆ ตอนนี้ก็เป็นทั้งเกษตรกรด้วย แล้วก็ยูทูบเบอร์ด้วย”


ช่วงฤดูกาลของทุเรียนที่ผ่านมา สวนของเขา ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี จากการไลฟ์สดขายทุกเรียน มีแฟนๆ ในโซเชียลฯ ช่วยกันอุดหนุน


“ขายดี ทุกสิ่งทุกอย่างเวลานี้ ตลาดมันมาอยู่ในมือถือหมดแล้ว ถ้าเราจะมัวผ่านพ่อค้าคนกลาง ให้วิ่งมาซื้อเอง หรือว่าเราไปส่งที่ตลาด ยังไงเราก็โดนกด


ถ้าเราเป็นเกษตรกร ปลูกผลผลิตนั้นขึ้นมาเอง ก็อยากจะแนะนำ ให้พาตัวเองไปอยู่ในโทรศัพท์มือถือครับ ส่วนมากคนอยู่ในโทรศัพท์มือถือ แล้วเดี๋ยวนี้เราไม่จำเป็นต้องไปผ่านพ่อค้าคนกลาง เราขายในนั้นเลย คนที่เขาซื้อไปกิน เขาก็อยากได้ของที่สดจากสวน ทุกสิ่งทุกอย่าง เขาจะทักเข้ามาหาเราเอง คุณรู้จักเอาตัวเข้าไปอยู่ในโซเชียลฯ ให้ได้”


ส่วนการเป็นยูทูบเบอร์ หรือ TikTokker ที่เขานิยามตัวเอง หรือคนอื่นที่นิยามตัวเขาไว้นั้น หลักๆ เลยก็จะทำคลิปลงทุกวัน

“ก็ตื่นประมาณตี 5 บ้าง 6 โมงบ้าง ตื่นมากินกาแฟ ไข่ลวก ทำคลิป ก็เดินดูโน่นดูนี่ ส่วนมากทุกวันนี้ก็ทำคลิปอย่างเดียวเลย นอนก็ประมาณเต็มที่ 4 ทุ่ม”





 หลงผิดได้ แต่อย่าไปสุดทาง


 

ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แน่นอนว่าเขาเอง ก็ไม่ได้อยากให้ใครเอาเป็นแบบอย่าง เพียงแค่อยากมาแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดในชีวิต พร้อมอยากเตือนสติคนที่กำลังหลงผิด โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง ให้ระวังในการใช้ชีวิตให้มาก ทำในสิ่งที่ชอบได้ แต่ต้องอยู่บนความถูกต้อง


“ก็ไปได้ในเรื่องที่อยากจะรู้ คือไม่บอกแล้วกันว่าเรื่องอะไร เพราะแต่ละคนก็มีชีวิต มีสังคมของตัวเอง ที่มันจะต้องเป็นไป ไปได้ครับ แต่อย่าไปสุดมาก สุดแล้วมันกลับตัวลำบาก”


สุดท้ายนี้ เขายังฝากถึงนักการเมือง และตำรวจไว้ว่า อยากขอให้ตั้งใจทำงาน ให้คุ้มกับภาษี ที่ประชาชนเขามอบให้


“อยากจะบอกนักการเมืองว่า อย่านำข้อมูลอันเป็นเท็จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ให้บ่อยนะ ส่วนตำรวจไม่มีอะไรอยากจะบอก อยากจะบอกพวกตำแหลกมากกว่า ก็แดกให้มันน้อยๆ หน่อย ทำงานให้มันคุ้มภาษี ประชาชนเขามอบให้


สำหรับผู้ชม ก็ไม่มีอะไรจะพูดนะ ตัวตนของผมประมาณไหน ทุกคนก็พอจะประมาณถูก เพราะผมก็ไม่เคยปิดบังตัวตนของผมหรอก”



สัมภาษณ์ : YouTube “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร”
เรียบเรียง : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพ : Facebook “วากับทิตV2”, TikTok @watit106



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น