xs
xsm
sm
md
lg

มีสิทธิ์ ผิดอีกกระทง!! “กองขยะของบริจาค” วัดพระบาทน้ำพุ ถ้าทิ้งขว้างในนาม “มูลนิธิ” [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กองขยะของบริจาค” ณ วัดพระบาทน้ำพุ เรี่ยไรมาปล่อยรกร้างแบบนี้ ผิดไหม? ตอนอยากได้ก็ “ตระเวนขอ” พอเอาไปก็ “ทิ้งขว้าง” จนหมดสภาพ ผู้ป่วยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ผู้บริจาคไม่บรรลุวัตถุประสงค์ กูรูกฎหมายชี้ เอาผิดได้ แต่ต้องดูว่าใครเป็นคนรับ “วัด” หรือ “มูลนิธิ”





** ผิดไหม? รับของไป แต่ไม่เห็นค่า **

มีเรื่องให้ตามต่อกันไม่หมดจริงๆ กับ “วัดพระบาทน้ำพุ”เพราะนอกจากเรื่อง “เงินบริจาค” แบบ “วัด 70 กรรมการ 30”ที่ตำรวจกำลังสืบกันให้วุ่นแล้ว
ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต พลมุข”ได้ยืนหนังสื่อขอ “ลาออก”จากการเป็นเจ้าอาวาสวัดเรียบร้อยแล้ว โดยให้เหตุผลว่า คือแสดงความรับผิดชอบ และเปิดทางให้การสืบสวนทำได้โดยสะดวก

แต่เรื่องดรามาก็ยังไม่หมด เพราะมีการเผยว่า “ประวัติการศึกษา” ของหลวงพ่ออลงกตที่อ้างว่าเคยเรียนมัธยมที่ “โรงเรียนเทพศิรินทร์”และมาจบปริญญาตรี สาขาวิศรกรรมศาสตร์ “ม.เกษตรศาสตร์” จากนั้นก็บินไปเรียนปริญญาโทวิศวกรรมเครื่องกล ที่ “มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย” ฯลฯ

ทั้งหมดนั้น “ไม่ใช่เรื่องจริง” คนที่ออกมายืนยันเรื่องนี้คือ “รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์”อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี จาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ทำการเช็กข้อมูลกับทั้ง 3 สถาบันมาแล้ว ไม่พบว่า หลวงพ่ออลงกตเคยศึกษาอยู่ที่ไหนเลย


                                                {หลวงพ่ออลงกต ผุดปมประวัติการศึกษาปลอม}

แถมยังมีเรื่อง “อาคารเมตตาธรรม” อาคารสูง 4 ชั้น ที่ตั้งอยู่ติดๆ กับกุฏิเจ้าอาวาส เป็นอาคารที่ใช้รองรับผู้ป่วยติดเชื้อ กลับมีสภาพทรุดโทรมอย่างไม่น่าเชื่อ

เรื่องนี้ทางวัดก็ออกมาบอกว่า เป็นเพราะ “ลิง” เข้ามาก่อกวนจนอาคารทรุดโทรม ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป แต่ล่าสุด ทางวัดได้มีการเข้าไปทำความสะอาด วางแพลนให้เสร็จสิ้นภายใน 1 อาทิตย์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะนำกลับใช้ประโยชน์ทางด้านไหน

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือภาพที่ถูกเผยผ่านสื่อ ถึง “ข้าวของบริจาค” ที่ “ถูกทิ้งขว้าง”กองพะเนิน ในโกดังวัด และ“โรงพยาบาลธรรมรักษ์นิเวศน์” ที่ตั้งอยู่ใน “โครงการธรรมรักษ์นิเวศน์ 2”พื้นที่กว่า 2,000 ไร่


                                                        {อาคารถูกทิ้งร้าง เพราะลิงมาก่อกวน}

โครงการที่หวังจะให้เป็น “ชุมชนผู้ของป่วยติดเชื้อ HIV”แต่ความเป็นจริง พื้นที่กว่า 70% กลับถูกปล่อยให้เป็นพื้นที่รกร้าง โรงพยาบาลก็สร้างไม่เสร็จ แถมมีของบริจาค อย่าง โต๊ะ, เก้าอี้, ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ ถูกกองทิ้งไว้เต็มไปหมด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่วัดออกมาชี้แจงแล้วว่า ภาพของบริจาคที่ถูกทิ้งนั้น เป็น “ของหมดอายุ”ซึ่งทางวัดยังไม่ได้ทำลาย เพราะติดเรื่อง “มีบุคลากรไม่พอที่จะดำเนินการ”

ล่าสุด วันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา “กระทรวงสาธารณสุข”ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่วัดพระบาทน้ำพุ โดยเน้นที่การประเมินสภาพสุขาภิบาล โครงสร้างอาคาร และมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อเช็กดูว่าวัดมีความพร้อม ในการเป็น “สถานบำบัดผู้ป่วย” ได้อยู่หรือเปล่า

                                                    {วัดยันไม่ได้ทิ้งของบริจาค แต่มันหมดอายุ}

สภาพโดยรวมของวัด สร้างคำถามข้อใหญ่ในใจพี่น้องชาวไทยว่าการที่วัดรับ “ของบริจาค” ไปแบบนี้ แต่กลับเอาไปทิ้งๆ ขว้างๆ จนของบริจาคเหล่านั้น หมดอายุ และไม่ได้ถูกนำเอาไปใช้ประโยชน์ แบบนี้มีความผิดหรือเปล่า?

นักกฎหมายและผู้เชี่ยวชาญด้านพระพุทธศาสนาอย่าง “ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา” รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม บอกกับเราว่า เรื่องนี้ต้องแยกรายละเอียดและวิเคราะห์ให้ดีโดยดูว่า ตอนบริจาค บริจาคให้ใคร “วัด” หรือ “มูลนิธิ” เพราะในข้อกฎหมาย มันมีความต่างกันอยู่

 

กรณีที่ “คนรับบริจาค คือวัด” การบริจาคของให้วัด แล้ววัดไม่ได้เอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือทิ้งๆ ขว้างๆ มันก็เป็นแค่การทำให้คนบริจาคเสียศรัทธา “ไม่ได้มีความผิดทางกฎหมาย”

แต่ถ้าเป็นการบริจาค เพื่อให้เอาไปช่วยเหลือผู้ป่วย แล้วมีคนเอาของพวกนี้ “ไปใช้ส่วนตัว” อันนี้ก็จะถือว่า เข้าข่าย “ผิดกฎหมาย” เพราะเป็นการเอาไปใช้แบบผิดวัตถุประสงค์

“เพราะฉะนั้น ประเด็นของวัดพระบาทน้ำพุ ที่นำของบริจาคไป แล้วไปทิ้งๆ ขว้างๆ เนี่ย โดยหลัก มันเป็นแค่หลักทางพระเท่านั้นเอง มันไม่ใช่หลักที่จะโยกไปถึงกฎหมายอาญาได้ว่า ใช้ผิดวัตถุประสงค์”



** มีสิทธิ์ “ผิดกฎหมาย” ถ้าตรวจสอบดีๆ **

แต่ถ้า “คนรับบริจาค คือมูลนิธิ”จะ “เอาผิด”ตามกฎหมายได้ เพราะ “มูลนิธิ” หรือ “สมาคม” ถือเป็น “นิติบุคคล” ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งต้องมี “จุดประสงค์ในการก่อตั้ง” กำหนดเอาไว้เป็นกรอบในการดำเนินการ

“ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หมายความว่า เขาจะต้องมีวัตถุประสงค์ ที่จดแจ้งไว้กับกระทรวงมหาดไทย โดยชัดแจ้งว่า เขาจะทำเพื่อการใด เขาจะต้องดำเนินกิจการไป เพื่อการนั้นโดยเฉพาะเลยนะครับ”

ทำให้การขอบริจาคในนามมูลนิธิ ต้องบอกให้ชัดเจนว่า ข้าวของที่ขอบริจาคนั้น เอาไปใช้ทำอะไร หรือให้ใคร เช่น มูลนิธิ A ขอบริจาคเตียงคนไข้ เพื่อมอบให้โรงพยาบาล B

เขาก็ต้องทำทุกอย่าง เพื่อส่งมอบเตียงที่ได้รับบริจาค มาให้โรงพยาบาล B ให้ได้ เพราะถ้ารับของบริจาคมาแล้ว ไม่มีการดำเนินการใดๆ กองของทิ้งไว้ ไม่ได้พยายามส่งต่อตามจุดประสงค์ที่บอกไว้ รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม บอกว่า “นี่เป็นความผิดทางกฎหมาย”

“ถ้าในมูลนิธินั้นนะครับ เขามีวัตถุประสงค์รับบริจาคไปเพื่อการใด แต่ไม่ได้ดำเนินการไปเพื่อการนั้น มันก็จะผิดวัตถุประสงค์ จะละเมิดต่อกฎหมายนั้น และจะมีความผิดได้”


                                                 {“ดร.ประยุทธ” รองประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม}

แต่บางเคสก็จะเขียนจุดประสงค์การบริจาคไว้กว้างๆ อย่าง “ขอบริจาค เพื่อผู้ยากไร้” ไม่ได้บอกว่า ของที่ต้องการคืออะไร จะส่งมอบยังไง และเอาไปให้ใครทำให้เวลามีปัญหาเกิดขึ้น “สิ่งของ” หรือ “เงินบริจาค” 

เหล่านั้น จะ “พิสูจน์ยาก” ว่า ถูกเอาไปใช้อย่างถูกต้องหรือเปล่า เพราะต้องเสียเวลาในการมานั่งตีความจุดประสงค์ในการขอบริจาค ที่เขียนไว้กว้างเกินไป

“ถ้าไม่ได้จดไว้ เขาเขียนไว้กว้างๆ อย่างนี้ก็ต้องมาตีความกันอีกทีนึง ท้ายที่สุด มันก็คือปัญหาข้อกฎหมายนั่นแหละครับ ที่เขียนไว้ไม่ชัดในเรื่องการรับบริจาค”

กลับมาที่ “วัดพระบาทน้ำพุ” แม้ตอนนี้ ภาพของบริจาคที่ถูกทิ้ง จะยังโยงไปเป็นความผิดทางกฎหมายไม่ได้ แต่ “ดร.ประยุทธ” ก็ชี้ให้เห็นประเด็นที่น่าสนใจว่า มันมีความทับซ้อนกันระหว่าง “วัด” และ  “มูลนิธิ” อยู่ในเคสนี้

“วัดพระบาทน้ำพุ มันซ้อนกันอยู่ ระหว่างวัด กับมูลนิธิหลายมูลนิธิเลยใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ มันข้อปลีกย่อยเยอะ เราต้องไปดูข้อเท็จจริงตรงนั้นก่อนครับ อาจจะผิด หรือไม่ผิดก็ได้ครับ”



เพราะถ้าลงลึกไปดูรายละเอียด จะเจอว่า วัดพระบาทน้ำพุ มีการ “ก่อตั้งมูลนิธิ” ตามดำริของ “หลวงพ่ออลงกต” ถึง 6 มูลนิธิ

ได้แก่ “มูลนิธิธรรมรักษ์” “มูลนิธิอาทรประชานาถ”, "มูลนิธิธนาคารบุญเจ้าคุณอลงกต”, “มูลนิธิฟ้าสร้างไทย(อยู่ระหว่างการยุบ)”, “มูลนิธิพุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ” และ “มูลนิธินาถะ”

ประเด็นก็คือ ภาพของบริจาคทั้งหมดตามสื่อ ไม่ว่าของใช้, ยาและเวชภัณฑ์ ต้องไปตรวจสอบอีกทีว่า ส่วนที่ถูกกองมาเป็นขยะ “รับบริจาคมาในนามของใคร” ในนามของ “วัด” หรือในชื่อของเหล่า “มูลนิธิ” ที่วัดก่อตั้งมา?

แน่นอนว่า ถ้ารับมาในนาม “มูลนิธิ” ก็ต้องมาดูกันต่อว่า ของบริจาคพวกนั้น ได้ถูกจัดการอย่างเต็มที่ เพื่อส่งต่อให้ผู้ป่วย ตามจุดประสงค์ของการขอบริจาคไหม หรือถูกทิ้งโดยไม่มีใครสนใจ ถ้าเป็นอย่างหลังก็เข้าข่าย “เอาผิดตามกฎหมาย” ได้อย่างชัดเจน







ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)




...

สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “อรรถรส-สรุปข่าว”, “PPTV HD 36”, “ไพรวัลย์ ชัยปัญหา”




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น