สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ยังตึงเครียดและไม่น่าไว้วางใจ หลังเกิดเหตุปะทะต่อเนื่อง บริเวณจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษ ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกออกมาแถลงถึงสถานการณ์ว่า "ไทยยังคงยึดแนวทางสันติวิธี และการเจรจาเป็นหลัก" แต่กลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงเสริมกำลังเพิ่ม และสร้างความปั่นป่วนต่อเนื่อง
🛑 เกิดอะไรขึ้นบ้าง?
ฝ่ายกัมพูชา ได้จัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ในพื้นที่พิพาทบริเวณปราสาทตาเมือนธม ทั้งยังมีการลักลอบขุดคูเลทในเขตแดนไทย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากไทย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการบิดเบือนข้อมูล กล่าวหาทหารไทยผ่านสื่อทั้งในและนอกประเทศ และทหารกัมพูชายังทำการยั่วยุทหารไทยอย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์รุนแรงที่สุดคือการ "วางทุ่นระเบิด" ในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นระเบิดใหม่ที่ทหารกัมพูชาลอบเข้ามาวางในเขตแดนไทย ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ
🛑 เจรจาไร้ผล? สัญญาหยุดยิงกลายเป็นแค่กระดาษ
แม้จะมีการประชุมหารือ และเจรจาหยุดยิงระหว่าง 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 68 ที่ประเทศมาเลเซีย แต่ฝ่ายกัมพูชากลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง และยังคงใช้ยุทธวิธีกดดันต่อเนื่อง
“ไทยจำเป็นต้องวางกำลังเพื่อปกป้องอธิปไตย แต่ยังคงหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธโดยสิ้นเชิง” พลตรีวินธัย สุวารี
🛑 ชายแดน = เขตเสี่ยง
รัฐบาลประกาศเตือนประชาชน หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าใกล้พื้นที่ชายแดนในระยะนี้ โดยเฉพาะพื้นที่สุรินทร์และศรีสะเกษ เนื่องจากอาจมีแผนปฏิบัติการแทรกซึมจากทหารกัมพูชา
ขณะเดียวกัน หน่วยงานความมั่นคงจะเพิ่มกำลังเฝ้าระวัง และดูแลความปลอดภัยในเขตชุมชน ย้ำว่า ความร่วมมือจากประชาชน คือสิ่งสำคัญที่สุด
📵 อย่าแชร์มั่ว! ข่าวปลอม = ทำลายประเทศ
กองทัพขอความร่วมมือประชาชน ในการหลีกเลี่ยงการแชร์ข่าวปลอม หรือข้อมูลที่บิดเบือน ซึ่งอาจส่งผลเสียโดยตรง ต่อปฏิบัติการทางทหาร และความมั่นคงของประเทศ
"ช่วยกันตรวจสอบก่อนแชร์"
🤝 น้ำใจไทยไม่เคยหมด
กองทัพขอบคุณประชาชนทุกคน ที่ส่งความช่วยเหลือ ทั้งสิ่งของจำเป็น และกำลังใจ ที่ส่งถึงศูนย์พักพิงและทหารแนวหน้า
“สิ่งที่ทหารต้องการที่สุด คือกำลังใจจาก คนไทยทุกคน”
“กองทัพยืนยัน เราไม่ใช่ผู้เริ่ม แต่เราจะไม่ยอมให้ใครเหยียบแผ่นดินไทย”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **