xs
xsm
sm
md
lg

กวาดล้าง “ขอทานเขมร” โต้กลับกัมพูชา!! ยุติขบวนการ “โกยเงินแสน” ต้องตัดต้นตอ “ส่วยขอทาน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



จัดเต็ม มาตรการโต้กลับ “กัมพูชา” จับมือกวาดล้าง “ขอทานเขมร” โกยเงินในไทย วันละหลายพัน บางรายได้เป็นหมื่น ตามโลเกชั่นฮอตฮิต คนวงในเชียร์ให้แก้ถึงต้นตอจริง เพราะทำเป็นขบวนการ มีเก็บ “ส่วยขอทาน” แลกกับการไม่จับ ไปจนถึงเผยข้อมูลลับ ปากโป้งบอกวันลงพื้นที่กวาดล้างด้วย


** “เขมร” ครองแชมป์ “ขอทาน” ในไทย **


“ใครพบเห็นขอทานกัมพูชา หรือกัมพูชาที่หลบหนีเข้าประเทศ ทำงานผิดกฎหมาย เป็นเจ้าของอาชีพต้องห้าม แจ้งผมมาได้เลยครับ ผมจะประสานตำรวจ ไปจับให้ราบ และจะส่งทีมงาน พาตำรวจไปจับถึงที่ตอบโต้ที่เหยียบธงชาติไทย”


นี่คือโพสต์ประกาศจุดยืน เริ่มขบวนการล่าขอทานเขมรอย่างจริงจัง จาก “กันจอมพลัง” (กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์)ที่เรียกได้ว่า ได้ใจพี่น้องชาวไทยไปเต็มๆ ในนาทีนี้ที่ความขัดแย้งในเขตชายแดน “ไทย-กัมพูชา”ยังคงไม่คลี่คลาย จากกรณีทหารกัมพูชารุกล้ำดินแดนไทย

ไหนจะคลิปเด็กกัมพูชาเหยียบธงชาติไทยอีก ที่เหมือนเป็นจุดชนวนให้เกิดการเอาคืน ด้วยการจัดการธุรกิจผิดกฎหมายแบบจัดเต็ม อย่างที่เจ้าตัวโพสต์เอาไว้เพิ่มอีกว่า...

“สิ่งที่เอาเงินคนไทยกลับไปเขมร ที่พอนึกได้มี 2 อย่าง คือ 1.ขอทาน 2.คอลเซ็นเตอร์ ช่วยกันสอดส่อง ถ้าเจอแล้ว ส่งภาพ ส่งคลิป ส่งโลเกชั่นให้ผมด้วยนะครับ”



ถึงตัดเรื่องมาตรการโต้กลับ จากชนวนชายแดนทิ้งไป ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีต่างด้าวเข้ามาหากินในบ้านเรา ด้วยการยึดอาชีพขอทานเยอะมาก จนเรียกว่าแทบจะครองเมืองได้เลย

ถึงกับมีตัวเลข จาก กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)ออกมาว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2557- 2567 จับขอทานไปแล้วกว่า 7,000 ราย ซึ่ง 30% ที่จับได้ คือ “ขอทานต่างด้าว”พวกนี้แหละ

นี่ยังไม่นับรวม ที่จับไม่ได้อีกไม่รู้เท่าไหร่ ที่สำคัญคือ ต่างด้าวที่เข้ามาเป็นขอทานในบ้านเรามากที่สุด 2 อันดับแรกก็คือ “กัมพูชา” และ “พม่า” นี่เอง


                                                    {"กันจอมพลัง" ประกาศกวางล้าง "ขอทานเขมร"}

** แบมือขอได้ “หลักหมื่น-หลักแสน”!! **

ล่าสุด มีการรวบ “แก๊งขอทานเขมร”ในพัทยาไปแล้ว ซึ่งคือแก๊งที่ชอบอุ้มเด็กมาวาง เรียกความสงสารจากนักท่องเที่ยว ที่น่าตกใจคือ มีขอทานเด็ก อายุ 3-10 ขวบอยู่ถึง 8 คน สร้างรายได้ต่อคน อยู่ที่ 300-500 บาทต่อวัน แถมบางคนอยู่ไทยมานานนับ 10 ปี จนสามารถส่งเสียลูก ให้เข้าโรงเรียนไทยได้ก็มี

หลายราย ถูกจับจนถูกส่งตัวกลับประเทศไปแล้ว แต่กลับมาใหม่ก็มี เพราะรายได้ดีเกินจะไปทำอย่างอื่น อย่างเคสหญิงกัมพูชา ที่หอบลูกน้อย 2 คนมานั่งขอทาน ช่วยกันทำมาหากิน ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท ทำเงินได้ถึงวันละ 1,000-2,000 บาทเลยทีเดียว แถมยังเคยถูกส่งกลับประเทศไปแล้วรอบนึงด้วย

ไม่ต่างจากเคสแก๊งขอทานกัมพูชา ณ ซอยรามอินทรา 73 มากันเป็นหลัก 10 คน มีทั้งคนแก่ คนพิการ ทำกันเป็นขบวนการ มีคนขับรถส่งไปตามจุดฮอตฮิตต่างๆ ในกรุงเทพฯ จนสร้างรายได้วันละกว่า 5,000
เรียกได้ว่าปีปีนึง กลุ่มคนเหล่านี้รับทรัพย์หนัก จนหอบเงิน “หลายแสนบาท” กลับบ้านกันได้เลย


                                                       {แก๊งขอทานกัมพูชา ณ ซอยรามอินทรา 73 }

ถ้าวัดจากข้อมูลปี 66 ของ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) ระบุเอาไว้เลยว่า รายรับของแต่ละคน
ที่ประจำตามแหล่งท่องเที่ยวฮอตฮิต อาจจะสูงถึงกว่า10,000 บาทต่อวันเลยทีเดียว!!

รายได้ต่อวันที่ได้รับ “หลักพัน-หลักหมื่น” ถ้าเทียบกับโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ยังไงก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่ดี โดยเฉพาะ ขอทานต่างด้าว เพราะปกติแล้วถ้าถูกจับ จะไม่ต้องนอนคุกนาน คือจะถูกเปรียบเทียบปรับ แล้วจับส่งกลับประเทศทันที

ผลักให้คนกลุ่มเดิมๆ นี่แหละ ที่ลักลอบเข้ามาหากินใหม่ โดยเฉพาะขอทานเขมร ถ้าเป็นสมัยก่อนจะอาศัย “นายหน้า” ที่เป็น “คนกัมพูชา” แต่อยู่ไทยมานาน หรือไม่ก็เป็นเขมรที่แต่งงานกับคนไทย เป็นคนพาข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ รวมถึงหาที่พักให้ แลกกับค่าหัวคิว



** อยู่ไทยจนช่ำชอง ตั้งรกราก-ไม่พึ่งนายหน้า **

แต่ถ้าเป็นสมัยนี้ การลักลอบเข้ามาโดยผ่านนายหน้าจะมีน้อยลง เพราะขอทานที่ถูกส่งกลับไปพวกนี้รู้แล้วว่า ต้องแอบเข้ามาทางไหน บวกกับยังมีญาติพี่น้อง หรือเครือข่ายขอทานจากหมู่บ้านเดียวกันอยู่ในไทย เลยยิ่งง่ายต่อการจะเข้ามาหากินเข้าไปอีก

แถมการจะเข้าไปทลายแก๊งขอทาน ก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เหมือนสมัยก่อน ที่คนพวกนี้จะอยู่รวมตัวกันในหมู่บ้านเดียวกัน เพราะทุกวันนี้จะเน้นพักอาศัยปะปนกันไปกับ “กลุ่มแรงงาน” ตามแคมป์ก่อสร้าง หรือตามพื้นที่ที่มีคนกัมพูชาอยู่กันเป็นชุมชน

โดย 1 ในจุดที่มีขอทานชาวกัมพูชาอยู่มากที่สุด คือแถวย่าน “สำโรง” สมุทรปราการ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ เพราะมีทั้งห้างฯ ดัง และรถประจำทาง ที่สามารถเดินสายขอทานได้ตลอดแนวรถไฟฟ้า ยาวไปจนถึง ซอยนานา ถ.สุขุมวิท กลางใจเมือง



ทั้งหมดนี้คือ ข้อมูลจากคนที่ติดตามสืบค้น ลงพื้นที่จัดการเรื่องการค้ามนุษย์ และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย อย่าง “เอก-เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข”หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ที่ช่วยแชร์เบื้องลึกเบื้องหลังกับเราเอาไว้

“มันคุ้มที่จะถูกจับ แล้วถูกผลักดัน(ออกนอกไทย) แล้วกลับเข้ามาอีก พอเขาไม่ได้มาผ่านกลุ่มแก๊ง ที่ต้องเอาขอทานมาขัง อยู่ในบ้าน 5 คน 10 คน เขาก็อยู่กับครอบครัวเขา

ตัวผู้ชายที่เป็นสามี อาจจะไปทำงานแรงงานใช่ไหม ไปเป็นกรรมกรก่อสร้าง ตัวภรรยาไม่รู้ทำอะไร พาลูกมานั่งขอทาน แต่ว่าอยู่ในกลุ่ม ในเวิ้งเดียวกัน อยู่ในแคมป์เดียวกัน อยู่ชุมชนที่เป็นคนกัมพูชาทั้งหมด”

ส่วนช่องโหว่ที่ทำให้ยังมี “ขอทานเขมร” หน้าเดิมๆ กลุ่มที่ถูกผลักดันกลับประเทศแล้ว แต่หลบหนีเข้ามาได้ เพราะส่วนใหญ่มาจากชายแดนไทย-กัมพูชา ลักลอบเข้ามาช่องทางธรรมชาติ ซึ่งมีระยะทางยาวมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด


                                                               {"เอกลักษณ์" เล่าจากประสบการณ์ตรง}

นอกนั้นเป็นจุดบอดจาก“ความหย่อนยานของด่านตรวจ” จากประสบการณ์ตรง กูรูอย่างเอกลักษณ์บอกว่า ด่านตรวจบนทางหลวง ส่วนใหญ่จะตรวจเฉพาะรถใหญ่ อย่าง“รถทัวร์” หรือ“รถประจำทาง”

แต่มักจะปล่อยผ่าน“รถยนต์ส่วนบุคคล”กับอีกช่องทางที่ภาครัฐละเลย ก็คือ“รถไฟ” ที่ไม่ค่อยตรวจ ทั้งที่น่าจะเจอมากที่สุดจุดนึงด้วยซ้ำ



** จับไปก็กลับมา ถ้า “โทษไม่หนักพอ” **

ตลกร้ายกว่านั้นคือ พอขอทานต่างด้าวเหล่านี้เข้ามาหากิน มานั่งทำงานผิดกฎหมายตามแหล่งต่างๆ มันเป็นไปไม่ได้จริงหรือ? ที่หน่วยงานจะไม่รู้ไม่เห็น หรือเป็นเพราะมีใครได้ผลประโยชน์ จนทำให้มองไม่เห็นมากกว่า?

อย่างที่ “ขอทานต่างด้าว” รายนึง เคยสารภาพเอาไว้ หลังเอกเข้าไปช่วย ประสานงานตามหาลูกหายให้ จนได้ข้อมูลที่น่าตกใจคือ เหล่าขอทานพูดตรงกันว่า จะมีคนเข้ามาเก็บ “ส่วยรายเดือน” เพื่อให้ยังนั่งขอต่อไปได้

ไม่ก็เพื่อไม่ให้โดนจับ หรือแลกกับข่าววงในว่า เจ้าหน้าที่จะลงกวาดล้างตามแหล่งต่างๆ วันไหน ดังนั้น การเดินหน้ากวาดล้างขอทานเขมร อาจไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ที่จะทำให้ขอทานต่างด้าวหมดไป

เพราะที่กำลังพยายามทำกันคือ “การจับ แต่ไม่สืบ” คือจับได้ แล้วส่งกลับประเทศ แค่นั้น แต่ถ้าสืบให้ลึกในรายละเอียดว่า ขอทานรายนี้ เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือทารุณกรรมเด็กด้วยไหม ก็จะทำให้คนกลุ่มนี้ ได้รับความผิดฐานอื่นๆ ที่โทษหนักกว่า



ไม่แน่ว่าอาจขยายไปถึงเส้นทางการเงิน ที่พัก บ้านเช่า หรือลามไปถึงคนรับส่วยในหน่วยงานได้ ซึ่งถ้าสืบแบบนี้ได้จริง จึงจะทำให้คนในขบวนการเกิดความกลัว และทำให้พวกเขารู้สึกว่า ไม่คุ้มที่จะมานั่งเสี่ยงเหมือนเดิม

“วันดีคืนดี แม่งมีตำรวจมาจับ เขาก็เฮ่ย.. ปกติเขาเหมือนมีคนมาให้เขาจ่ายเงิน เป็นรายเดือน แสดงว่ามันมีผู้รับผล จากการอยู่ของแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย เรื่องนี้มันจึงเชื่อมโยงกันหมด ไม่ใช่แค่เรื่องขอทานอย่างเดียวหรอก

และเมื่อไหร่ก็ตามที่คนไม่ให้ หรือมานั่งขอทานแล้ว มันไม่คุ้ม อันนั้น มันจะเป็นจุดพลิกทันที ไม่คุ้มสิ่งที่สูญเสียไป วันนั้นก็จะเป็นวันที่ ขอทานอาจจะลดลง”



สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ภาพ : Facebook “กันจอมพลัง ช่วยสู้”, “เฮ้ย นี่มันฟุตบาทไทยแลนด์ ใหม่”, “สำนักงานเขตปทุมวัน Pathumwan District Office”, “เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น