xs
xsm
sm
md
lg

“อย่าปิดประตูตีแมว!!” ปรับเตือนใจ “ไข่เจียวปู VVIP” วิจัยชี้ “1 ดาวมิชลินฯ = เพิ่ม 3,200 บาท/คน” [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพงไม่ว่า แต่ขอรู้ราคาก่อน บทเรียน“ราคาไม่ตรงปก” ถูกบีบให้เป็น“VVIP” โดยไม่สมัครใจ ไม่ใช่เหตุผลให้เปลี่ยนวัตถุดิบเพื่อขึ้นราคา ล่าสุดร้านดังถูกสั่งปรับเป็นเคสเตือนใจ พร้อมเจาะวิถี“ร้านรางวัล-เมนูดาวมิชลินฯ” ที่นักชิมต้องรู้ ผ่านสายตา“เชฟมืออาชีพ”






** แจ้งก่อน ให้ “(ราคาแพง)พิเศษ” **

“เจ๊ไฝ”ร้านอาหารชื่อดังระดับ “มิชลินสตาร์ 1 ดาว” ซึ่งมอบให้กับร้านอาหารคุณภาพยอดเยี่ยม และควรค่าแก่การหยุดแวะชิม ทำให้ร้านนี้โด่งดังทั้งในไทยและต่างประเทศ

กับเมนูดังที่นักชิมทั่วโลกรู้จัก เมนูซิกเนเจอร์อย่าง “ไข่เจียวปู” ได้กลายเป็นดรามาขึ้นมา เมื่อยูทูบเบอร์ดังอย่าง “PEACHII” (พีช-พิชญา ชัยชนะ)แชร์ประสบการณ์ “ราคา VVIP”ไว้บน X โดยเล่าว่า ราคาหน้าเมนูบอก 1,500 บาทแต่พอคิดเงินกลับต้องช็อก เพราะราคาดันโดดไปถึง “4,000 บาท”

“ไข่เจียวปูเจ๊ไฝ ล่าสุด 4,000 บาท ราคาแบบปูคุณภาพดี เข้าใจได้ เจ๊ไฝจัดแบบพิเศษ หวานฉ่ำเต็มพวง อร่อยเต็มคำ
แต่ประเด็นคือไม่ได้สั่งพิเศษ และไม่ได้บอกล่วงหน้าว่า ราคา varies จากเมนูได้ (บนเมนูเขียน 1,500 ถ้วน) รู้อีกที มาในบิลเลย”

เหตุผลที่ร้านให้ หลังกลายเป็นประเด็นเดือดคือ วัตถุดิบอย่าง “ปู” ที่เลือกใช้ มีคุณภาพดีกว่าราคาเลยกระโดดไปอยู่ที่ 4,000 บาท


                                                        {“ไข่เจียวปู” เจ้าปัญหา ราคาโดดไป 4,000}

พอนักสืบโซเชียลฯ ไปขุดเรื่องราวย้อนหลังดู ก็เจอว่า “ร้านเจ๊ไฝ” เคยขายราคานี้มานานแล้ว เอาไว้สำหรับลูกค้า VVIP หรือลูกค้าสั่งประจำเท่านั้น

แต่ประเด็นอยู่ที่ ยูบเบอร์สาวรายนี้ “ไม่ได้สั่ง”และทางร้านก็ไม่ได้บอกว่า จะมีการเปลี่ยนวัตถุดิบให้ ซึ่งปกติต้องแจ้ง และต้องถามด้วยว่า โอเคกับราคาที่จะเพิ่มขึ้นหรือเปล่า

ยังไงก็ตาม หนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นเพื่อนของยูทูบเบอร์สาว อย่าง “ดร.ภัทราภา ชาดิษฐ์” ก็ออกมาแก้ต่างให้ทางร้านว่า จำลูกค้าประจำได้ทุกคน รวมถึงเมนูที่ชอบด้วย เรียกได้ว่าแค่มองตาก็รู้ว่าจะกินอะไร

“เจ๊ไฝทำอาหาร ตามที่ลูกค้าประจำเคยทาน และอาจจะไม่ได้มีการอธิบาย ให้กับเพื่อนที่มาด้วยกันให้รับทราบ จึงเกิดการเข้าใจผิดขึ้น ซึ่งเป็นการจัดทำให้สำหรับ ลูกค้าคุ้นเคย หรือลูกค้า VVIP เท่านั้นค่ะ”

ย้ำว่าทางร้าน ไม่ได้มีเจตนาเอาเปรียบ แค่เห็นว่าเป็นลูกค้าที่คุ้นเคย และเจ้าตัวได้อธิบายให้ “ยูทูบเบอร์เจ้าของประเด็น” ได้รับทราบแล้ว


                                               {“เจ๊ไฝ” เจ้าของร้านดังระดับ “มิชลินสตาร์ 1 ดาว”}

แต่ถึงอย่างนั้น คนถูกเสิร์ฟ “จาน VVIP” โดยไม่ได้ขออนุญาตก่อน ก็ยังยืนยันว่า ไม่ว่าจะลูกค้าประจำหรือไม่ประจำ ทางร้านก็ควรถามก่อนว่า จะสั่งแบบเดิมไหม โดยเฉพาะเมื่อมากับแขกคนอื่น “เพราะแต่ละคน มีความต้องการไม่เหมือนกัน”

ล่าสุด “กระทรวงพาณิชย์” ได้ลงไปตรวจสอบแล้ว พบว่า “ราคาหน้าเมนู”ไม่มีบอกราคาที่ชัดเจน จึง “สั่งปรับ” ไป 2,000 บาทและให้ทางร้าน “ติดราคาให้ชัด” รวมถึงให้สอบถามความต้องการของลูกค้าให้ชัดเจนทุกครั้งด้วย


                                                                   {หน้าเมนูบอก ราคา 1,500}

** ดี-ไม่ดี แยกกันที่ “เจตนา” **

มองในมุมนักกฎหมาย อย่าง “ผศ.ดร.พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย” อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แสดงความคิดเห็นผ่านแอคเคาท์บน X @pornson ไว้ว่า เรื่องนี้เข้าข่ายความผิด ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

โดยแบ่งได้ 2 ประเด็นคือการเรียกเก็บ “ราคาที่ไม่ตรง” กับที่กำหนดไว้ในเมนูอาหารและ “ราคาอาหาร” ที่เพิ่มเป็น 4,000 บาทถามว่าคือ “ราคาที่เหมาะสมแล้วหรือไม่?”

ท่ามกลางข้อสงสัยของคนในสังคม ที่งงเหมือนๆ กันว่า สรุปแล้ว ถ้า “วัตถุดิบดี” จะตั้งราคายังไงก็ได้เหรอ? ทางทีมข่าวจึงลองให้คนวงในวงการอาหาร อย่าง “ช้าง-กรุงธนะ นิ่มหนู” เจ้าของร้าน“Bombay Hut”เชฟผู้เคยทำงานในโรงแรม 5 ดาวที่อินเดีย มาช่วยวิเคราะห์ คำตอบที่ได้ก็คือ

จะขายราคาแพง แพงกว่านี้ก็ได้ ไม่มีปัญหา แต่ทุกอย่างก่อนที่จะจ่ายเงินเนี่ย เราต้องทราบราคาก่อน ซื้อก๋วยเตี๋ยว 40 บาท พิเศษ 50 บาท 
คุณก็ต้องรู้ว่า 50 บาท คุณได้อะไรเพิ่มมาบ้าง logic แบบง่ายๆ พิเศษก็ได้ลูกชิ้นเพิ่มอีก 2 ลูก ได้เนื้อเพิ่มอีก ได้เส้นเพิ่มอีก เพราะฉะนั้น ราคามันก็ต้องไปตามบริมาณ และคุณภาพที่แตกต่าง”



โดยเฉพาะเมื่อมี “การเปลี่ยนวัตถุดิบ"ที่จะทำให้ราคาอาหาร “เพิ่มขึ้น”ยิ่งต้องเคลียร์กับลูกค้าให้ดีว่า ลูกค้ายังต้องการอยู่ไหม ถ้าไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการมีเจตนาไม่ดี หวังฟันกำไรจากลูกค้า

“อย่างร้านผมเนี่ย เราทำเป็น Chef’s Table เราไม่มีเมนู แต่เราลูกค้าเราก็ต้องแจ้งก่อนว่า คุณมาคุณต้องเสียเงินเท่านี้ ถ้ามากกว่านี้ ต้องตามนี้ มีการเคลียร์กับลูกค้าก่อน ถ้าไม่มีอันนี้ก็คือ ปิดประตูตีแมวละ นี่คือมีเจตนาที่ไม่ดีละ”

และถึงจะบอกว่า “ราคา” ที่ตั้งไว้ มันคือสิ่งที่ร้านพอใจจะขาย คนทานพอโอเคจะจ่าย แต่ในการทำร้านอาหาร มันก็มี “เกณฑ์การตั้งราคาอาหาร” อยู่

เกี่ยวกับเรื่องนี้ “เชฟช้าง” ช่วยกางข้อมูลให้เราดูว่า ปกติราคาอาหารใน 1 เมนู “30%”คือ“ต้นทุนวัตถุดิบ”แต่ก็ไม่ใช่ว่า 70% ที่เหลือคือกำไร

สมมติอาหารราคา 100 บาท คิดเป็น “ต้นทุนของ”30 บาท ส่วนอีก 70 บาทที่เหลือคือ “ค่าน้ำ-ค่าไฟ-ค่าแก๊ส-ค่าแรงพนักงาน” หักพวกนี้ออกแล้ว ถึงจะเป็น “กำไร”ของอาหารจานนั้น


                                                    {“เชฟช้าง” เจ้าของร้าน “Bombay Hut”}

** อัปราคา “ค่ารางวัล” เพิ่ม “ความคาดหวัง” **

แต่ประเด็นแนวๆ ร้านอาหารขายแพงไม่มีสาเหตุ ก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ อย่าง “ร้านซุปดังใน จ.สงขลา” ที่คนสั่งอาหารแค่ 3 อย่าง “ซุป-ไข่เจียว-ผัดคะน้าปลาเค็ม” แต่ราคาปาไปถึง 505 บาท บางเคสแค่สั่ง “ซุป-ไข่เจียว” ก็โดนไปถึง 980 บาท

หรืออีกเคสที่คล้ายกันก็คือ ร้านอาหารใน จ.กระบี่ ที่ราคาอาหารจริง แพงกว่าในเมนู อย่าง “ปู” ในเมนูราคา 690 บาท แต่เก็บเงินจริงเป็น 960 บาท และ “หอยแครง” ในเมนู 90 บาท แต่พอบิลมากลายเป็น 200 บาท

นี่ยังไม่นับเหล่าร้านที่ได้รางวัลการันตีความอร่อย จากองค์กรต่างๆ ยิ่งเป็นดีกรีระดับโลกอย่าง “มิชลินสตาร์” ราคาอาหารก็ยิ่งสูงขึ้นอีก จนคนถามเป็นเสียงเดียวว่า “แพงไปไหม?” อย่างเคสแบบเดียวกับร้านดัง ที่นักชิมรู้จักกันในนาม “เจ๊ไฝ ประตูผี” ก็ไม่ได้มีแค่ในไทย

จากงานวิจัยเรื่อง “The (menu) price effect of a Michelin star” ที่เผยแพร่เมื่อปี 2023 บอกเอาไว้ชัดเจนว่า การได้รับดาวจาก “มิชลินสตาร์” ทำราคาอาหารเพิ่มขึ้นถึง “25-30%”

ด้านเว็บไซต์เกี่ยวกับอาหารอย่าง “Chef’s Pencil” ก็เคยวิเคราะห์ราคาอาหาร จากร้านมิชลินสตาร์ทั่วโลกมาแล้วเหมือนกัน พบว่าทุกๆ การเพิ่ม 1 ดาว เท่ากับ ราคาอาหารที่สูงขึ้นถึง 3,200 บาท/คน



ซึ่งตอนนี้ ดาวมิชลิน แบ่งออกเป็น “1-3 ดาว” โดย “1 ดาว” แทนร้านอาหารคุณภาพสูงที่ควรค่าแก่การหยุดแวะชิม,“2 ดาว” แทนร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม และ “3 ดาว” คือสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเดินทางไกลเพื่อไปชิมสักครั้ง

ต้องยอมรับว่า การได้รางวัลต่างๆ นั้น ในมุมมองของเชฟช้างแล้ว ถือเป็นโอกาสอันดี ที่ทางร้านจะได้เพิ่มราคาอาหาร และเปลี่ยนลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย

“เหมือนน้ำขึ้นให้รีบตัก แล้วก็มีการทำกลุ่มผู้บริโภคขึ้นมาใหม่ อาจจะเจาะกลุ่มคนที่มีตังค์ขึ้นอีกนิดนึง ทำงานน้อยหน่อย แต่ได้เงินเพิ่มขึ้นอีกหน่อยอย่างงี้ครับ อันนี้เป็นไปได้”

แต่ก็ไม่ใช่แค่จะปรับขึ้นแค่ราคาอาหาร ตามหลักแล้ว “สภาพร้าน” “บริการ” “รสชาติ” “คุณภาพ” และ “ปริมาณอาหาร” ก็ต้อง “สูงขึ้นมาราคาด้วย”



เพราะในฐานะคนทำร้านอาหาร เชฟรายนี้ย้ำว่า “ราคาที่แพง ย่อมมาพร้อมกับ ความคาดหวัง”

“คือเราได้รางวัล เราอาจจะอัปราคา พร้อมกับทำสถานที่ พร้อมกับตัวอาหาร คือไม่ใช่จู่ๆ ก็ปรับนะครับ คุณก็ต้องมีอะไรให้เขาดูด้วย ให้มันไปด้วยกัน”

ถ้า “อาหารและบริการ” ออกมาได้สมน้ำสมเนื้อ กับความคาดหวังและเงินที่ลูกค้าจ่ายไป เรื่องราคาก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างที่บอกนี่คือ “ความพอใจระหว่าง คนขายกับคนซื้อ”

“คุณจ่ายในราคานี้ ความคาดหวังมันเกิดขึ้นอะว่า จากท้องตลาดมันราคาประมาณเท่านี้ พอลองแล้ว มันจะได้ต่างกันไหมนะ  เมื่อคุณรับเงินจากเขา คุณให้อะไรคืนเขา ดูความสมน้ำสมเนื้อตรงนี้ เป็นหลักดีกว่าครับ นอกจากความพอใจเนอะ”







ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)






@livestyle.official ..."อดีตเชฟโรงแรม 5 ดาว" ช่วยวิเคราะห์เรทราคา "ไข่เจียว VVIP 4,000" ว่า ไม่ใช่จู่ๆ นึกจะขึ้นก็ขึ้น โดยอ้าง "ความพอใจ" เพราะจริงๆ มันก็มี "เกณฑ์การตั้งราคาอาหาร" ที่มีมาตรฐานอยู่... . แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ร้านที่ได้รับ "มิชลินสตาร์" ทำราคาพุ่งขึ้นถึง 25-30% อันนี้คืองานวิจัยทียืนยันออกมาเลย คือทุกๆ "1 ดาว" ที่ได้ คือราคาที่สูงขึ้นถึง "3,200 บาท/คน" . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #TikTokCommunityTH #ร้านเจ๊ไฝ #เจ๊ไฝ #ไข่เจียวปู #ไข่เจียวปูเจ๊ไฝ #พีชชี่ #PEACHII #ยูทูบเบอร์ #รีวิวอาหาร #เชฟ #มิชลินสตาร์ #มิชลินสตาร์ไทยแลนด์ #มิชลินไกด์ #TikTokพากิน #ปักหมุดร้านอร่อย #รีวิวของอร่อย #กินตามTikTok ♬ เสียงต้นฉบับ - LIVE Style


สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “Bombay Hut”, “The Earth”, ”ตามติดชีวิตแม่บ้านแขก”, “Lilly Pöp”, shellshuanshim.com, edhat.com, Instagram @jayfaibangkok




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น