xs
xsm
sm
md
lg

แค่ปล่อยให้ฉันฮีลใจเธอ... กว่าจะแมสไม่ง่าย!! “แพร-ชนา” เห็นค่าวันนี้ เพราะถูกลืม-ถูกดอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เคยโด่งดังเป็นพลุแตก สมัยยังเป็น “ซุป'ตาร์เด็ก” พอจะหยิบจับเป็นอาชีพจริงจัง กลับค้นพบว่า กว่าจะดังไม่ใช่เรื่องง่าย “ท้อ” จนแทบถอดใจ กว่า10ปีที่ฝึกฝนและฟันฝ่า เคย “ถูกค่าย(เดิม)ดอง” จนรู้สึก “ไร้ค่า” แต่กลับมาแมสได้เพราะใจสู้ ลุกขึ้นมาพยายามอีกครั้ง

ไวรัลเพราะพี่ๆ รถบรรทุก

ดีใจตั้งแต่1ล้านวิวแล้วค่ะ มีงานเข้ามาเยอะมากๆ ได้ทําในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้จริงๆ อยากขึ้นเวทีตามจังหวัด อยากเจอแฟนๆ ที่ดีใจมากๆ ก็คือ ทุกคนร้องเพลงเราได้ พอเรามาเป็นศิลปิน เราก็อยากจะมีเพลงที่ดัง แต่ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้ค่ะ

“แพร-ชนา” หรือ “แพร-ชนาภรณ์ ทวีชาติ” วัย  21 ปี เจ้าของเสียงเอกลักษณ์ เพลงฮิต “คลื่น” ที่มียอดวิว MV ทะลุ 114 ล้านวิว จากค่ายแกรมมี่โกลด์

เธอบอกว่า ที่เพลงนี้ ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว มาจากการนำไปใช้ประกอบคลิปวิดีโอของพี่ๆ รถบรรทุก ใน TikTok และถูกนำไปแชร์ต่อๆ กันในโลกออนไลน์ ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ไม่เพียงเท่านั้น หลายคนก็หยิบจับไปร้องcoverยิ่งเพิ่มความแมสขึ้นไปอีก

“เริ่มต้นมาจากพี่ๆ ขับรถบรรทุกค่ะ เขาไปแจกข้าวคนงาน แล้วก็ใส่แผ่นเสียงเพลงคลื่น แล้วคลิปก็เริ่มมีคนไลก์ประมาณ2หมื่น หนูก็เลยสังเกตเห็น แล้วก็อัดคลิปตัวเองลงบ้าง แล้วเพลงคลื่นมันก็เริ่มแมสใน TikTok ค่ะ

ส่วนใหญ่จะเป็นรถบรรทุก หรือไม่ก็พี่ๆ ที่แต่งรถ ก็จะเอาเพลงคลื่นไปใส่ แบบฮีลใจว่า เขารักรถเขา ก็จะมีทั้งดูแลรถ แล้วก็อวดกัน ว่ารถบรรทุกเราเนี่ย แต่งเป็นยังไงบ้าง ต่อมาหลายๆ คนก็เอาสตอรี่ตัวเองมาใส่กับเพลงคลื่น หรือว่าของที่ตัวเองรัก”

ด้วยเนื้อหาเพลงที่ฮีลใจ คนที่กำลังต่อสู้กับปัญหาในชีวิต ทำให้ถูกใจหลายๆ คน ซึ่งความหมายของเพลงที่เธออยากสื่อก็คือ อยากไปอยู่เคียงข้างทุกคน ที่กำลังต่อสู้กับเรื่องราวที่หนักหนาในชีวิต ให้เพลงนี้เป็นเพื่อนคอยปลอบใจ ให้ผ่านพ้นไปได้

“ก็เป็นตามความหมายเพลงเลย คือหนูจะไม่ได้ตีความลึกซึ้งมาก ตีความตรงตามเพลง เพื่อที่เวลาสื่อสารออกไป คนจะได้รับสารนั้นแบบตรงๆ

จริงๆ ก็ตั้งแต่ได้ฟังเพลง เราก็นึกถึงสิ่งที่เรารักหลายๆ อย่างเลยค่ะ ทั้งครอบครัว หรือว่าเพื่อน แล้วก็ความสัมพันธ์ รวมถึงแค่สิ่งเล็กๆ ที่เราทํา แล้วเรารู้สึกว่า มันฮีลใจเราค่ะ ในทุกเวลา เป็นกําลังใจให้เรา หรือแม้แต่ตุ๊กตาที่อยู่ข้างๆ ตอนนอน”


เธอนิยามว่า เป็นเพลงแนว Folk-pop เพื่อชีวิตยุคใหม่ ที่นอกจากเสียงร้องที่กินใจแล้ว ยังมีแนวดนตรีแบบผสมผสาน ทั้งดนตรีคันทรี กีตาร์ เปียโน รวมไปถึงมีกลิ่นอายของดนตรีพื้นบ้านด้วย

“คำจำกัดความที่พี่ๆ ให้มา ก็จะเป็น Folk-pop แต่ในความรู้สึกหนู คนฟังเรา คนก็จะจํากัดไปอีกหลายแบบเลย ว่าอันนี้ลูกทุ่ง อันนี้สตริง ซึ่งหนูไม่ได้กําหนดตัวเองเลยค่ะ ว่าจะเป็นแบบไหน แล้วแต่คนฟังเลย ว่าอยากให้หนูเป็นแบบไหน

ส่วนแนว Folk-pop ก็มีดนตรี ที่แบบดนตรีคันทรี กีตาร์ หรือว่าเปียโน หรือแม้แต่แบบสตรีม เครื่องสายผสมอยู่ในเพลง แล้วก็ผสมดนตรีพื้นบ้านอีกค่ะ จะเรียกว่าดนตรีโฟล์ก แล้วก็ใส่ความป๊อปเข้ามา เพลงป๊อป ก็เป็นเพลงสตริงค่ะ หรือว่าจะเป็นลูกทุ่งก็ได้ ได้หมดเลย”

นอกจากยอดวิวในยูทูบที่กำลังพุ่งขึ้นเรื่อยๆ “เพลงคลื่น” ยังติดเพลิงฮิตประจําชาร์ต LINE Melody คนโหลดเสียงรอสายด้วย 

และล่าสุด ยังได้รับรางวัลเพลงยอดนิยม จาก “Siamrath Awards 2025” ซึ่งเธอบอกว่า นี่เป็นรางวัลแรกในชีวิต ที่เธอภูมิใจมาก

เธอบอกอีกว่า ความไวรัลในครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตจะมีเพลงอีกหลากหลาย ให้แฟนๆ ได้รอชมอย่างแน่นอน

“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้นค่ะ ในอนาคตมีอีกหลากหลายแน่นอน แล้วก็เชื่อว่าทุกคนจะได้กําลังใจจากเพลงหนู แล้วเพลงหนูจะไปอยู่ข้างคนฟังทุกๆ คนแน่นอนค่ะ เร็วๆ นี้ จะมีซิงเกิลใหม่ปล่อยด้วยค่ะ อยากฝากติดตามด้วยนะคะ ว่าจะเป็นแนวไหน”


เพลงแมส แต่คนไม่รู้ว่าใครร้อง

ถึงเพลงจะแมสไปทั่วโซเชียลฯ แต่เธอก็ยอมว่า บางคนก็ยังไม่รู้ และจำไม่ได้ ว่าหน้าตาคนร้องเป็นยังไง แต่สิ่งที่เธอทำได้คือ เธอมักจะเข้าไปคอเมนต์แนะนำตัว และฝากเพลงของเธอเอง สำหรับคนที่เอาเพลงเธอไปร้องcoverหรือไปเล่นผ่านแผ่นเสียงใน TikTok

“เพลงมันค่อนข้างไปไกลมากๆ ประกอบด้วยว่ามันดังใน TikTok ซึ่งจะไม่เห็นหน้าเราอยู่แล้ว เพราะว่าคนใช้แผ่นเสียงใช่ไหมคะ ก็จะมีหลายคอมเมนต์ ที่บอกว่า อ๋อ..คนนี้เหรอ หนูก็บอกใช่ค่ะ

บางทีที่มีคนเอาไปร้อง เราก็จะเข้าไปแนะนําตัว ว่าเพลงหนูเองนะ ฝากด้วยนะคะ ฝากเข้าไปฟังต้นฉบับด้วยนะคะ คือเราก็พยายามอย่างมากที่สุด ให้คนรู้ว่าเราเป็นนักร้องเพลงนี้ค่ะ เป็นเสียงหนูเอง ก็อยากให้คนจำเป็นของแพร-ชนา

พี่ๆ ก็พาไปออกรายการเยอะมาก เดินสายโปรโมท พาไปแนะนําตัวกับสื่อ รวมถึงตัวเราเอง ก็ต้องลงโซเชียลฯ ค่อนข้างที่จะทํางานกันหนักมากๆ เพื่อที่จะให้คนรู้จักเรามากขึ้นค่ะ

สิ่งที่เราได้คือรอยยิ้มของคนฟัง ถึงเขาจะไม่รู้จักเรา ถึงเพลงที่เราร้องไป เขาจะไม่เคยฟัง แต่เหมือนพอเราได้รอยยิ้มจากเขา หรือแม้แต่เขาตบมือให้ หนูรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เติมเต็มในอาชีพนี้ค่ะ”


เธอยอมรับว่า ตอบไม่ได้เลยว่า กว่าศิลปินจะมีเพลงฮิตได้1เพลง มันยากหรือง่าย เพราะแต่ละครั้ง ก็เต็มที่กับผลงานทุกรอบ ทั้งตัวศิลปินเอง และทีมงานเบื้องหลัง

“ไม่รู้ว่ามันง่ายหรือยาก แล้วก็ตอบไม่ได้ด้วยว่าเพราะอะไร แต่สิ่งที่เรารู้อยู่แล้วก็คือ เราเต็มที่ไหม ทีมงานเราเต็มที่มากๆ แค่นั้น หนูก็รู้สึกว่ามันพอแล้ว ส่วนเรื่องที่เพลงดังหรือไม่ดัง สําหรับหนูต้องลุ้นมากๆ เลยค่ะ

คนทําเพลง ความสําเร็จก็อยากให้มันแมส มันดัง เหมือนคนซื้อเราแล้ว หนูรู้สึกว่า เพราะทุกคนเต็มที่ ให้ใจกับมัน เรามีความภูมิใจนําเสนอนะ ส่วนเพลงต่อๆ ไป หนูคิดว่าหนูก็จะตั้งใจให้มากขึ้น ไม่ได้กดดัน ทําเหมือนเดิม ไม่ต้องคาดหวัง เมื่อถึงเวลา มันก็อาจจะมาของมันค่ะ

จริงๆ พี่ๆ ทําเพลงก็ทําเพลงดังมาหลายเพลงแล้ว พี่ๆ ก็กดดันมากๆ แต่ถ้าถามถึงทริก เราก็ไม่รู้เลยค่ะ เพราะมันหาคําตอบไม่ได้ เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกันเลย คนฟังเป็นล้านคน ไม่สามารถแบบเอาให้ไปถูกใจใครได้”

อย่างกิมมิคสำคัญ ที่อยากให้ทุกคนได้ฟัง และร้องตามกันในเพลงนี้คือ ท่อน “สู้ค่ะ สู้ค่ะ สู้ค่ะ สู้สู้” ที่เป็นเหมือนการส่งกำลังใจ และยังเป็นการพ้องเสียงล้อไปกับเสียงคลื่นซู่ๆ

แต่ใครจะไปรู้ ว่ากิมมิคที่ตั้งใจใส่ลงไป บางคนก็ยังรู้สึกไม่ชอบอยู่ดี แต่เธอบอกว่า ก็เข้าใจได้ เพราะไม่สามารถที่จะให้คนชอบได้ 100% มีคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบได้เสมอ

แน่นอน นอกจากคำชม คำติก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้าง คำไหนที่คนติชม เธอก็จะนำเก็บมาพัฒนาตัวเองในอนาคต แต่คำไหนที่ติ แล้วไม่เกิดการพัฒนา เธอก็จะปล่อยผ่านไป

“อย่างเพลงคลื่น ก็จะมีท่อนสู้ค่ะ ที่คนอาจจะรู้สึกว่าไม่เข้ากับเพลง มันก็มีคนที่ไม่ชอบเพลงคลื่น บางคนก็ไม่อยากได้ยิน รู้สึกว่ามันค่อนข้างยาก แล้วก็เดาไม่ถูกจริงๆ ค่ะ

ไม่เข้าใจเหมือนกันค่ะ เขาอาจจะรู้สึกว่า แค่ไม่เข้ากับเพลง มันแค่เล็กๆ น้อยๆ หรือบางประโยค บางคํา คนนี้อาจจะรู้สึกว่าทําไมไม่เป็นคํานี้ คนนี้อาจจะรู้สึกว่า ทําไมไม่เป็นประโยคนี้ เราเอาใจทุกคนไม่ได้”


กว่าจะแมส จนท้อ

กว่าจะหาเสียงเอกลักษณ์ และความเป็นธรรมชาติของตัวเองเจอ ก็ยาก และใช้เวลานานพอสมควร ทำการบ้าน พยายามดีไซน์เสียงอย่างหนัก

“เหมือนช่วงแรกๆ ที่เราคิดเยอะ เราต้องร้องยังไง ลองทำเสียงเหมือนเขา ลองร้องไม่ชัด แต่ว่ากลายเป็นว่า พอไม่คิด แล้วก็ร้องเหมือนที่เราพูด เสียงร้องก็ร้องเหมือนเสียงพูดเรา มันก็เป็นเสียงเราแล้ว เพราะว่าเสียงพูดแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

พอเราเป็นธรรมชาติ แล้วคนจะเข้าถึงเราได้ง่ายกว่า การที่เรามีกรอบให้ตัวเอง ว่าเราต้องทําอะไรบ้าง พอเราเป็นธรรมชาติ แล้วยิ่งสมัยนี้ โซเชียลฯ เยอะมาก คนจะได้เข้าถึงความเป็นตัวเรา เราก็จะได้เป็นตัวเอง มันมีแต่ข้อดีค่ะ”

ขอฝึกการร้องเพลงด้วยตัวเอง เรียรู้ผิดถูกด้วยตัวเอง ดีกว่าการไปเรียนร้องเพลง ไม่ใช่ว่าการไปเรียนร้องเพลงเป็นสิ่งไม่ดี แต่เธอกลัวความเป็นตัวเองหล่นหลายไป กลัวติดอยู่กับแพทเทิร์นจากการเรียน แบบไม่เป็นตัวเอง

“ช่วงที่ประกวดแรกๆ หนูดูคนที่ขึ้นเวที ทุกคนเสียงเหมือนกันหมดเลย ตอนนั้นหนูรู้สึกได้ คุณพ่อก็บอกว่า เพราะว่าเขาเรียนหรือเปล่า มันก็เลยอาจจะเป็นความคิดที่อยู่ในหัวหนู หนูไม่กล้าเรียน เพราะหนูกลัวจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าพอได้เรียนจริงๆ มันก็คือการเสริมให้เราดีขึ้นทั้งนั้นเลย”


เช่นเดียวกับศิลปินที่เป็นไอดอล หรือแรงบันดาลใจ ให้เธอในเส้นทางนี้ เธอบอกว่า มีหลายคนที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็น “ปู-พงษ์สิทธิ์”, “ดา-เอ็นโดรฟิน” ฝั่งแนวสากล ก็ชื่นชอบ “บิลลี ไอลิช(Billie Eilish)”

เธอรู้สึกศิลปินที่กล่าวมานี้ ล้วนแล้วแต่มีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เธอก็อยากจะมีเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ เหมือนที่พี่ๆ ศิลปินเหล่านี้ พยายามซึมซับ performance คาแรกเตอร์ การพูด หรือว่าภาษาเพลง

จริงๆ แล้วเธอบอกว่า ฟังเพลงหลายแนวมากๆ พยายามอยากร้องได้หลายแนวที่สุด เพื่อที่จะหาจุดตรงกลาง แล้วเอามาผสมกัน เพื่อให้เป็นตัวเองมากที่สุด

“ทุกวันนี้ คนก็บอกว่าเสียงเราจําง่าย แค่นี้หนูก็ดีใจแล้วค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีในคอมเมนต์ บอกว่าเสียงเป็นเอกลักษณ์มาก หรือว่าบางทีไปโชว์ เขาก็จะบอกว่าเสียงเพราะมาก”


เคยโดนค่ายดอง จนรู้สึกไร้ค่า

จริงๆ ชื่อของแพร ไม่ใช่เพิ่งเป็นที่รู้จัก แต่เธอเคยโด่งมาแล้ว ตอนอายุ10ขวบ ตอนที่ประกวดรายการ The Voice Kids ซึ่งตอนนั้นมีงานเข้ามาเยอะมาก ออกงานทุกเสาร์-อาทิตย์ ร้องแค่ 3 เพลง งานนึงก็ค่าตัวไปแล้ว 30,000 บาท

“ในเฟซบุ๊ก คนติดตามเยอะมาก เป็นแสนเลย แล้วตอนนั้นที่เริ่มประกวด ก็มีคนเชียร์ มีแฟนคลับ ไปไหนคนทักเยอะกว่าตอนนี้อีกนะคะ ตอนนั้นเหมือนแบบมันแมสมากๆ คนอยากมาเจอเรา มาดู เราก็รู้สึกว่าชอบ เพราะว่าได้ทํางานที่ชอบ แล้วก็ได้เงิน”

จากวัยเด็กๆ ที่เคยพีคๆ มีงานเข้าทุกเสาร์-อาทิตย์ เพราะจันทร์-ศุกร์ ต้องไปเรียน งานเริ่มลดลงเหลือเดือนละครั้ง 2-3 เดือนครั้ง จนไม่มีงาน ตอนนั้นจนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า

“มันรู้สึกตัวเองไม่มีค่า เพราะว่าเหมือนเราเคยทําได้ แล้วเราทําไม่ได้ ไม่มีงานจ้างเลย แล้วยิ่งโตขึ้น ยิ่งเป็นสาว ยิ่งแบบคิดมาก ก็เริ่มท้อ”

หนำซ้ำ พอโตขึ้น อายุประมาณ 17-18 ปี มีโอกาสได้ไปอยู่ค่ายเพลงนึง แล้วยังโดนค่ายดอง ไม่มีผลงานออกมาให้แฟนๆ ได้ชม จนตอนนั้นเธอรู้สึกว่า ไม่อยากร้องเพลงแล้ว

“ก็มีที่ไม่อยากร้องเพลงแล้ว อายุ 17-18 ปี ตอนนั้นก็อยากเป็นศิลปิน เหมือนเราก็ไปอยู่ค่ายโน่นค่ายนี้ ค่ายเรียกก็ไป เพราะว่าหนูไม่รู้ว่าอันนี้ดีหรือไม่ดี อันนี้ใช่หรือไม่ใช่ เพราะไม่รู้จักใครเลยในวงการ เข้ามาแบบศูนย์มาก พ่อกับแม่ก็บ้านๆ เดินทางก็ไม่รู้ที่ไหน ไปยังไง

ไปทุกโอกาสเลย ที่เขาบอกเปิดออดิชั่น ผ่านก็ไปอยู่กับเขา อยู่จนไม่รู้ว่าเราจะได้ออกเพลงตอนไหน ไม่รู้ว่าเราจะได้เป็นศิลปินจริงๆ ไหม อยู่มาประมาณ 2-3 ปี แต่ได้ทําอะไรตลอดนะคะ แต่ทําเอง ฝึกแต่งเพลง ฝึกทําเพลง แล้วก็ลงTikTokให้แบบมีคนรู้จักมากขึ้น แต่มันก็ไม่มีสักทีค่ะ”

จนเวลาผ่านไปสักพัก เธอเริ่มวางมือกับการร้องเพลง หันไปโฟกัสด้านการเรียน โดยไม่หยิบการร้องเพลงขึ้นมาอยู่ในวงจรชีวิตเลย

“ก็หยุดร้องเพลงไปเลย เรียนอย่างเดียวค่ะ เรียนอยู่กับเพื่อน หาความสุขให้ตัวเอง เราก็รู้ว่าการที่คนนึงจะดังขึ้นมา มีงานจ้างขึ้นมา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ”


จนได้รับโอกาสอีกครั้ง จากรายการ The Voice All Stars ซึ่งเป็นรายการที่รวมคนที่เคยประกวด The Voice ไปโชว์อีกครั้งในรายการ ซึ่งเธอบอกกับตัวเองในตอนนั้นว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย วัดกันไปเลยว่า ถ้าปังก็ไปต่อ แต่ถ้าไม่ปัง ก็จะหยุดร้องเพลงเลย ซึ่งผลตอบรับดีมาก ในการหวนคืนครั้งนี้

“หนูก็ไม่คิดว่าเขาจะเลือกหนูด้วยซ้ำ แต่เขาเลือกเพราะว่าเป็นตัวแทน The Voice Kids ที่เคยแมส วันนั้นก็รู้สึกว่ามีคนเห็นเรา เขาก็ถามว่ายังร้องเพลงอยู่ไหม เพราะว่าเราหายไปปี 2 ปี หายจากโซเชียลฯ หายจากรายการ ไม่อัปเลย เพราะว่าไม่มีแรงใจ อัปไปก็ไม่มีคนไลก์ ไลก์ 10 คน ดู 100 คน ไม่รู้จะทํายังไง

ก็ร้องไห้ตั้งแต่ตอนที่เขาโทรมาค่ะ ก็ตอบรับเลย เพราะว่านี่แหละคือโอกาส ที่เราอาจจะมีคนเข้ามาเพิ่ม อย่างน้อยได้ออกเวทีอีกสักครั้งนึง แล้วค่อยตัดสินใจ ว่าจะไปยังไงต่อ

ปรากฏว่าทุกคนจําหนูได้ มีหลายคอมเมนต์เลย ที่บอกว่าหายไปนานเลย ทําไมหายไปไหน ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าหายไปไหน เราก็แค่บอก กลับมาแล้วนะ”

ไม่เพียงแค่คำชมจากแฟนๆ เท่านั้น ที่ฉุดเธอขึ้นมา จากตอนที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า หลังจากนั้น โอกาสก็เข้าหาเรื่อยๆ คือค่ายเพลงแกรมมี่ขอยกหูโทรมา เพื่อให้ไปออดิชั่นเข้าค่าย ซึ่งตอนแรกเธอบอกกับแกรมมี่ว่า ไม่สะดวกไป เพราะยอมรับว่ากลัวโดนดอง เหมือนค่ายอื่น ที่ผ่านๆ มา

“ตอนนั้นหนูรู้สึกว่า มันไม่มีใครมองเห็นหนูเลย แต่ว่าพี่ๆ ที่ GMM MUSIC Audition เขาโทรมา เพราะว่าเขาเห็นหนูออกรายการ The Voice All Stars เขาบอกว่ามาออดิชั่นไหม เตรียมเพลงมา 2 เพลง สะดวกไหม

ตอนแรกก็ปฏิเสธ ว่าไม่สะดวก จนพี่ๆ โทรมาอีกหลายสายอยู่ค่ะ คุยกันหลายวันอยู่ แบบพี่ๆ เขาเกลี้ยกล่อมว่าอยากให้มานะ ซึ่งหนูไม่รู้ว่าเขาเห็นอะไรในตัวหนูนะคะ แต่เขาก็ไม่ให้ข้อเสนออะไรหนูนะ เขาก็แค่บอกลองดู ไม่เสียหาย”

เธอฝากถึงคนที่กำลังรู้สึกท้อ หรือมองว่าตัวเองไร้ค่าว่า ทุกคนท้อได้ แต่ต้องให้เวลาตัวเองได้ลองพัก คิดทบทวนตัวเองดูดีๆ ก่อน ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งคนในนั้น แต่โชคดีที่ผ่านมันมาได้

“หนูคิดว่าเราท้อได้ แล้วเราก็ควรให้เวลาตัวเองได้พัก ใจเราพร้อม กายเราพร้อม หนูว่าตอนนั้นเราจะตัดสินใจได้ดีที่สุด ว่าเราจะไปต่อไหม ถ้าเราอยู่ในอารมณ์ที่ท้อ หรือเครียด เราจะไม่ได้โฟกัส

หนูอยากให้คนที่กําลังเหนื่อย กําลังท้อ ให้พักก่อนค่ะ พักกาย พักใจ ไปหาอะไรใหม่ทําที่ชอบ ค่อยกลับมาคิดว่า เราจะทําสิ่งนี้ต่อไหม เราชอบมันจริงๆ ไหม ข้อดีของมันคืออะไร ข้อเสียคืออะไร”

เธอบอกว่า ทุกวันนี้กำลังใจมาจากครอบครัว แล้วก็พี่ๆ ทีมงาน รู้ว่าคนข้างหลังเต็มที่มากๆ ที่อยากจะผลักดันให้ได้ไปไกลที่สุด ดังนั้นเธอจึงอยากตอบแทนคนเหล่านั้น รวมถึงแฟนคลับ ด้วยการตั้งใจทำงาน ทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

“หนูรู้สึกว่าหนูสําเร็จแล้วตรงนี้ แต่หนูมีเป้าหมายอีกหลายๆ เป้าหมายที่อยากจะทําให้สําเร็จ การมีเพลงดัง ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่ง check point ที่เราอยากจะทําได้”


10 ปี กว่าจะถูกค้นพบ

กว่าจะสำเร็จ ไม่ง่ายเลย เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนทำแล้วจะสำเร็จ สำหรับเธอเอง อยู่บนเส้นทางนี้มาตั้งแต่อายุ10ขวบ ก็รู้สึกว่าช่วงเวลามันค่อนข้างนาน ในการเดินทาง กว่าจะมีวันนี้ หรือแม้แต่การทําผลงานออกมาให้เสร็จ มันก็มีท้อ สรุปเราทําไปเพื่ออะไร เรายังชอบอยู่ไหม แต่สุดท้ายคําตอบมันก็คือชอบ ก็คือยังรักอยู่

“การที่จะเป็นศิลปินที่ประสบความสําเร็จ มันก็ไม่ได้ง่ายค่ะ ถึงเราจะมีพร้อมทุกอย่างตั้งแต่เกิด เราจะมีครอบครัวสนับสนุน แต่พอเราอยากเป็นศิลปิน จริงๆ เราก็อยากมีเพลงที่มันดัง มันเป็นเรื่องยากสําหรับหนูเหมือนกัน แล้วหนูก็ยังหาคําตอบไม่ได้ค่ะ ว่าเราต้องทําถึงแค่ไหน เพราะว่าหนูรู้สึกว่าหนูทํามานานมากๆ เลยค่ะ

สําหรับพี่ๆ หรือน้องๆ อาจจะรู้สึกว่าแป๊บเดียวเอง ออก 2 เพลง เพลงที่ 2 ก็ดังแล้ว แต่ความเป็นจริงเราสู้กันมาตั้งแต่เด็กเลยนะ สู้ที่แปลว่าสู้จริงๆ ไม่เคยหยุดเลย

เวลาคนมาถาม ให้แนะนํา หนูก็ได้แต่แนะนําเขาว่า ให้ซ้อมไว้เยอะๆ เขาแนะนําอะไร เราต้องปรับอันไหน อันไหนที่เขาติมา แล้วก็แค่จํา แล้วเราก็ลองปรับ ว่าเราสามารถทําให้มันดีขึ้นได้ไหม”

ไม่หยุดพัฒนาตัวเอง เพื่อให้ถูกค้นพบ เพราะเธอมองว่า ในประเทศเรา มีนักร้องเยอะมาก ทุกคนสามารถร้องเพลงได้หมด แต่เราต้องไม่หยุดที่จะฝึกฝนตัวเอง ถ้าอยากประสบความสำเร็จจริงๆ

“บางคนร้องเพลงเพราะ แต่ว่าอยากเป็นหมอ หนูก็เห็นนะ หรือว่าอาชีพอื่นๆ ที่ร้องเพลงเพราะ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้อยากจะเอาเสียงเขา มาเป็นนักร้อง หนูก็เลยรู้สึกว่า คนที่อยากเป็นนักร้อง บางคนก็ไม่ได้มีเสียงที่ดีมาตั้งแต่เด็กๆ

เพื่อนหนูบางคนก็เพิ่งมาฝึกร้องเพลงตอน ม.4 ตอนนั้นมันก็ยังร้องเพี้ยนๆ อยู่เลย ร้องไม่ตรงคีย์ แต่ว่า3ปีที่มันตั้งใจฝึกมา ตอนนี้มันก็อยู่ในค่ายเพลงได้แล้ว มันก็ร้องเพลงเพราะมากเลย

หนูก็เลยรู้สึกว่า การฝึกมันสําคัญมากๆ ค่ะ ฝึกฝน แล้วก็รับฟัง ลดความมั่นใจของเราไว้ก่อน ฟังเพลงเยอะๆ ให้เราชินกับเสียง แล้วก็ฝึกทั้งบุคลิกการร้องเพลง หรือว่าสิ่งที่ทุกคนชอบ ความเป็นธรรมชาติ ลองเอาออกมาใช้ ก็จะเป็นสิ่งที่หนูแนะนํา เวลาคนมาถาม

เราแค่ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ แล้วแต่ว่าเราถูกค้นพบไหม ซึ่งหนูก็รู้สึกว่ามันยากมาก ในการที่คนจะมาเจอเรา เพราะว่าคนมีเยอะมากในประเทศนี้”

[ดีใจที่ตอนนี้ มีแฟนๆ ให้การต้อนรับอย่างล้นหลาม]




พรสวรรค์อีกด้าน ดีดกีตาร์ เป่าเมาท์ออแกน

นอกจากเสียงร้องที่เป็นเอกลักษณ์ ที่ฟังแล้วกินใจ ยังมีความสามารถด้านการเล่นดนตรีอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นกีตาร์ เป่าฮาโมนิก้า(Harmonicas) หรือเมาท์ออแกน ซึ่งเครื่องดนตรี 2 ชิ้นนี้ เธอก็จะพกไปด้วยตลอด เวลาขึ้นโชว์ที่ไหน ก็งัดสกิลนี้ ให้คนได้ชมหน้าเวทีด้วย

“กีตาร์จุดเริ่มต้นเลยก็คือ หนูเห็นพี่คนนึงเขาดีดในทีวี นั่งดูอยู่กับพ่อค่ะ แล้วก็บอกพ่อว่าอยากไปเรียน ตอนนั้นก็ 10 ขวบค่ะ ดูรายการ The Voice Kids เห็นพี่เขาเล่น อยากเล่นมาก แล้วพ่อก็พาไปเรียน แค่วันต่อมาเองค่ะ พ่อก็ซื้อกีตาร์มาให้ตัวละประมาณ 900 บาท

แล้วเห่อมากเลย เดือนเดียวเราก็เอาไปประกวดแล้วค่ะ ทั้งที่เล่นได้4คอร์ด ได้เพลงนึง ก็เอาเพลงนั้นไปประกวด‘อย่าทําให้ฟ้าผิดหวัง’ของพี่ดา-เอ็นโดฟิน ช่วงนั้นก็เหมือนฟังเพลงสตริงมากขึ้น แล้วก็ชอบพี่ดาด้วย

พยายามอยากจะเล่นมากๆ จนตอนนั้น นิ้วถลอกค่ะ คือนิ้วมันด้าน เจ็บมากๆ เลย แต่เราก็ยังอยากจะเล่นให้ได้”


ส่วนสกิลในการเป่าเมาท์ออแกน เริ่มจากการที่คุณพ่อ เปิดเพลง “เสมอ” ของพี่ปู-พงษ์สิทธิ์ให้ฟัง แล้วได้ยินท่อนโซโล่ เธอจึงอยากลองฝึกเอง

“จะเป็นท่อนอินโทร เราก็อยากจะ complete ทั้งเพลง ทั้งกีตาร์ ทั้งเมาท์ ถามพ่อว่าเสียงนี้คืออะไร ลูกอยากเล่นได้ไหม คุณพ่อก็ไปซื้อ ซื้อเหมือนของเล่นหมา ที่เป็นเหมือนปลอม แต่มีหลายๆ คีย์ แต่มันเป่าได้นะคะ แล้วหนูก็แกะตามเพลงเลย ฟังเอง แกะเอง จนทุกวันนี้ก็แกะเองหมดเลยค่ะ แล้วก็ต้องจําด้วย”

หลายคนมักจะบอก ว่าเธอเป็นคนมีพรสวรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลง หรือแม้กระทั่งด้านดนตรี แต่เธอมองว่า นอกจากพรสวรรค์แล้ว พรแสวงก็สำคัญ เพราะถ้าไม่มีการฝึกมาตั้งแต่เด็ก ก็คงจะไม่มีวันนี้

“ตอนแรกๆ ไม่เข้าใจคําว่าพรสวรรค์ ไม่เข้าใจคําว่า ทําไมเราทําได้ แล้วคนอื่นทําไม่ได้ ก็แค่รู้สึกว่าเราชอบ เราก็เลยทํา แต่ว่าช่วงนี้หนูจะได้ยินบ่อยมาก ว่ามีพรสวรรค์นะเนี่ย ตั้งแต่เด็กๆ

แต่ว่าพอหนูย้อนกลับไป หนูก็รู้สึกว่า เราฝึกมาเยอะเหมือนกันนะ รู้สึกว่าถ้าไม่มีการฝึกฝน ไม่มีการซ้อมเลย หนูน่าจะไม่ได้ร้องเพลงเก่ง”


อีกหนึ่งความสามารถ นั่นก็คือ การจำคีย์เพลง เธอบอกว่า เวลาได้ยินเพลง จะรู้ทันทีว่าเพลงนี้คือคีย์อะไร หรือคีย์นี้ใช่ต้นฉบับหรือไม่

และที่จำได้แม่นแบบนี้ เธอบอกว่า อาจจะเพราะความเคยชิน ที่ฟังบ่อยๆ แล้วทำให้จำได้แม่น หรือถ้าเป็นเพลงของศิลปินที่ชื่นชอบ บางทีแค่ intro ขึ้นมา ก็สามารถตอบได้เลยว่าคือเพลงอะไร

ด้วยความมุ่งมั่น พยายามฝึกฝน อยากต่อยอดความสามารถตัวเอง จึงเลือกเข้าเรียนที่วิทยาลัยดนตรี ที่มหาวิทยาลัยรังสิต กำลังเรียนปี 3
นอกจากความเก่งด้านดนตรีแล้ว เธอยังมีความฝันอีก2อย่างคือ อยากเป็นนักเต่งเพลง เขียนเพลงให้กับพี่ๆ น้องๆ ศิลปินในวงการ และอยากเล่นละครเวทีด้วย

“ชอบหลายอย่างมากๆ ในวงการบันเทิง อยากเขียนเพลงให้ศิลปินค่ะ ทุกแนวเลยถ้ามีโอกาส T-POP เกิร์ลกรุ๊ป บอยกรุ๊ป หรือว่าแม้แต่ศิลปินรุ่นพี่ในค่าย อยากแต่งให้หมดเลยค่ะ แพชชั่นของเรา ถ้าเราฝึก หนูก็ว่าน่าจะทําได้ค่ะ

ถ้าได้ทําอัลบั้ม ก็อยากจะมีเพลงที่เขียนเองอยู่ในนั้น แล้วก็อยากมีเพลงที่มีเนื้อสากลด้วย อยากทําหลายแนวค่ะ เพลงลูกทุ่งก็อยาก ลูกทุ่งจ๋าก็อยากจะมีในอัลบั้ม อยากร้องสิ่งที่ชอบลงไป ให้อยู่ในอัลบั้มเรา

แล้วก็อยากลองแสดงละครเวทีดูค่ะ แต่ก็มีเล่นละครคณะฯ เพราะหนูเรียนสาขา Musical Theatre ก็เลยต้องเล่นด้วยทุกปีค่ะ ถ้ามีโอกาส หนูก็จะรับไว้เลย”


รู้ว่าร้องเพลงได้ เพราะบทอาขยาน

สำหรับเส้นทางอาชีพ ในการเป็นนักร้อง เริ่มขึ้นตอนอายุประมาณ 6-7ขวบ จากที่คุณครูเห็นแวว ส่งให้ไปประกวดบทอาขยาน อ่านทํานองเสนาะ

“เริ่มจากประกวดที่โรงเรียนค่ะ แล้วก็คุณครูพาไปแข่งศิลปหัตถกรรม เริ่มพาไปประกวดบทอาขยาน อ่านทํานองเสนาะ เวลาอ่านแล้วเสียงเพราะ ที่เขาบอกหนู แล้วเขาก็เลยอยากให้ลองฝึกร้องเพลง ก็ได้รู้ว่าร้องเพลงพอได้

แล้วก็คุณพ่อคุณแม่มารู้ทีหลังว่า ร้องเพลงได้ เขาก็เลยสนับสนุน เขาก็ถามว่าเราชอบไหม พอเราชอบ ก็เป็นโค้ชให้ ว่าตรงนี้ดี หรือยังไม่ดี เขาก็พาไปทุกที่เลยค่ะ”

จากนั้นก็เริ่มร้องเพลงเปิดหมวก แต่ว่าเป็นการเปิดหมวกเพื่อการกุศล ส่งต่อเงินทุนที่ได้ ให้น้องๆ เด็กยากไร้ และว่าผู้ป่วย พอเริ่มโตขึ้นมา ประมาณ 8-9 ขวบ ก็เริ่มประกวดจริงจัง ตามเวทีในจังหวัด

ในตอนนั้น พอขึ้นเวทีประกวดทีไร เธอมักจะรู้สึกเครียด และกดดันตัวเอง จากที่ชอบ จนรู้สึกเริ่มไม่สนุก แต่ก็ได้กำลังใจพ่อแม่ ด้วยการบอกว่า ไม่ต้องคิดว่าเรามาแข่ง ให้คิดซะว่าเรามาโชว์ จึงทำให้ปลดล็อกตัวเอง จนบางเวทีประกวด ย้อนกลับไปดูภาพเก่าๆ ทำให้ลืมไปแล้วว่าเคยไปประกวด เพราะตอนนั้นคิดแค่ว่าไปโชว์ แต่จริงๆ คือไปประกวด


สิ่งนึงที่ทำให้เธอซึมซับเพลงมาตั้งแต่เด็ก มาจากที่คุณพ่อคุณแม่ เคยเป็นดีเจอยู่ช่วงนึง แล้วชอบเปิดเพลงหมอลำให้ฟังตั้งแต่เด็กด้วย

“เริ่มประกวดลูกทุ่งล้วนๆ เลยค่ะ เพราะว่าคุณแม่พาฟังลูกทุ่ง แล้วก็ให้ร้องเพลงพี่ตั๊กแตน-ชลดา แม่ผึ้ง-พุ่มพวง ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่เคยเป็นดีเจด้วยช่วงนึง จัดรายการคู่กัน เปิดหมอลํา หนูก็เคยเข้าไปนั่งอยู่ด้วยค่ะ”

จนอายุได้ ขวบ เริ่มประกวดรายการใหญ่ครั้งแรก ก็คือ “The Voice Kids” ด้วยการนำเพลงเสมอ ของพี่ปู-พงษ์สิทธิ์ ที่คุณพ่อชอบเปิดให้ฟัง ไปร้องแข่งขัน

รายการนี้ เธอเป็นจุดประกายสำคัญ พาเธอไปเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว การปรากฏตัวในรายนี้ เป็นที่ถูกพูดถึงมาก เพราะเธอสามารถทำให้โค้ชทั้ง3คนหันมา เพื่อเลือกเธอเข้าทีม

จนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากการเข้าร่วมแข่งขันในรายการThe Voice Kid Season 3, The Voice All Star,ไมค์ทองคำ,ไมค์ทองคำ หมอลำฝังเพชร, Star Kidsและ Super10



โซเชียลฯ คือเมมโมรี่สำคัญ


 

“สําหรับหนู โซเชียลฯ ค่อนข้างสําคัญค่ะในตอนนี้ ด้วยความที่เราเป็นศิลปิน ก็ต้องลงโซเชียลฯ บ่อยๆ ทั้งความสามารถ แล้วก็ไลฟ์สไตล์ ที่มันเป็นตัวเองมากๆ


บางคนอาจจะยังไม่มีค่าย แต่ว่าร้องเพลงลง แค่เพลงเดียว อาจจะมีแมวมอง ซึ่งมันเคยมีจริงๆ แล้ว ที่เขาไปเป็นศิลปินดัง ที่มาจาก TikTok


หนูก็เลยรู้สึกว่า ตัวเองต้องขยันลงบ่อยๆ อย่างน้อยได้ใกล้ชิดกับแฟนคลับ แฟนคลับมาคอมเมนต์ แล้วก็ตอบกลับ เหมือนได้คุยกันผ่านทางออนไลน์ ซึ่งแต่ก่อนมันไม่มีแบบนี้ค่ะ


ช่วงที่ยังไม่มีคนดู ก็มีท้อบ้าง แล้วก็หยุดลงคลิปไป แต่พอมาช่วงนี้ ที่มีคนดูเยอะๆ กลายเป็นว่าเขากลับไปดูคลิปเก่าเราหมดเลย ว่าเราทําอะไรไว้บ้าง กลายเป็นว่ามันเป็นข้อดีซะอีก ที่เขาได้เห็นพัฒนาการของเรา ว่าแต่ก่อนเรายังเล่นเพลงนี้ไม่ได้เลยนะ เรายังร้องแบบนี้ไม่ได้เลย เราเก่งขึ้นแค่ไหน


ตอนนี้คนที่ยังไม่มีคนดู อาจจะรู้สึกท้อ แต่พอวันนึง ที่คลิปนึงของเราแมส หนูคิดว่าทุกคนที่เป็นคนชมเรา ก็ต้องกลับไปดูคลิปเก่าของเราแน่นอน 


ทุกสิ่งที่เราทํามันมีค่าแน่นอน ไม่ว่าเราจะทําอะไร แค่ต้องเป็นตัวเอง เขาจะได้เข้าใจเรามากขึ้นว่า อ๋อ..แพร-ชนาคือแบบนี้ แพร-ชนาแต่งตัวแบบนี้”




 พ่อแม่ลำบาก แต่เลี้ยงลูกมาอย่างดี


 

 “พ่อกับแม่หนูโตมาที่บุรีรัมย์ คือเขาลําบากมากจริงๆ ต้องเป็นเสาหลักของบ้าน มาทํางาน ได้เงินเท่าไหร่ก็เลี้ยงที่บ้าน หรือว่าถ้าที่บ้านป่วยก็ต้องกลับไปดูแลทั้งๆ ที่แบบไม่มีตังค์ ทําทุกอาชีพเลย เคยโดนหลอกก็เคย รู้สึกเขาผ่านมาได้ยังไง


มันทําให้หนูตั้งใจมากขึ้น ที่อยากทําเพื่อเขา เพราะว่าหนูเห็นเขาลําบาก หนูไม่อยากให้เขาลําบากแล้ว แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังทํางานอยู่ค่ะ เพราะว่าแค่หนูหาคนเดียวมันก็ไม่พอ เขาไม่ได้อยากจะใช้ตังค์ของหนู ถ้าหนูหามาได้ เขาก็อยากให้หนูเก็บไว้จ่ายค่าเทอมเอง จ่ายค่าหอเองค่ะ


หนูอยากเรียนกีตาร์ แต่ไม่มีตังค์ซื้อกีตาร์ให้ เขาก็จะไปยืมมา อันนี้หนูไม่เคยรู้เลย ก็มารู้ตอนโต แล้วก็รู้สึกว่า เออ..เขาทําเพื่อเราจริงๆ


กีตาร์ตัวนี้ก็ยืมมา แต่ว่าตัวนี้คือมันแพงมากๆ น่าจะประมาณ 3,8000 แพงมากๆ แต่หนูอยากได้ ซึ่งหนูไม่รู้ราคาค่ะ ก็ไปลอง ทําไมตัวนี้มันเข้ามือจังเลย ชอบ อยากได้ จะเอาตัวนี้แหละ แต่ถ้ายังไม่มีตังค์ตอนนี้ ก็ไม่ต้องซื้อก็ได้ ค่อยมาซื้อตอนมีตังค์


แต่ปรากฏว่าพ่อก็ไปยืมตังค์น้ามา แต่น้าเขาก็ใจดีนะคะ ก็ซื้อให้เลย เป็นการสนับสนุน หนูก็ใช้ให้คุ้มค่ะ ตอนนี้ก็น่าจะคุ้มแล้ว”



สัมภาษณ์ : ทีมข่าวMGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ภาพ : ธัชกร กิจไชยภณ
ขอบคุณภาพ : Instagram @praechanaa, Facebook “Prae Chanaa Grammygold”, “แพร ชนา”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น