xs
xsm
sm
md
lg

ตัวจิ๋ว ราคาเจ็บ!! "แมวมองปลารางวัล" เริ่มหลักสิบ ปั่นหลักแสน สร้างชื่อ "ปลาบอลลูนพันธุ์ไทย"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จากหลักสิบสู่คู่ละแสน?! “ปลาบอลลูนฟีเวอร์” กระแสแรงจนสังคมครหา ปั่นราคาเหมือนไม้ด่างหรือเปล่า? สะท้อนผ่านมุมมอง “แจ็ค SJ Molly Fish” นักเพาะพันธุ์และกรรมการตัดสินปลาที่ต่างชาติยกนิ้วให้ การันตี “ปลาบอลลูนฝีมือคนไทย” สวยจึ้งไม่แพ้ชาติใดในโลก!!

*** จากวันที่ไม่มีใครสน จนราคาพุ่งหลักแสน ***

กลายเป็นกระแสฮือฮาสุดๆ ในตอนนี้ โดยเฉพาะในวงการปลาเลี้ยง เมื่อ “ปลาบอลลูน” หรือ “ปลามอลลี่” ปลาสวยงาม ที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่ได้นิยมแพร่หลายในบ้านเรา มีเงินหลักสิบก็จับจองเป็นเจ้าของได้

แต่ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้ว เพราะมีคนนำปลาบอลลูนจากต่างประเทศ มาพัฒนาสายพันธุ์ต่อ จนได้สีสันใหม่ๆ และลวดลายที่สวยงามแปลกตาไปจากเดิม

ทำให้ตอนนี้ เจ้าปลาน้อยพันธุ์นี้ มีมูลค่าพุ่งไปแตะ "หลักหมื่น" ถึง "หลักแสน" เลยทีเดียว

ด้วยมูลค่าที่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด สิ่งที่ตามมาคือการถูกชาวโซเชียลฯ ตั้งคำถาม ว่านี่เป็นการปั่นราคาหรือเปล่า?

เพราะก่อนหน้านี้ถ้ายังจำกันได้ ในหลากหลายวงการ ทั้งไม้ด่าง กล้วยด่าง บอนด่าง หรือจะเป็นกุ้งเครฟิช ก็เคยมีช่วงพีค ที่ราคาทะยานแตะ “หลักล้าน” ก็เคยมีให้เห็นมาแล้ว ก่อนที่ความนิยมจะลดลง จนทำให้ราคาดิ่งวูบเกือบ 90 %

แล้ว “ปลาบอลลูน” จะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นไหม?



พูดคุยกับ “แจ็ค - วทัญญู พลเดช” หนุ่มวัย 27 ปี เจ้าของ “SJ Molly Fish” ฟาร์มปลาบอลลูนเจ้าดัง ที่เป็นที่รู้จักของนักเพาะพันธุ์ปลาบอลลูน ทั้งในไทยและต่างประเทศ เขาคนนี้เคยขายปลาบอลลูนในราคาคู่ละ 100,000 บาทมาแล้ว

“ตอนนี้ปลาบอลลูนตกเป็นจำเลยสังคม ว่าปั่นราคาหรือเปล่า ด้วยความที่มันมีการพัฒนาสีใหม่ๆ เกิดขึ้น มันก็จะมีความนิยมกันต่อเนื่อง ผมมองว่ามันเป็นเรื่องของ demand-supply ซะส่วนใหญ่

บางทีเป็นสีใหม่ที่มีแค่ไม่กี่ตัว เจ้าของไม่ยอมขาย วันนึงที่เขาขายมันก็ต้องแพง คนมองเข้ามาปลาตัวเล็กๆ ทำไมหลักหมื่นหลักแสน จริงๆ อยากให้เปิดใจลองเลี้ยง ลองศึกษาดู สีที่ไม่แพงก็มีหลักร้อยหลักพัน ปลาที่สวยก็มีเยอะครับ ส่วนมากด้วย

อันนั้นจะเป็นแชมป์ที่ผมเองก็ซื้อมาจากต่างประเทศ มันจะเป็นแชมป์ Best of Show คือแชมป์ปลาที่ดีที่สุดในงาน น่าจะ 3-4 ถ้วยต่อคู่ มันก็เป็นปลาที่มีการแข่งขัน ก็มีมูลค่าสูงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าปลาสีนั้นจะแพงไปซะทุกตัว มันก็เหมือนเป็นปลาที่มีรางวัลการันตี สัตว์ทุกชนิดที่มีการแข่งขันจะมีราคาสูง ใน quality ที่สูงขนาดนี้

[ สง่างาม สมชื่อ “ปลาแชมป์” หลักแสน ]

อย่างฟิลิปปินส์ ตอนนั้นผมเป็นกรรมการไปร่วมตัดสิน ปลาตัวไหนได้แชมป์เราก็ลองติดต่อเขาดู ว่าอยากได้ปลาตัวนี้มาพัฒนาในไทย ส่วนมากเขาก็รู้จักผมกันอยู่แล้ว เขาก็ยินดีครับ คู่ละ 2,000 เหรียญ ก็ 70,000 ประมาณนั้น

ผมรู้สึกว่ายังไงก็ต้องเอากลับมาในประเทศ แล้วเอามาพัฒนาต่อ ผมก็คิดว่าไทยก็ต้องสู้เขาได้ ต้องพัฒนาได้ดีกว่า มันจะมีในเรื่องของการส่งถ้วยรางวัล ส่งปลา มันจะมีความเสี่ยง การส่งถ้วยก็จะมีเรื่องของภาษี ตกเป็นหมื่นอยู่ เฉพาะค่าส่ง

ผมโพสต์โชว์ก็มีคนติดต่อขอซื้อ ตั้งไว้แสนนึง แต่ขอเก็บถ้วยไว้ ตั้งไว้เพราะว่าอยากได้ 6 หลักคู่แรก เพราะความเป็นแชมป์ เราจะตั้งเท่าไหร่ก็ได้ แต่คนซื้อจะซื้อมั้ยไม่รู้ (หัวเราะ) มันเป็นอะไรที่เราตั้งใจที่จะเอามาพัฒนาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว”



แม้จะเป็นเด็กหนุ่มอายุเพียง 27 ปี แต่เขามีสายตาการดูปลาที่เฉียบคม ถึงขั้นที่การประกวดปลาบอลลูนในต่างประเทศยังให้การยอมรับและเชิญแจ็คไปเป็นกรรมการตัดสินเลยทีเดียว

“(เป็นกรรมการในต่างประเทศ) จริงๆ ตอนนี้ก็มีหลายงานครับ แต่ก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มที่จะไป ผมมองว่าเขายอมรับในเรื่องของการทำปลา แนวคิด การดูปลามากกว่า เขาก็เลยยอมรับ

แล้วการให้คะแนนมันแล้วแต่งานว่าจะให้จุดไหนมากหน่อย จุดไหนน้อยหน่อย อย่างเช่น ถ้าเป็นปลาประกวดมันจะสำคัญที่ทรง รูปร่าง ความสั้น หน้าเชิด หลังยก กระโดงสูง อะไรประมาณนี้ครับ ที่สำคัญของปลาประกวดก็คือไม่มีตำหนิ

ผมเป็นกรรมการตัดสินในไทยด้วย แล้วก็จัดงานประกวดด้วย แต่ในการจัดงานพวกนี้ผมจะไม่ลงประกวดเอง เพราะไม่ว่าเราจะมีรางวัล ไม่มีรางวัล ก็อาจจะโดนมองไม่ดี งานที่เราเป็นกรรมการ ถ้าผมประกวดเอง เอาแชมป์ Best ไปลง ถ้าเกิดไม่ได้ ก็รู้สึกว่าเสียปลาหรือเปล่า ถ้าเราได้รางวัลมาก็เหมือน… เป็นกรรมการนี่ เลยทำได้อย่างเดียวก็คือซื้อ”

*** “อ้วนกลม-ว่ายช้า-ตาเพชร” สะกดใจ ***

สำหรับเส้นทางก่อนที่แจ็คจะก้าวขึ้นมาเป็นตัวพ่อในวงการปลาบอลลูนของบ้านเรา ต้องย้อนกลับไปเมื่อราวปีกว่าๆ จากชายหนุ่มผู้ไม่เคยเลี้ยงปลามาทั้งชีวิต แต่บังเอิญมาเจอเข้ากับปลาชนิดนี้และตกหลุมรักมันจนได้

“เมื่อก่อนผมทำธุรกิจร้านอาหาร ทำงานกลางคืน ผมรู้จักพี่คนนึงที่เขาเลี้ยงอยู่ แล้วไปเห็นปลาที่บ้านเขา ไปเห็นแล้วมันปลาอะไรวะ รู้สึกว่าจะเป็นสีขาว platinum คือสีพื้นจะนวลมาก แล้วก็ตาเขาเหมือนเป็นเม็ดเพชร

เราชอบเขาที่ตา รู้สึกว่ามันเหมือนอัญมณี มันแปลกครับ ตัวสั้นๆ ดุ๊กดิ๊ก มันเป็นปลาที่ว่ายช้าๆ ดูเพลินๆ เหมือนเรานั่งมองอะไรแล้วเราหลงใหลไปกับมัน

เราหาข้อมูลยากด้วย ไม่ค่อยมีคนเลี้ยง ตอนนั้นก็หาซื้อยากมาก จำได้ว่าตัวละ 200 สีขาว platinum เพิ่งคลอดเลยครับ ขอเขานานอยู่พอสมควรกว่าเขาจะแบ่งให้ ก็เลยลองเลี้ยงดูครับ



พื้นที่ในคอนโดฯ ห้ามเลี้ยงสัตว์ แต่ว่ามันจะมีล็อกนึงที่เป็น built-in เหมือนชั้นวางโทรทัศน์ ผมก็ย้ายโทรทัศน์ไปที่อื่น ก็สั่งตัดตู้ปลาให้พอดี แอบเลี้ยงในคอนโดฯ เมื่อก่อนทำงานแล้วก็เลิกดึก รู้สึกว่าเราใช้ชีวิตไม่พอ ก็เลยเลี้ยงปลา แล้วก็นั่งดูปลาไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าได้พักผ่อน เมื่อก่อนผมมองปลา ผมแทบจะรู้นิสัยของปลาแต่ละตัวที่ผมมีเลย

เอามาเลี้ยงเล่นในตู้ไม้น้ำ ตอนแรกก็ประมาณ 40-50 ตัว เราถ่ายโชว์ มีคนถามเยอะมากว่านี่คือปลาอะไร ซื้อได้จากที่ไหน ไม่มีใครเอามาขายกันในตอนนั้น ผมเริ่มมีลูกปลา ผมก็แบ่งออกไป เมื่อก่อนคู่ละประมาณ 1,800 พอมีความต้องการมากขึ้น เราทำลูกและเพาะพันธุ์ได้มากขึ้น ก็เลยย้ายกลับมาที่บ้านครับ (ครอบครัว) เขาก็จะไม่ค่อยอะไร จะทำก็ทำ”

เมื่อเขาเริ่มสนใจและจริงจังในการเลี้ยงปลาลึกขึ้น แต่อุปสรรคที่เจอคือองค์ความรู้เรื่องปลาบอลลูนในไทยแทบไม่มี จึงทำได้เพียงศึกษาจากงานวิจัยของปลาสอด และวิเคราะห์ทดลองด้วยตัวเองจนสำเร็จในที่สุด

“มันเกิดจากว่าตอนที่เราเป็นคนสร้างกลุ่ม ผมก็จะไปสร้างกลุ่มไว้เพื่อโพสต์โชว์ปลา ไม่ว่าเราจะลงอะไรไปคนก็ทักข้อความมาเยอะมาก ถามว่ามันคือปลาอะไร หาได้จากไหน

แล้วทุกคำถามตอนนั้น ข้อมูลต่างๆ มันจะหายากมาก เพราะว่าไม่มีข้อมูลอะไรเลยในไทย ส่วนใหญ่จะเป็นปลาสอด ปลาหมอสี ที่มันจะมีงานวิจัยเยอะๆ ผมจะไล่อ่านหมดในช่วงนึง ตัวผมเองหาข้อมูลจากพวกงานวิจัย แล้วค่อยมาวิเคราะห์เอง มาตอบคำถามกับหลายๆ คนที่ถามเข้ามา มันก็เลยลึกลงไปเรื่อยๆ ครับ


[ “Golden Zebra” มูลค่าหลักหมื่น มีเจ้าของเรียบร้อย ]

ผมเชื่อว่าบอลลูนมันก็คือบอลลูน แค่บอลลูนไม่มีงานวิจัยหรืออะไรมารองรับ ก็ถูกเปรียบเทียบว่าเป็นปลาสอดไป ผมลองเอาปลาสอดมาลองผสมกับบอลลูน มันว่ายแยกฝูงเลยครับ เพราะฉะนั้น ถ้ามันมาจากสปีชีส์เดียวกัน มันก็ต้องผสมกันได้

ในงานวิจัยของปลาหลายๆ ชนิด มันเรื่องของการ breed (เพาะพันธุ์) มีเรื่องของอาหาร มันจะมีกราฟ ให้อาหารอายุนี้ดี อายุเท่านี้โตไว การผสมสีอันนี้เข้ากับอันนี้ได้ ก็เลยลองมาทดลองดู เราต้องใช้เวลาว่ามันจริงไม่จริง

ด้วยความที่เราศึกษาจากปลาอื่น เราก็ต้องมาลองดูว่ามันใช้กับบอลลูนได้มั้ย ก็เลยลองมาทำระบบฟาร์ม ลองแก้ ทำเสร็จแก้นู่นแก้นี่ไปเรื่อยๆ ครับ จนเริ่มเข้าใจ

ผมเหมือนไฮเปอร์ อยู่นิ่งไม่ได้ ต้องทำอะไรตลอด ทุกวันนี้ก็คือแทบจะไม่นอน จะอยู่แต่กับปลา ก็เลยดูง่วงตลอดเวลา (หัวเราะ) เจออะไรอยากทำ น่าทำ ผมทำหมด เหมือนเรายังอยู่ในช่วงของการได้ศึกษา ทุกอย่างไม่ว่าจะล้มลุกคลุกคลาน มันก็คือประสบการณ์ที่เราจะสะสมไว้ใช้ในอนาคต”

*** เพาะเท่าไหร่ ก็ไม่พอขาย ***

จากตู้ปลาเล็กๆ ในคอนโดในวันนั้น ตอนนี้ชายหนุ่มได้ขยับขยายจนกลายมาเป็น “SJ Molly Fish” อาณาจักรปลาบอลลูนขนาดย่อม บนพื้นที่บ้านสวนย่านลำลูกกา คอยต้อนรับคนที่สนใจให้แวะเวียนมาเยี่ยมชม

“ตอนแรกเห็นจากบ้านพี่คนไทย หลังๆ ก็เลยมาดูว่าต่างประเทศเขาสั่งกันที่ไหน เราก็ไปสั่งแล้วก็หา shipping ลองศึกษาดู จนวันนึงเราเริ่มเพาะได้ เรารู้แล้วว่ามันเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาด ก็เลยนำเข้ามาเป็นพ่อแม่พันธุ์ ทำไมมันถึงแพง ก็จะเป็นเรื่องของการนำเข้า เรื่องค่าขนส่ง ความเสี่ยง ปลาที่สวยก็จะอยู่ประมาณ 2,000-3,000 ค่าส่งก็ราวๆ ตัวละ 300 อยู่แล้ว

ประเทศที่นิยมเมื่อก่อนจะเป็นฟิลิปปินส์ เวียดนาม ญี่ปุ่นแล้วก็เป็นฝั่งยุโรป ปลาบอลลูนในไทยมันจะมีมานานแล้วอย่างที่ทุกคนรู้จัก แต่ส่วนมากตัวจะใสๆ ผมเข้าใจว่าต่างประเทศนำปลาสีพื้นของไทยไปพัฒนาด้วยซ้ำ

ด้วยแร่ธาตุ ด้วยอาหาร ด้วยการเลี้ยง ด้วยการ breed ความสนใจในงานประกวด เขาก็เกิดการพัฒนามาก่อนเรา แต่พอเรากลับมาเลี้ยง ซื้อเข้ามาเพื่อพัฒนาต่อ เราก็เหมือนซื้อเวลา”


[ ฝีมือดูปลา ไม่เป็นรองใคร ]

ถึงแม้จะนำปลาจากต่างประเทศเข้ามาก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น นักเพาะพันธุ์ปลาของไทยได้นำปลาบอลลูนมาต่อยอด และพัฒนาเพื่อให้ได้สเปกที่ตรงใจตอบโจทย์ของตลาดต่อไป

“ต่างประเทศเขาก็ทำตามสเปกของเขา บางสีอาจจะไม่ได้ฮิตที่เราแต่ไปฮิตที่เขา บางสีเขาฮิตกัน เราไม่ฮิตก็มี อย่างเช่นว่า จีนชอบสีส้ม สีแดง มันก็เหมือนเป็นสีนำโชค เลี้ยงปลา 9 ตัว เป็นความเชื่อของเขาอยู่แล้ว ญี่ปุ่นเขาจะชอบโทนดำ

ในไทยก็อาจจะชอบพื้นสีขาว มาร์คหัวสีแดง ถ้าเป็นลายซากุระก็จะชอบสีตัดกันชัดเจน จะไม่ชอบสีเปรอะเท่าไหร่

ผมเองได้คุยกับลูกค้าหลายๆ คน ถ้าลูกค้าเริ่มเลี้ยงใหม่ ผมจะให้ดูก่อนว่าชอบสีประมาณไหน อยากเลี้ยงเพราะอะไร อยากเลี้ยงเล่น พัฒนาต่อ บางทีเราอาจจะไม่ต้องจ่ายแพง เพราะปลาที่แพงส่วนมากจะเป็นปลาแชมป์

คุณต้องการประกวดก็ต้องเป็นสเปกนี้นะ คุณต้องการเอาไปเป็นพ่อพันธุ์ก็อีกสเปกนึง คุณต้องการไป breed อาจจะไม่ใช้ปลาที่สวยมากแต่เป็นทรงดี คุณอยากได้สีอะไร ต้องจับสีอะไรเข้ากัน แล้วไปลุ้นเอา (หัวเราะ)

คนไทยขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการ breed ปลากันอยู่แล้ว ก็เลยได้สีใหม่ สีที่ต่างประเทศก็ยังไม่มี ได้สีที่ถูกใจคนไทยมากกว่า อะไรที่มันใหม่ เป็นที่นิยม แล้วมันมีน้อย ก็ทำให้ราคาสูงในช่วงแรก ปลามันก็สวยขึ้น มีสีใหม่มากขึ้น ณ ตอนนี้ในไทย ปลาผมว่าสวยสู้ได้แล้วครับ ตอนนี้มันใกล้เคียงกันแล้ว หลายๆ ฟาร์มในไทยก็นำเข้ามาผสม นำเข้ามาพัฒนา

จุดมุ่งหมายของทุกคนที่เลี้ยงปลาก็คืออยากมีสีที่ตัวเราพัฒนาขึ้นได้ อยากสร้างชื่อจากตรงนี้ ของผมเองพัฒนาจากต่างประเทศแล้วเราก็มาต่อยอดจนได้สีใหม่ๆ เพื่อแข่งกับเขา ทุกวันนี้ตัวผมเองต่างประเทศก็ค่อนข้างยอมรับแล้วเหมือนกัน”

ถึงแม้ว่าที่ฟาร์มจะขายปลาคู่ละแสนไปแล้ว แต่ปลาที่แพงสุดที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีมูลค่าถึงคู่ละ 90,000 บาท และใครที่อยากมีปลาบอลลูนเป็นของตัวเอง ก็ไม่ต้องกลัวว่าราคาจะแรงตามกระแสไปซะทุกตัว เพราะเริ่มต้นหลักสิบก็ซื้อได้แล้ว ซึ่งความนิยมในตอนนี้ยังแยกออกไปหลายแขนง ไม่ใช่แค่เฉพาะกลุ่มคนเลี้ยงปลาบอลลูนอย่างเดียวอีกด้วย


[ "ปลาบอลลูนหางกระโปรง" สวยเด่นสะดุดตา ]

“เลี้ยงเล่นจริงๆ มีตั้งแต่หลักสิบ-หลักร้อยด้วยซ้ำ แต่จะเป็นปลาที่ทรงอาจจะไม่ค่อยสวย ถ้าเกรดพ่อแม่พันธุ์ก็แล้วแต่สีไม่เกิน 5,000 แต่ถ้าเป็นเกรดประกวดสำหรับผมน่าจะเริ่มที่ 50,000-60,000 สมมติตัวผู้เด่นก็จะแถมตัวเมียไปให้เป็นคู่กัน

(ความนิยมในไทย) มันค่อยๆ ขยับครับ เมื่อก่อนตอนที่ผมเริ่มสร้างกลุ่ม ผมทำการตลาดด้วยการบอกว่าปลาบอลลูนเลี้ยงกับปลาไม้น้ำได้ ผมเองจัดตู้ไม้น้ำเลี้ยงบอลลูนแล้วสวย เราก็เลยลองไปโชว์ในกลุ่มไม้น้ำ คนที่มาดูจะชอบทั้งตู้ทั้งปลา

คนจัดตู้ไม้น้ำส่วนมากจะเลี้ยงเป็นพวกปลาลำธาร ก็จะเกาะขอนไม้ จะอยู่นิ่งๆ แอบๆ การที่ปลาโผล่ออกมาเขาจะดีใจกันมาก เป็นวัฏจักรธรรมชาติระบบนิเวศของเขา ถ้าเป็นบอลลูนมันจะแตกต่างเลย การใช้ชีวิตจะโดดเด่นหน่อย

(อายุ) โดยเฉลี่ยก็ประมาณ 2 ปีครับ จริงๆ แล้วปลาบอลลูนเป็นปลาที่ปรับสภาพน้ำง่าย เลี้ยงง่าย ถ้าไม่ไปเจอคลอรีนแรง ไม่ไปเจออากาศร้อนเกินไป หนาวเกินไป ตู้สะอาด ไม่มีพวกเชื้อรา ก็แทบจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเลย

ลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาส่วนมากในไทยครับ ก็จะเป็นกลุ่มของพี่ๆ ที่เขาเลี้ยงสัตว์ ชอบต้นไม้กันอยู่แล้ว ลูกค้าจะเป็นหมอ อาชีพที่เครียดๆ เขาจะจัดตู้ไม้น้ำไว้ดู จะซื้อในแบบที่ดี ที่สวยเลย ชอบตัวไหนก็จะตัวนั้น ไม่ได้ดูว่ามันเป็นทรงประกวดหรืออะไร

ปลานิยมกับปลาประกวดจะคนละแบบกัน ประกวดก็อาจจะสีไม่นิยม แต่ว่าทรง รูปร่างดีหมด ถ้าอย่างปลาที่นิยมส่วนมากจะเป็นเรื่องของสีดี สีสวย สีนิยม สีใหม่ ประมาณนั้น

มีบ้างที่ต่างประเทศมาดูเองที่ฟาร์ม ตอนนี้ผมยังไม่สามารถทำตามออเดอร์เขาได้ ก็เลยอาจจะยังไม่ได้ส่งเท่าไหร่ แต่ก็มีออเดอร์อยู่ครับ อย่างน้อยๆ ก็เป็นร้อยสองร้อย จะเป็นปลาจำนวนมาก”

*** วาดฝัน “ปลาบอลลูน” สร้างชื่อไม่แพ้ “ปลากัด” ***

จากกระแสที่ SJ Molly Fish ขายปลาบอลลูนได้คู่ละแสน ก็อาจจะทำให้เข้าใจว่าแต่ละเดือนต้องรับทรัพย์มหาศาลแน่ๆ แต่เจ้าของฟาร์มบอกกับเราว่า รายได้หลักแสนต่อเดือนก็จริง แต่เทียบไม่ได้เลยกับการนำเข้าปลาแชมป์มาพัฒนา

“ยังห่างกับคำว่าประสบความสำเร็จอีกเยอะครับ ถ้ามองในเรื่องของรายได้ก็อาจจะไม่ได้เยอะขนาดนั้น เราขายปลาเป็นร้อยตัวเพื่อไปเอาปลาคู่เดียว (หัวเราะ) อยากจะพัฒนามากกว่า จนถึงตอนนี้เราก็ยังอยากได้ปลาที่ดีที่สุด

ตรงนี้มันเป็นพื้นที่ของที่บ้าน เป็นบ้านสวน ก็เลยลองมาทำดู ด้วยความที่บอลลูนมีหลายสีมาก เราก็อยากโซนนี้เป็นสีนี้ อีกโซนนึงเป็นสีนึง และผมต้องค้นหาปลาแชมป์ ปลาประกวด มันก็ต้องใช้จำนวนเข้ามาช่วย เพื่อที่จะเอาตัวเดียวที่ดีที่สุด

ทุกวันนี้รายได้ประมาณ 6 หลักต่อเดือนครับ แต่ว่าจริงๆ แล้วผมก็ซื้อจากต่างประเทศมาเยอะเหมือนกัน บางทีเราขายปลาไปเดือนนี้ เราอาจจะได้ปลาแค่คู่เดียวก็ได้ (หัวเราะ) ขายเพื่อต่อยอดพัฒนา

ซื้อเกือบทุกเดือนเหมือนกันครับ บางเดือนมากน้อยก็แล้วแต่เลย (ลิมิตการซื้อปลา) ไม่มีเลยครับ (หัวเราะ) เป็นอะไรที่เบรคแตกมากๆ เราเห็นปลาตั้งแต่เล็กจนโต เราจะมีจินตนาการกับปลาตัวนั้นๆ ปลาตัวนี้ฟอร์มดี โตมาอาจจะฟอร์มแชมป์ ฟอร์มปลาประกวด มันก็เลยต้องเอามาหมด แม้แต่ในไทยก็เหมือนกัน ก็จะลองเอามาพัฒนาดูครับ

ใครที่ได้เป็นแชมป์หรือทำปลาได้แชมป์ เขาจะหวงมาก ต้องคุยแบบ… ให้ความสำคัญกับเขาเยอะมาก กว่าเขาจะยอมแบ่งปลาขายเรามา อย่างผม เขาก็จะยอมรับเหมือนกันว่าปลาเราก็สวย

ผมก็จะเหมือนแบบ… ส่งปลาไปขิงเขา (หัวเราะ) เขาก็จะส่งปลาที่สวยมาให้เราดูทางข้อความ แล้วเราก็อาจจะแบบ… ไม่สวยหรอก สู้ของเราไม่ได้ ไหนลองส่งมาดู ลองขายมาดู จากที่เขาไม่ขายเขาก็… ดูถูกปลาเรานี่หว่า งั้นก็ส่งไปให้ดู ประมาณนั้น”


[ "Sakura ตาแดง" คนแห่จองตั้งแต่ตัวจิ๋ว ]

ถ้าให้พูดถึงความโดดเด่นของปลาบอลลูนในฟาร์มนี้ แจ็คบอกว่า จะเน้นในเรื่องของปลาทรงแชมป์ เด่นชนิดที่ว่าเซียนปลามองออก คนเล่นเขารู้กัน

“ทรงปลาแต่ละตัวมันจะแตกต่างกัน คนเห็นแล้วจะรู้เลยว่าปลาของที่ไหน อย่างซากุระมันก็จะมีขีด มีบั้ง มีจุด ถ้าบั้งสีนี้ พื้นเป็นประมาณนี้ เขาก็จะพอคร่าวๆ ได้ว่ามาจากที่ไหน ต้องเข้ามาลึกพอสมควรกว่าจะจำหน้าปลากันได้

ทุกที่ปลาดีหมด แต่ที่นี่ก็อาจจะเป็นแนวปลาประกวดซะเป็นหลัก ผมจะคุ้นชินกับปลาแชมป์เยอะ เพราะผมซื้อปลาแชมป์เข้ามาเยอะมาก ผมก็พอสังเกตได้ว่าแชมป์เขาเป็นยังไง เป็นปลากระโดงสูง อย่างน้อยๆ ต้องนึกถึงผมบ้าง

ถ้าในเรื่องของสี ผมเองชอบสีแดง ผมจะตั้งใจทำปลาสีแดงมากๆ สีนี้อาจจะไม่ได้รับความนิยม มันก็เป็นเรื่องของชอบส่วนตัวไป ตอนนี้ยังไม่ได้จดสิทธิบัตรในเรื่องของสีใหม่ บางทีสีที่เราคิดว่าทำใหม่ ดูที่อื่นก็เริ่มมีเหมือนกัน ก็ยังไม่ได้แตกต่างแบบชัดเจนไปเลย เช่น ตอนนี้ไม่มีสีเขียว เราทำสีเขียวได้ มันควรจะต่างขนาดนั้น เราต้องมีคนเดียวเลย ผมคิดว่านะ

จำนวนที่ผลิต ผลิตได้เยอะครับ ต่อเดือนน่าจะเป็นหลายพันตัว แต่ปลาที่มีคุณภาพและคัดได้จริงๆ อาจจะไม่กี่ร้อยตัว ถ้าปลาที่ดีมากก็อาจจะหลักหน่วยหรือไม่มีเลย

บางสีที่นิยมอาจจะถูกเหมาคอกตั้งแต่เด็กๆ อย่างเช่น red head ปัจจุบันมันฮิตมาก ผมก็จะเหมาอยู่ที่ประมาณ 700-1,000 ต่อตัว นับคอกก็จะประมาณ 30 ตัว

ไซส์ประมาณ 2-3 อาทิตย์เริ่มที่จะพอดูเพศได้ แต่ว่าถ้าไซส์ที่ควรจะขายจริงๆ หรือในสีปกติที่อาจจะนิยมไม่มากเท่า red head ก็จะประมาณ 2-3 เดือน จะเป็นรุ่นที่กำลังจะเป็นพ่อแม่พันธุ์ คือมีทรงแล้ว”



ถึงเขาจะมีปลาแชมป์ในครอบครองมากมาย แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยพาปลาลงสนามด้วยเพราะความตั้งใจของตัวเองในฐานะผู้ตัดสิน แต่หลังจากนี้การประกวดปลาบอลลูนในไทยน่าจะดุเดือดขึ้น เพราะแจ็คเองจะมาในฐานะผู้เข้าประกวดด้วย

“ด้วยความที่เราก็อยากประกวด ปลาที่เราพัฒนาไว้เป็นทรงประกวด ลูกค้าเขาจะรู้ว่าเราลงประกวดเองไม่ได้อยู่แล้ว เขาก็จะมาจีบตัวนั้นๆ บางทีก็เป็นปลาที่เราหวง แต่เราก็เข้าใจ ถ้าปลาตัวนั้นเขาเอาไปเขาได้แชมป์ มันก็เป็นความภาคภูมิใจของเราด้วย แต่ปีหน้าจะต้องประกาศแล้วว่าอาจจะลงทุกสนามไม่ว่าจะเป็นกรรมการหรือไม่เป็นก็ตาม อยากร่วมด้วย

งานประกวดตอนนี้ก็ยังไม่เยอะครับ ยังน้อยอยู่ ถ้าในไทยเพิ่งจะมีงานแรก ตอนนี้ที่กำลังจะมีก็น่าจะอีกหลายงานอยู่ครับ จริงๆ ผมเองก็อยากได้ในไทยครับ ต่างประเทศมันเป็นเรื่องการเดินทาง เรื่องของความเสี่ยงในการส่งปลา บางทีมันรู้สึกว่ากลัวว่ามันจะร่วงหรืออะไร มันไม่ง่ายครับ การส่งมันก็เป็นรอบของ shipping บางทีเราต้องดูวันดูอะไรเยอะอยู่”



ถามถึงอนาคตของปลาชนิดนี้ที่อยากให้เกิดขึ้น เจ้าของ SJ Molly Fish ก็บอกว่าอยากเห็นปลาบอลลูนหรือปลามอลลี่สะบัดครีบเฉิดฉายเหมือนอย่างปลากัดที่สร้างชื่อในระดับโลกในฐานะปลาไทยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่แรงสนับสนุนจากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องด้วย

“ตัวผมเองอยากได้ข้อมูลงานวิจัยหรืออะไรต่างๆ เกี่ยวกับกรมประมง การเรียนรู้ การประกวด เราอยากให้มีมาตรฐานของตัวเราเองในไทย ก็อาจจะต้องให้ผู้ใหญ่เมตตานิดนึงในการมาดูตรงนี้ อย่างผมศึกษาเองจากปลาป่วย ลองรักษายังไงก็ไม่เท่ากับงานวิจัยที่ทางกรมประมงหรือทางผู้ใหญ่เขาพัฒนามา ผมอยากได้ข้อมูลส่วนนั้น

แล้วก็เรื่องของมาตรฐานการประกวด ตอนนี้เราใช้มาตรฐานของทางต่างประเทศอยู่ วันนึงที่เราส่งปลาออก เราก็อยากจะมีมาตรฐานในไทย ทุกอย่างที่เป็นประเทศไทย ปลาทั้งหมดก็จะถูกเรียกว่าปลาไทย สร้างชื่อให้กับประเทศไทย

ตอนนี้ทางผู้ใหญ่ก็เล็งเห็น ว่าปลาบอลลูนอาจจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ ผมเองเชื่อว่าปลาบอลลูนมันไม่มีทางหายไปจากประเทศไทย มันจะถูก จะแพง จะส่งออก ก็อยู่ที่การได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ ส่วน

ผมอยากให้บอลลูนได้เป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศ อย่างเช่นปลากัดครับ ทุกวันนี้ปลากัดยังมีการพัฒนาสีอยู่เรื่อยๆ แล้วบอลลูนเป็นปลาที่สามารถเป็นแบบนั้นได้”

สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : กัมพล เสนสอน
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : Facebook "SJ molly fish" และ “S'ack Jack”
ขอบคุณสถานที่ : ฟาร์มปลาบอลลูน “SJ molly fish”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น