“วินฯ”จอดได้ แต่ “ไรเดอร์”ถูกล็อกล้อ? เปิดปาก 2 มุม “พี่วินฯ”บอก มันคือ “จุดจอดวินฯ”ไรเดอร์จี้ระบบ ถ้าห้าม ต้องห้ามทั้งหมดไหม? ทำไม “กฎหมาย” ไม่กำหนดให้ชัดเจน หรือเพราะจริงๆ แล้ว คนวงในรู้กันว่า มีเบื้องลึกเบื้องหลัง “ส่วยเสื้อวิน”?
** จุดจอด “2 มาตรฐาน”? **
“2 มาตรฐานหรือเปล่า?”สงสัยกันให้ว่อนโซเชียลฯ เมื่อมีคลิปไวรัลตัวนึงเผยภาพเหตุการณ์ที่ถูกแอบถ่าย บอกเล่าเรื่องราวที่ดูๆ แล้ว เหมือนไม่เป็นธรรมเท่าไหร่
เมื่อมีไรเดอร์รายนึง จอดรถริมทางบริเวณ “ซ.สุขุมวิท 16”เพื่อเอาอาหารไปส่งให้ลูกค้า แต่กลับมาอีกที ดันถูกล็อกล้ออยู่คันเดียว
ทั้งที่ตรงนั้นก็มีวินมอเตอร์ไซค์จอดใกล้ๆ แต่กลับไม่ถูกหวย ไม่โดนล็อกล้อ เลยเป็นที่มาของการปะทะอารมณ์เดือด ระหว่าง “ตำรวจ”กับ “ไรเดอร์” จนวิพากษ์วิจารณ์กันให้ว่อน
คอมเมนต์ส่วนใหญ่สงสัยไปในทิศทางเดียวกันว่า“วินฯ ที่จอดใกล้ๆ ทำไมไม่โดน” เกิดเป็นคำถามที่ว่า ตกลงแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานแบบ “2 มาตรฐาน” หรือเปล่า?
{ไรเดอร์โวย โดนล็อกล้อ แต่วินฯ รอด}
เพราะดูจากคลิปแล้ว “เส้นขาวแดง” ที่ใช้แบ่งเขต “ห้ามจอด” ก็ไม่มี คำเตือนอย่างอื่นก็ไม่ปรากฏ แต่ทำไมยังถูกล็อกล้อได้?
และถ้าจุดนั้น “จอดไม่ได้” ก็ต้องห้ามจอดทุกคันหรือเปล่า ไม่ใช่อนุญาตให้แค่วินมอเตอร์ไซค์ได้อภิสิทธิ์ไป ผลักให้สังคมตั้งคำถามหนักมากว่า เรื่องนี้เกี่ยวกับ “ส่วยเสื้อวิน” หรือเปล่า? “ก็วินฯ เค้าจ่ายส่วย ก็จอดได้สิ”
แต่ก็มีบางคนเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “จุดจอดวินมอเตอร์ไซค์” ตามที่ต่างๆ จะทำได้ก็ต่อเมื่อ ต้อง “ขออนุญาต” กับเจ้าหน้าที่ก่อน
และเมื่อขอแล้ว ถึงแม้จะเป็น “เขตห้ามจอด” แต่จะได้รับการอนุโลม ให้ยังจอดรับผู้โดยสารได้ เพียงแค่พิสูจน์ได้ว่า จุดจอดวินฯ ตรงนั้น ขออนุญาตจัดตั้งแล้วจริงไหม แต่ถ้าเป็นแค่ “วินฯ ลอย” หรือ “วินฯ เถื่อน” ก็ไม่รอดอยู่ดี
เพื่อตอบข้อสงสัยนี้ให้ชัดเจน ทางทีมข่าวจึงขอสัมภาษณ์ “พี่วิน” ผู้ประจำในพื้นที่ ซ.สุขุมวิท 16จึงได้รู้ข้อมูลอีกมุมว่า สาเหตุที่ไรเดอร์รายนั้นถูกล็อกล้อ แต่วินฯ มอเตอร์ไซค์ที่จอดใกล้ๆ ไม่โดนนั้น เป็นเพราะไรเดอร์ขึ้นไปจอดบน “ทางเท้า” ส่วนวินฯ จอดอยู่บน “พื้นถนน”แต่ถ้าดูจากคลิปแล้ว อาจจะแยกไม่ค่อยออก
เพราะพื้นที่บนถนน ซ.สุขุมวิท 16 หลังการปรับปรุงถนนแล้ว ตัวฟุตปาธอยู่ในสภาพ “ไม่ได้ยกสูง” ให้อยู่เหนือตัวถนน จนทำให้เห็นได้ไม่ชัด แตกต่างจากลักษณะถนนปกติทั่วไป
ประเด็นต่อมาที่ว่า ทำไมวินมอเตอร์ไซค์ จอดนั่งจุดนั้นได้ ก็เพราะพื้นที่ตรงนั้นคือ “จุดพักวินฯ”ที่ขออนุญาตแล้ว จากคณะกรรมการทั้ง 4 ฝ่าย นั่นก็คือ “กทม.”, “กรมการขนส่งทางบก”,“ตำรวจ”และ “ทหาร”
“เป็นจุดพัก ไม่ได้จอดถาวร แต่ละจุดก็เลย จอดเพื่อรับผู้โดยสารนั่นแหละครับ จอดแล้วก็ออก จอดแล้วก็ออก”
วินฯ รายนี้ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวกับตัวมอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่อยู่ที่ตัวไรเดอร์เอง ที่ถูกล็อกล้อเพราะจอดผิดที่ แต่คนเอาไปโยงกันเองว่า เป็นเพราะวินฯ “มีนอกมีใน กับเจ้าหน้าที่” เลยไม่โดน
“ถ้าจอด ถ้ามันไม่ใช่บนทางเท้า ก็ไม่มีปัญหานะครับ ผมว่านะ ในมุมผมนะ ถ้าจอดพื้นถนน ฝั่งตรงข้าม อย่างบางคน เขาจอดถ่ายคลิปนะ ผมก็ไม่เห็นเขามาล็อกนะ”
{วินฯ ชี้ ไรเดอร์โดน เพราะจอดบนทางเท้า}
** ไรเดอร์รู้ดี “ซอยนี้ห้ามจอด” **
จากปากคำของวินมอเตอร์ไซค์ กลายเป็นว่าจุดไหน “จอดได้-จอดไม่ได้” หลักๆ มีแค่วินฯ เท่านั้นที่รู้กัน แล้วคนอื่นๆ ที่ต้องใช้รถใช้ถนนเหมือนกัน รู้บ้างไหม?
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีไรเดอร์สาวอีกรายนึง ช่วยให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวเอาไว้ เป็นไรเดอร์ที่วิ่งงานใน ซ.สุขุมวิท 16 เป็นประจำ บอกกับเราว่า มันก็ทั้งคนที่รู้ และคนที่ไม่รู้ว่า ตรงไหนคือพื้นถนน ตรงไหนคือทางเท้า
บางคนรู้ แต่ก็ยังฝืนไปจอด ซึ่งใน ซ.สุขุมวิท 16 หลายๆ ตึก ก็จะมีจุดที่ให้ไรเดอร์เข้าไปจอดรอลูกค้า แต่บางคนก็ขี้เกียจเข้าไป
และถ้าดูจากในคลิป ก็ต้องยอมรับว่า จุดนั้นไม่ใช่ที่ที่ควรจอดอยู่แล้ว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ของเขา
“แต่ถามว่า มันจอดได้ไหม มันก็จอดไม่ได้ทั้งหมดแหละ ความจริง ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ ทั้งไรเดอร์อะ จอดไม่ได้ทั้งหมดแหละ มันไม่ใช่ที่จอดรถ”
ส่วนเรื่องที่ว่า “จุดพักวินฯ” ตรงนั้น ทางวินฯ อ้างว่า มีการขออนุญาตแล้วนั้น เธอก็ต้องขอตั้งคำถามหน่อยว่า ได้ขออนุญาตกันอย่างถูกต้องจริงไหม? หรือรู้กันแค่ “ตำรวจ” กับ “วินฯ”
เพราะจากประสบการณ์การเป็นไรเดอร์แล้ว หลายครั้งวินมอเตอร์ไซค์ก็ไปจอดรอบนทางเท้าเลย แล้วเวลาตำรวจหรือเทศกิจมาตรวจ ก็จะมีการแจ้งให้วินฯ หลบออกไปก่อน แล้วค่อยกลับมาอีกที ตอนเจ้าหน้าที่กลับไปแล้ว
“อาจจะรู้กันแค่เจ้าหน้าที่กับตรงนั้น เพราะว่าบางครั้ง พี่สังเกตมองดูว่า เวลาที่นายเขาจะมาตรวจ ก็จะให้วินฯ ออกจากตรงพื้นที่ตรงนั้น แล้วเขาก็จะถ่ายรูปส่งออกไป สักแป๊บนึง พอนายไป ก็มา”
อีกอย่าง ความสนิทสนมกันระหว่าง “ตำรวจ” กับ “วินฯ” ก็เป็นอีกประเด็นให้น่าตั้งคำถาม ถึงมาตรฐานในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะหลายครั้งวินมอเตอร์ไซค์นี่แหละ ที่เป็นคนถ่ายรูปส่งตำรวจ แจ้งให้มาจับไรเดอร์
“แล้วพอเขาแจ้งไปอย่างงี้ ตำรวจก็มาล็อกล้อ แต่ว่าไม่แน่ใจว่า เป็นการแบ่งผลประโยชน์อะไรกันหรือเปล่า ปัญหานี้มันมีมานานแล้วค่ะ”
โดยเฉพาะในตัว ซ.สุขุมวิท 16 เป็นที่รู้กันดีในหมู่ไรเดอร์ว่า ถ้าไม่อยากเสียค่าปรับ จากการโดนล็อกล้อ หลายคนเลยเลือกนั่งรอลูกค้าบนรถ หรือไม่ก็ขับเข้าไปจอดในตึก ที่จัดที่ไว้ให้แทน
“พี่ไม่จอดเลย พี่จอดส่งลูกค้า พี่ก็ออกมาเลย เพราะพี่รู้ ถ้าเป็นทั่วๆ ไป เขาจะรู้ เขาจะไม่ค่อยไปปะทะ เพราะไม่อยากจะมีเรื่อง มีอะไร เพราะตรงนั้นมันถ่ายรูปด้วยไง กลัวโดนถ่ายรูป”
** “ส่วยเสื้อวิน” จากช่องโหว่กฎหมาย **
วิจารณ์กันหนาหูว่า ที่ส่วนใหญ่ “วินมอเตอร์ไซค์” ดูจะมีอภิสิทธิ์มากกว่าไรเดอร์ หรือผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป เพราะมีสิ่งที่เรียกว่า “ส่วยเสื้อวิน” ที่แน่นอนว่า ไม่มีกำหนดไว้ในกฎหมายว่า ต้องจ่ายให้หน่วยงานไหน เพื่อแลกกับการได้“ตั้งวิน”
เพราะกฎหมายระบุเอาไว้เพียงแค่ “ขั้นตอนการขออนุญาตมาเป็นวินมอเตอร์ไซค์” ซึ่งมีอยู่หลักๆ 2 วิธีด้วยกัน คือ 1.การจดทะเบียนวินฯ ใหม่ และ 2.จดทะเบียนแทนสมาชิกคนเดิมที่เลิกขับ
เริ่มจาก “การจดวินฯ ใหม่” ก่อน คือต้องขอ “หนังสือรับรองการใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะ” และ “การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เป็นรถสาธารณะ (ป้ายเหลือง)” กับ “กรมการขนส่งทางบก” ก่อน
จากนั้นก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกวินฯ ในพื้นที่ ให้ได้เสียงโหวตถึง “1 ใน 3” ถึงจะได้มาเป็น “มอเตอร์ไซค์รับจ้าง” ในวินฯ นั้นๆ ซึ่งถือว่ายาก เพราะสมาชิเก่าไม่ค่อยยอมเปิดรับคนใหม่เท่าไหร่
ส่วน “การจดแทนวินฯ เดิม” นั้น จะเป็นที่นิยมมากกว่า คือต้องทำหนังสือรับรองเรื่อง “รถจักรยานยนต์สาธารณะ” ให้ถูกต้องทุกขั้นตอนก่อน แล้วถึงมา “ขอซื้อเสื้อวินฯ” ต่อจากรายเดิม และเป็นที่มาของ “ราคาเสื้อวิน” ที่ว่ากันว่า แพงทะลุหลักแสน!!
จากบทความเรื่อง “ราคาเสื้อวิน กทม. แพงหลักแสน ต้นเหตุไม่พอใจแกร็บแย่งลูกค้า”ที่ทาง workpointtoday เคยเผยแพร่เอาไว้ในปี 63 ระบุว่า มีตั้งแต่ราคา “ครึ่งแสน”ไปจนถึง “ครึ่งล้าน”แบ่งตามเขต
“รามคำแหง 80,000 บาท, จตุจักร 100,000 บาท, อโศก 300,000 บาท, ฝั่งธนบุรี 300,000 บาท, ปทุมวัน 200,000 บาท และ ทองหล่อ 600,000 บาท”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ “นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์”ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย มองว่า “ช่องโหว่ของกฎหมาย” ที่ไม่มีการระบุให้ชัดเจนในหลายๆ เรื่อง อาจทำให้เกิดกลายเป็น “ค่าน้ำชา” ที่เจ้าหน้าที่บางราย มีไว้หาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง
เริ่มจาก “ตัวถนน”ที่ไม่มีเส้น หรือสัญลักษณ์บอกให้ชัดทำให้คนขับขี่แทบแยกไม่ออกว่า จุดไหนคือทางเท้า จุดไหนคือถนน
“ถ้าจุดนั้น เป็นจุดจอดจริง ขออนุญาตพิจารณาเป็นจุดจอดชัดเจน ก็ต้องทำสัญลักษณ์ให้ชัดเจน คนจะได้ไม่สับสน”
{“นพ.ธนะพงศ์” ผู้จัดการศูนย์ฯ เพื่อความปลอดภัยทางถนน}
ไหนจะเรื่อง “จุดพักวินฯ” หรือ “จุดจอดวินฯ”ที่ไม่มีสัญลักษณ์ระบุให้ชัดเจนเพื่อให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่า พื้นที่ตรงนั้นได้รับอนุญาตจากทางเจ้าหน้าที่แล้ว
เพราะในกฎหมายบอกแค่ว่า ถ้าจะตั้ง “จุดจอดวินมอเตอร์ไซค์” ต้องมีสมาชิกวินฯ อย่างน้อย 5 คน แล้วไปขออนุญาตจากคณะกรรมการพิเศษ 4 ฝ่าย ที่ประกอบด้วย กทม., ตำรวจ, กรมการขนส่งทางบก และทหาร แค่นั้น
“ไอ้ตรงนี้ มันอาจจะกลายเป็นช่องโหว่นะ เหมือนกับว่ามันจะต้องจ่ายเพิ่มเติมไหม กับทางคนอนุญาตก็ดี เพราะว่าคนอนุญาตเนี่ย เป็นกรรมการ 3 ฝ่าย ก็คือ มีกทม. มีตำรวจ แล้วก็มีกรมขนส่ง
แต่ช่วง คสช.เนี่ย มีทหารด้วยนะ ก็เห็นด้วยว่า เพื่อให้เรื่องนี้มันถูกจัดการอย่างเป็นระบบเนี่ย น่าจะถือโอกาสได้ทบทวน แล้วก็ทำให้โปร่งใส”
{“จุดจอดวินฯ” อย่างน้อยควรมี “เส้นบอก”}
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : TikTok @ace.shot6
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **