xs
xsm
sm
md
lg

ชายแท้รู้ไว้!! “เจ้าชู้-นอกใจ” เป็นนิสัย มีแนวโน้มเข้าข่าย “โรคหลงตัวเอง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“นักร้องหนุ่มนอกใจแฟนดาราสาว” คนวิจารณ์พฤติกรรมสุดแปลก ไหนล่ะคำขอโทษ? มีแต่คำพูดให้ตัวเองดูดี กูรูวิเคราะห์นี่คือความผิดปกติที่เรียกว่า “โรคหลงตัวเอง” เตือนเหยื่อให้ระวัง ถูกหลอกใช้ ปั่นหัว แบบไม่เคยรู้สึกผิด

**คนสมัยนี้มีเยอะมาก “บุคลิกภาพผิดปกติ” **


กลายเป็นดรามาหน้าหนึ่ง เมื่อ “นักร้องหนุ่ม นอกใจแฟนสาว” แต่แทนที่จะแถลงข่าวหรือขอโทษ ให้เป็นกิจลักษณะ ดันเอาเรื่องราวส่วนตัวไปพูดบนเวทีคอนเสิร์ต ซึ่งแต่ละคำที่พ่นออกมา ก็ทำเอาสังคมงง และถามว่า “ทำเพื่อ?”

ไม่ว่าจะเป็น ขอให้คนดูส่งเสียงให้แฟนสาว เพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเจ็บ หรือการถอดแหวนที่นิ้วก้อย พร้อมประกาศบอกแฟนคลับว่า อยากให้เก็บไว้เป็นที่ระลึก เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้ตัวเองจะโดนอะไรอีกบ้าง

ก่อนจะปิดด้วยคำพูดอย่าง “ขอโทษทุกคนที่มีแต่ข่าวไม่ดี ผมก็เป็นแค่คนคนนึง” แต่แทนที่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจ กลับถูกถล่มยับกว่าเดิม



วิจารณ์กันหนักว่า “ดูไม่สำนึกผิดเลย”มีแต่คำพูดที่ทำให้ตัวเองดูดี ไหนล่ะคำขอโทษที่อีกฝ่ายควรได้รับ จนเกิดคำถามว่าน่าจะไม่ใช่พฤติกรรมที่ “คนปกติทั่วไป” เลือกทำกัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ “ดร.ตฤณห์ โพธิ์รักษา”นักอาชญาวิทยา อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ม.มหิดล วิเคราะห์พฤติกรรมเหล่านี้ผ่านสื่อไว้ว่า มันแสดงให้เห็นว่า “เขาไม่เคยคิดว่าตัวเองทำผิด”

น่าจะมาจาก “ความผิดปกติทางบุคลิกภาพ” ที่เรียกว่า “โรคหลงตัวเอง”หรือ “Narcissistic Personality Disorder (NPD)” ทางทีมข่าวจึงขอต่อสายตรงหากูรูรายนี้ เพื่อให้ช่วยเจาะลึกเพิ่มเติม

“จริงๆ โดยคร่าวเนี่ย บุคลิกภาพการหลงตัวเอง มันจะเอาตัวเองเป็นที่ตั้งครับ Self-Centered แล้วก็ไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น”

                                                     {“ดร.ตฤณห์”นักอาชญาวิทยา จาก ม.มหิดล}

ส่วนใหญ่คนเป็นโรคนี้ จะ “ไม่ยอมรับ” และ “โยนความผิดให้คนอื่น”โดยการหาข้ออ้างต่างๆ นานามาพูด เพื่อให้ตัวเองดูผิดน้อยลง เสริมด้วยการ “เล่นบทเหยื่อ” หรือ “Play The Victim”เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกระทำผิด

“มันเป็นความผิดปกติของบุคลิกภาพครับ ซึ่งคนสมัยนี้มีเยอะมาก”

“โรคหลงตัวเอง”พวกเขาจะรู้สึกว่า “ตัวเองมีอำนาจเหนือกว่าคนอื่น” มองคนอื่นต่ำกว่า และมักจะชอบเรียกร้องความสนใจ “อยากได้คำชมตลอดเวลา”และคิดอยู่ในหัวเสมอว่า “ทุกคนกำลังอิจฉาเขาอยู่”

โรคนี้เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย อาจเริ่มมาตั้งแต่ “การเลี้ยงดูในวัยเด็ก” ที่พ่อแม่ตามใจจนเกินไป ไปจนถึงสภาพแวดล้อม-สังคมพาไป อย่าง “การสรรเสริญยกยอที่เกินจริง” จนทำให้คนคนนั้นหลงผิดไปว่า ตัวเองคือศูนย์กลางของจักรวาล

                                               {เหนือกว่า ทุกคนอิจฉาเรา คือ “โรคหลงตัวเอง”}

** เช็กตัวเอง กำลัง “ป่วย” หรือ “เป็นเหยื่อ” **

ย้ำชัดว่า “โรคหลงตัวเอง (NPD)” คือ 1 ใน 3 ของ “บุคลิกภาพด้านมืด” ของมนุษย์ที่คิดถึงแต่ตัวเอง หรือ “The Dark Triad Personality”

โดยสามารถแบ่งย่อยออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือแบบแรก “บุคลิกภาพแบบจอมมาร” ที่มีชื่อเรียกทางวิชาการว่า “Machiavellianism” เน้นการเป็นนักวางแผน หลอกใช้คนอื่นอย่างไร้ศีลธรรม

และแบบที่ 2 คือ “บุคลิกภาพแบบต่อต้านกฎเกณฑ์สังคมอย่างสุดโต่ง” หรือ “Psychopath” คนที่ไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และขาดความรู้สึกสำนึกผิด ซึ่งถือเป็นบุคลิกภาพด้านมืดของคนที่โลกหมุนรอบตัวเอง



จุดสังเกตคือ คนพวกนี้เวลา “ทำผิด”นั้น นอกจากจะไม่ยอมรับผิดแล้ว ยังชอบปั่นหัว-ควบคุมความคิดเหยื่อ ที่เรียกว่า “Gaslighting”จนทำให้อีกฝ่ายหมดความมั่นใจ และหลงเชื่อไปจริงๆ ว่า “เหยื่อนั่นแหละที่เป็นคนผิด”

ทั้งยังชอบใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาเหล่านี้บ่อยๆ กลยุทธ์ที่เรียกย่อๆ ว่า “DARVO”โดยเริ่มตั้งแต่ “D” คือ “Deny”ปฏิเสธความผิดของตัวเอง,“A” คือ “Attack” ตอบโต้และโจมตีเหยื่อ

และ “RVO”คือ “Reverse Victim and Offender”คือสลับบทจากผู้กระทำผิดไปเป็นเหยื่อ
ที่สำคัญ คนที่ป่วยเป็นโรคนี้ “น้อยคนที่จะรู้ตัว”และยอมรับ

“เพราะคนประเภทนี้ ไม่ยอมรับอยู่แล้วว่า ตัวเองผิด หรือว่าป่วย”



แต่ก็พอจะมีวิธีเช็กตัวเองอยู่ โดย “ดร.ตฤณห์” แนะว่าให้สังเกต “คุณชอบให้คนชมไหม” และจะขาดความมั่นใจไหม ถ้าคนรอบข้างไม่สนใจ
 
ไม่ก็มองว่า “ตัวเองพิเศษกว่าคนอื่น” หรือเปล่า? ถ้าชอบคิดว่าสิ่งคุณได้รับ มันควรพิเศษกว่าคนปกติ และชอบ “หงุดหงิด” เวลาไม่ถูกปฏิบัติเหมือนคนพิเศษ ก็ถือว่าเข้าข่าย โดยเฉพาะพฤติกรรมสุดท้าย คือ “หลอกใช้คนอื่น” โดยที่ตัวเองไม่เคยรู้สึกผิด



** ผิดปกติทางความคิด “นอกใจ = เรื่องปกติ” **

ถามว่า “คนนอกใจ”จนติดเป็นนิสัย ถือว่าเข้าข่าย “โรคหลงตัวเอง”หรือเปล่า เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ ชอบหาความชอบธรรมให้การทำผิดของตัวเอง หนักกว่านั้นหลายคนยังมองว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องผิดด้วยซ้ำ กูรูรายเดิมจึงช่วยวิเคราะห์เพิ่มเติมให้

“โรคหลงตัวเองเนี่ย ต้องแยกออกจากการเจ้าชู้ หรือไม่เจ้าชู้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนเจ้าชู้ มันจะมีความเป็น Self-Centered สูง และคิดว่าตัวเองมีดี”

คอนเฟิร์มว่า “คนเจ้าชู้”
มักจะมีบุคลิกภาพ “NPD”หรือ “โรคหลงตัวเอง”อยู่ในตัว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่เป็นโรคนี้ทุกคนจะเจ้าชู้ หรือพร้อมนอกใจ



ประเด็นเรื่อง “การนอกใจ” ของชายไทย นักอาชญาวิทยามองว่า เกิดจากทัศนคติที่ “บิดเบี้ยว” จาก “สังคมชายเป็นใหญ่” ในบ้านเมืองเรามากกว่า

ส่งผลให้การมีบ้านเล็ก-บ้านน้อย ถูกมองว่าเป็นเรื่อง “ปกติ” ยิ่งในเคสดาราและนักร้องหนุ่มรายล่าสุดนี้ ยิ่งชัดเจน

“ผมเห็นหลายคอมเมนต์มากเลยนะ ที่บอกว่า ผู้ชายเจ้าชู้เป็นเรื่องปกติ ผู้ชายไม่เจ้าชู้ ก็เหมือนงูไม่มีพิษ มันคือตรรกะที่ป่วยมากๆ เลยของสังคมเรา”



ทั้งที่ความจริงแล้ว “การนอกใจ ไม่ใช่แค่ปัญหาผัว-เมีย” แต่มันคือ “ปัญหาสังคม” เพราะคือต้นตอของอาชญากรรมต่างๆ ที่เห็นตามข่าว ทั้งทำร้ายร่างกาย ไปจนถึงฆาตกรรม ซึ่งหลายเคสก็เริ่มมาจาก “ความหึงหวง”

“เรื่องนี้แหละครับ เป็นต้นเหตุ เป็นบ่อเกิดของความคิดที่บิดเบี้ยว และมีแนวโน้มก่อให้เกิดอาชญากรรมในอนาคต”


เพราะฉะนั้น “ดร.ตฤณห์” ย้ำว่า เราต้อง “เลิก” ทำให้การนอกใจของชายไทย” เป็นเรื่องปกติเสียที ไม่อย่างนั้น ประเทศเราก็จะไม่มีทางพัฒนาเรื่องของสิทธิเท่าเทียม หรือเจริญด้านศีลธรรมได้ ถ้าคนในสังคมจำนวนไม่น้อยยังมองว่า ผู้ชายเจ้าชู้เป็นเรื่องปกติ



สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น