xs
xsm
sm
md
lg

#ไทยกับกัมพูชา ผู้นำรู้ตัวหรือยัง? ไทยรบชนะ “สมรภูมิชายแดน” แต่แพ้ยับ “สมรภูมิข่าวสาร” [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกโดนรังแก หลากข่าวลวง ที่ฝั่งกัมพูชาปั้นขึ้นมา แต่ชาวโลกจำนวนไม่น้อย กลับเชื่อตามนั้น“อดีตรัฐมนตรี” บอกเลยว่า เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะ“ช่องโหว่ทางการทูตของไทย” ผลักให้ถึงเราจะรบชนะ ในสมรภูมิชายแดน แต่กลับล้มเหลวอย่างแรง ในสมรภูมิข่าวสาร!!










** ตามแก้ “ข่าวลวง” จนหัวหมุน **


นอกจากสมรภูมิรบ ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เหล่าทหารกล้า ต้องเสียสละทุกหยาดเหงื่อ เพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง ให้ยังคงอธิปไตยเอาไว้ได้แล้ว ยังมีอีกสมรภูมิ ที่ไทยยังต้องต่อสู้อย่างไม่อาจลดละได้ คือ “สงครามด้านข่าวสารและการทูต”

ท่ามกลาง Fake News ที่ถูกปล่อยออกมาจากทางการกัมพูชา โจมตีทำลายภาพลักษณ์ประเทศไทยต่างๆ นานา ซึ่งมีตั้งแต่ข่าวลวงในสมรภูมิที่ถูกปล่อยออกมาว่า กองทัพเขมรยิงเครื่องบินรบของไทย ตกเรียบร้อยแล้ว ทหารไทยยอมจำนน กองทัพกัมพูชาขับไล่ทหารไทยออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ

แน่นอนว่า ไม่มีมูลความจริงอยู่เลย หนักสุดคือกล่าวหาว่า กองทัพไทยใช้อาวุธเคมีโจมตี ละเมิดต่อหลักโจมตีสากล ก่อนจะถูกแฉยับในภายหลังว่า คือการเอาภาพเก่ามาปั้นข่าวลวงโลก

เพราะภาพนั้น คือภาพจากเหตุการณ์ดับไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดในลอสแอนเจลิส ที่เครื่องบินของสหรัฐฯ ออกมาโปรย “สารชะลอไฟ” เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถสร้างแนวกันไฟได้ทันเวลา


เรียกได้ว่า ผุด “ข่าวปลอมรายวัน” ออกมาให้ไทยได้กุมขมับ ยังไม่รวม “การเดินเกมทางการทูต” สุดแสบจากฝั่งกัมพูชาอีก อย่างการอ้างว่า ฝ่ายที่เปิดฉากยิงก่อนคือฝั่งไทย

ด้วยการที่ “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ร่อนจดหมายหา “คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ” หรือ UNSC เพื่อร้องเรียนว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ไหนจะพฤติกรรม “ไม่เคารพข้อตกลง” ที่จับมือร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะยอม “หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข” ในเวลาเที่ยงคืน ของวันที่ 28 ก.ค.

แต่พอถึงเวลาจริง กัมพูชากลับละเมิดสัญญา ตลบหลังด้วยการยิงใส่ทหารไทยไม่หยุดหย่อน ก่อนจะเชิญทูตต่างประเทศมาลงพื้นที่ชายแดน เพื่อสร้างภาพว่า เขมรเคารพและทำตามสัญญาอย่างเคร่งครัด

ผลักให้ท้ายที่สุด กองทัพไทยต้องลุกขึ้นมา ออกแคมเปญ #TruthFromThailand เชิญชวนให้ประชาชนช่วยติดแฮชแท็กบนโซเชียลฯ จนกลายเป็นเทรนด์อันดับ 1 บน X ประกาศความจริงให้ชาวโลกได้รับรู้ ถึงมหากาพย์ความเหลี่ยมจัดจากฝั่งกัมพูชา




** จากประสบการณ์ ไทย “ล้มเหลว” สื่อสารโลก **

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์หนาหูว่า ผู้นำประเทศไทยยังเดินเกมสู้กับ “สงครามข่าวลวง” ได้ไม่เก่งพอทางทีมข่าวจึงขอให้ผู้มีความรู้ด้านนี้โดยตรง อย่าง “ปุ้ม-สุรนันทน์ เวชชาชีวะ”อดีตรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยวิเคราะห์ จนได้คำตอบออกมาว่า ทางด้านการทหารของไทยนั้น ถือว่าประสบความสำเร็จ น่ายกย่อง

แต่ในภาวะสงครามแล้ว จำเป็นต้องทำให้ครบทั้ง 3 ด้าน เพื่อคำว่า “ชัยชนะ” อย่างสมบูรณ์ในสมรภูมิ นั่นก็คือ ชัยชนะทั้งด้าน การทหาร, การทูต และการสื่อสารกับสื่อต่างชาติ ซึ่งกูรูรายนี้มองว่า ไทย “ล้มเหลว”ในอีก 2 ด้านที่เหลือ

คือเทียบกับกัมพูชาแล้ว ถือว่าเขาวางแผนเดินเกมมาอย่างดี ไม่ว่าจะส่งหนังสือร้องต่อสหประชาชาติทันที หลังปะทะกับไทย และในวันที่ “เจรจาหยุดยิง”ที่มาเลเซียเป็นประเทศคนกลาง ก็ถือว่า “ฮุน มาเนต” เตรียมคำแถลงมาเป็นอย่างดี

ไหนจะการวางแผนที่รัดกุมของฝั่งเขมร ที่เชิญทูตต่างชาติลงพื้นที่ชายแดน เพื่อดูสถานการณ์จริงทันที คือหลังวันที่ตกลงว่าหยุดยิง ซึ่งก็คือวันที่ 29 ก.ค. มีข่าวออกมาว่า ทางกัมพูชาเชิญทูตมาแล้ว ก่อนปรากฏภาพออกสื่อแบบชัดๆ ในวันที่ 30 ก.ค.


                                                                 {เขมรเชิญทูตทหาร ลงพื้นที่ชายแดน}

ในขณะที่ประเทศไทย เพิ่งเชิญทูตวันที่ 30 ก.ค. และได้ลงพื้นที่จริง วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมานี้เอง สะท้อนให้เห็นว่า เกมการทูตฝั่งบ้านเรา เดินตามหลังฝั่งกัมพูชาตลอด

บวกกับที่รัฐบาลไทยไม่ยอมโต้แย้งกัมพูชาตั้งแต่วันแรกๆ ที่ฝั่งนั้นอ้างว่า ไทยเป็นฝ่ายรุกล้ำ เปิดฉากยิงก่อน เลยทำให้กระแสโลกบางส่วน มองว่าไทยเป็นคนผิดไปแล้วไม่น้อยเลย

ยังไงก็ตาม อดีตรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รายนี้ ช่วยชี้ให้เห็นว่า ความจริงแล้ว กัมพูชาในสายตาชาวโลก ไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถืออยู่แล้ว

ด้วยความที่เป็นทั้งรัฐบาลเผด็จการ ไหนจะเป็นประเทศแห่งการฟอกเงินของธุรกิจสแกมเมอร์อีก ดังนั้น ถ้าไทยรู้จักเดินเกมมากกว่านี้ เราสามารถดิสเครดิตทางการทูต ผ่านประเด็นเหล่านี้ได้ง่ายๆ


                                 {1 ส.ค. 68 เหล่าทูตทหารและทูตนานชาติ ลงพื้นชายแดนฝั่งไทย}

ด้วยการเอาหลักฐานต่างๆ ที่เขมรละเมิดสัญญา ไปคุยกับประเทศมหาอำนาจในสหประชาชาติ ไม่ว่าจะเป็น อังกฤษ, ฝรังเศส, รัสเซีย คือต้องคุยให้ครบ ไม่ใช่คุยแค่กับ อเมริกาและจีน อย่างที่เป็นอยู่ เพื่อดึงประเทศเหล่านี้ มาเป็นพวกของเราให้ได้

“สายตาโลกมองสมเด็จฮุนเซน ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง เป็นเผด็จการ มีเครือข่ายการฟอกเงิน ซึ่งสหรัฐก็เปิดโปงอยู่

เพราะอย่างงั้นเนี่ย เราสามารถที่จะดิสเครดิตสมเด็จฮุนเซนได้ ทั้งทางสื่อ และในการชี้แจ้งกับทูตานุทูตว่า เขมรเป็นผู้รุกราน ตรงนี้ผมคิดว่า เราไม่ได้ทำ

คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติเนี่ย 5 มหาอำนาจ เราต้องเดินให้ครบถูกไหมครับ อเมริกา, รัสเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, จีน เราต้องเดินให้ครบ ไม่ใช่แค่อเมริกากับจีน

แล้วก็อีก 10 กว่าประเทศ ที่เป็นผู้แทนหมุนเวียน ซึ่งหลายประเทศ เป็นประเทศแอฟริกา ที่ผมไม่แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร เราก็ต้องเชิงรุกหมด เพื่อสื่อสาร” 


                                             {“ปุ้ม-สุรนันทน์”อดีตรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี}

** ขอให้ “ชัดเจน-หนักแน่น” ทำไม่ได้ก็เปลี่ยนตัว!! **

ยิ่งถ้าให้วิเคราะห์ “การนำเสนอข่าวต่อต่างประเทศ” ยิ่งเจอจุดบอดหนัก ดูได้จากการที่กระแสสื่อต่างประเทศส่วนใหญ่ โดยเฉพาะช่วงแรกๆ เขียนข่าวโดยไม่ได้ระบุรายละเอียดเชิงลึก คือนำเสนอแค่ว่า เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่าง “ไทยและกัมพูชา”

ดังนั้น เวลาคนนอกมองเข้ามา จะกลายเป็นว่าไทยเสียเปรียบ เนื่องจากประเทศเรา เป็นประเทศที่มีกำลังรบเหนือกว่ากัมพูชามาก เลยถูกเหมารวมไปว่า “ไทยไปรังแกเขมร” เสียอย่างนั้น

และยิ่งตอกย้ำความคิดผิดๆ นี้ให้ยิ่งกลายเป็นเรื่องจริงไปอีก หลังจากกัมพูชาเดินเกม ส่งนักวิชาการไปออกสื่อต่างประเทศ เพื่อตอกย้ำแนวคิดที่ว่า ประเทศตัวเองคือฝ่ายถูกรังแก

ตัดกลับมาที่ไทย เรามีแค่คำแถลงจากฟากรัฐบาล ซึ่งถึงจะมีการแปลเป็นภาษาอังกฤษ แต่สื่อนอกกลับไม่ค่อยเอาไปทำข่าวเท่าไหร่



ถ้าให้วิเคราะห์เหตุผลเบื้องหลัง อาจเป็นไปได้ว่า การแถลงต่างๆ ของรัฐบาล ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะดูเหมือนเป็นการพูดแก้ตัวกับคนไทยมากกว่า ว่าได้ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปแล้ว ไม่ใช่มุมการทำความเข้าใจกับชาวโลก

และสาระในคำแถลงต่างๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่สื่ออยากรู้ เพราะสิ่งที่สื่อต่างชาติอยากได้ยินก็คือ การคอนเฟิร์มว่า พื้นที่ที่แย่งอธิปไตยกันตรงนั้น เป็นของใคร และใครเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน คือจุดหลักที่ต้องสื่อสารให้ชัดเจน

แต่สิ่งที่เห็นคือ การแถลงการต่างๆ ที่ซ้ำซ้อนกันในหลายๆ ฝ่ายของไทย ทั้ง “รักษาการนายกฯ” ทั้ง “รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ” ไปจนถึง “ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.)”

เรียกได้ว่า ต่างคนต่างออกมาพูด จนสำนักข่าวทั่วโลกไม่รู้ว่า จะต้องฟังใครกันแน่ ทั้งที่สิ่งที่ควรจะเป็นก็คือ กำหนดลงไปให้ชัดเลยว่า ในการสื่อสารระดับทางการ ใครจะเป็นคนพูด



รวมถึงต้องดึงนักวิชาการมาช่วยเพิ่มน้ำหนักด้วย เพื่อให้ได้พื้นที่ ไปออกสื่อต่างประเทศเยอะๆ ผ่านการสื่อสารข้อเท็จจริง อย่างน่าเชื่อถือ

“เพราะฉะนั้น จริงๆ มันต้องเป็น One Voice, One Command คือเสียงเดียว แต่อาจจะแบ่งบทกันเล่น ถ้าเกิดเป็นเสียงทางการคือตรงนี้ ซึ่งจริงๆ ทำไม่ยากเลย

โฆษกกองทัพบก ท่าน'(พล.ต.)วินธัย สุวารี' เนี่ยเก่งแล้ว ชนกับกองทัพของเขา แล้วก็เอาสิ่งที่ท่านแถลงเนี่ย ขึ้นมาเป็นระดับชาติ แปลเป็นภาษาอังกฤษ ส่งสื่อต่างประเทศ

แล้วก็แถลงเป็นภาษาอังกฤษ โดยฝ่ายการเมือง เพราะจริงๆ แล้วทุกวันนี้ มันต้องเป็นระดับรัฐมนตรี ที่ออกมาพูด ระดับ รองนายกฯ รักษาการนายกฯ หรือระดับ รัฐมนตรีต่างประเทศ ต้องพูดให้มีน้ำหนัก

การแถลงที่ผ่านมาเนี่ย เหมือนเป็นการแถลงเพื่อแก้ตัว ว่าฉันได้ทำตรงนั้นนะ ฉันได้ทำตรงนี้แล้ว มาแก้ตัวกับคนไทยกับสื่อ ซึ่งมันไม่ได้เป็นเนื้อหาสาระ ที่เราต้องการ สื่อกับต่างประเทศ

ของเรา ฝ่ายการเมืองไม่มีความหนักแน่นเลย ใช่ไหมครับ เพราะฉะนั้น มันทำให้การสื่อสาร เราแพ้ ผมขอความหนักแน่น จากฝ่ายการเมือง ถ้าทำไม่ได้ ก็เปลี่ยนตัวซะ

เอาคนที่มีความเด็ดขาด ความหนักแน่น แล้วก็มีความน่าเชื่อถือ เพราะฉะนั้น ทางการเมือง ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ให้เร็ว”


                                            {ไม่หนักแน่น เดินเกมช้า ทำไทยพ่ายทางการทูต}





ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)






@livestyle.official ...เหลี่ยมทุกดอก แล้วบอกโดนรังแก หลากข่าวลวง ที่ฝั่งกัมพูชาปั้นขึ้นมา แต่ชาวโลกจำนวนไม่น้อย กลับเชื่อตามนั้น "อดีตรัฐมนตรี" @nandopoom บอกเลยว่า เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะ "ช่องโหว่ทางการทูตของไทย"... . ผลักให้ถึงเราจะรบชนะ ในสมรภูมิชายแดน แต่กลับล้มเหลวอย่างแรง ในสมรภูมิข่าวสาร!! . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #TikTokCommunityTH #TruthFromThailand #ไทยกัมพูชา #ไทยกับกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยนี้รักสงบเเต่ถึงรบไม่ขลาด #ปราสาทตาควาย ♬ เสียงต้นฉบับ - LIVE Style


สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “Suranand Vejjajiva (Poom)”, “กองทัพบก Royal Thai Army”, “Army Military Force - สำรอง”, X@RattanaJ, en.freshnewsasia.com




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น