"ไม่กี่ชิ้นบนโลก" ก็มาอยู่ที่นี่แล้ว!! รวมของสะสมระดับ "แรร์ไอเท็ม" จาก หนังสงครามอวกาศในตำนานอย่าง Star Wars กว่า 2,000 ชิ้น แรงผลักจาก "เด็กน้อยไม่มีของเล่น" สู่ "นักสะสมหาตัวจับยาก"
3 ทศวรรษกับด้อม “Star Wars”
“คนถามบ่อยมาก ว่าตายไปจะอะไรยังไง คือผมไม่ได้สนใจ ผมก็รู้สึกว่าในตอนที่อยู่ ผมต้องการมีความสุขตอนนี้ อยากอยู่อย่างนี้ อยากนั่งมองจนกระทั่งเราตายไป หลังจากตายไปก็ช่างมันแล้ว ผมก็ไม่สนใจแล้ว
เพราะตายไป ผมก็เอาอะไรไปไม่ได้อยู่ดี แต่แค่มีตอนที่มีอยู่เราต้องไม่ลำบาก แค่นั้นเอง ถ้ามีแล้วลำบาก อันนั้นต้องขาย แต่ถ้าเรามีเราไม่ลำบาก เราก็อยู่ได้ แล้วเรามีความสุขก็พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรแล้ว”
ชายที่อยู่ตรงหน้าเรานี้คือ “ป๋อง-พูนศักดิ์ โสภณถิรธนา” เจ้าของของสะสมจากภาพยนตร์ระดับตำนานอย่าง Star Wars ตั้งแต่ชิ้นเล็ก ไปจนถึงชิ้นแรร์ นับได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 ชิ้น เรียกได้ว่ามีเยอะระดับต้นๆ ของประเทศ
ย้อนกลับไปวัยเด็ก เขาเติบโตมาใน จ.ชุมพร ด.ช.ป๋องในตอนนั้น แทบไม่มีของเล่น มีเพียงหุ่นยางตัวเล็กๆ เป็นเพื่อนคลายเหงา ต่างจากทุกวันนี้ที่เขาเป็นเจ้าของของเล่น-ของสะสม จากหนังดังจำนวนมหาศาล หลังจากที่เขาได้รู้จักกับจักรวาลหนังเรื่องนี้ในภาค 1-2-3 เป็นครั้งแรก ซึ่งคนทั่วไปอาจรู้จัก Star Wars ตามการสร้างและออกฉายก็คือภาค 4-5-6-1-2-3
“เด็กๆ ไม่มีของเล่นเลย เพราะว่าเป็นเด็กบ้านนอก ที่บ้านก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย มีแค่ตุ๊กตุ่นตัวเล็กๆ ตุ๊กตุ่นยางที่เขาเล่นกัน พอเราเริ่มโตมา ก็รู้สึกว่าเราเป็นคนที่ชอบเก็บสะสมนู่นนี่นั่น อะไรสวยๆ เราก็ชอบเก็บไว้ ช่วงมัธยมเราก็เริ่มเก็บพวกกระป๋องโค้กที่มันฟรี เก็บสะสมมาเรื่อยๆ
ถ้าคนทั่วไปคนที่ชอบ Star Wars ปกติเขาจะดู (ภาค)4-5-6 แต่ผมไม่ได้ทัน ที่มาทันคือมาดูตอนภาค 1-2-3 ก็คือตอนดูภาค 1 ตอนที่ Darth Maul ออกมา แล้วก็ฉากที่เป็นฉากตำนาน Duel of the Fates ก็คือตอนต่อสู้กัน ฉากนั้นคือชอบมาก
[ จาก 6 ชิ้นจิ๋ว สู่อาณาจักรของสะสม ]
Star Wars ภาค 1 น่าจะเป็นเรื่องแรกที่ดูในโรงหนัง พอดูปุ๊บก็ชอบเลยตั้งแต่นั้นมา ก็เริ่มมาเก็บจริงๆ ตอนที่เรียนจบ เริ่มมีเงินเดือน ก็เริ่มสะสมมาเรื่อยๆ เพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ทำงานหาเงินได้ด้วยตัวเอง ก็เริ่มซื้อของเก็บตั้งแต่ตอนนั้นเลย
ชิ้นแรก ไปเดินเล่นแล้วก็เจอชุดนี้ 8 ตัว 600 บาท อันนี้เก็บมาประมาณ 30 กว่าปีแล้ว เกือบ 40 ปี ก็จะเก็บของอย่างนี้ กระจุกกระจิกเต็มไปหมด ทั้งฝาแก้วโค้ก ฝาขวดดูหนัง ตัวตุ๊กตุ่นเล็กๆ ตุ๊กตาทุกอย่าง
Star Wars ตอนนี้ที่มีอยู่น่าจะประมาณ 2,000 กว่าชิ้น ทุกวันนี้ก็ยังบอกแม่อยู่ ว่าที่เก็บเยอะขนาดนี้เพราะว่าตอนเด็กๆ แม่ไม่ยอมซื้อให้ ก็เลยกลายเป็นว่าต้องมาหมดตอนโต (หัวเราะ)”
[ สวมบทบาท Jedi ]
หลังจากได้รู้จักกับเรื่องราวของสงครามอวกาศแล้ว เขาก็โดนเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ตกให้เขามาเข้าด้อม Star Wars อย่างจัง จากความพยายามของคนที่จะเป็น Jedi คนธรรมดาที่ฝึกฝนตนเอง เพื่อเป็นผู้พิทักษ์สันติภาพและความยุติธรรม
“จริงๆ Star Wars เสน่ห์ของมัน ตอนที่เราดูเรารู้สึกว่า Jedi มันเป็นมนุษย์ มันเป็นคนธรรมดา แล้วฝึกฝน ฝึกวิชา ทำสมาธินู่นนี่นั่นให้มันมีพลัง จำได้ช่วงแรกๆ ที่เราดูภาค 1-2-3 มีนั่งสมาธิด้วยนะ ผมนั่งสมาธิเพื่อพยายามจะขยับของให้ได้ด้วย (หัวเราะ) แต่มันก็ขยับไม่ได้ ถ้าถามผมก็คือมันคือมนุษย์คนนึงแต่ว่าเก่ง เราอาจจะชอบตรงนั้นก็ได้
ไม่ใช่พวกซูเปอร์แมน มันเหนือมนุษย์ไปเลย มันเก่งเกินไป เราทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่อันนี้เรารู้สึกว่ามันมีความอาจจะเป็น Jedi ได้สักวันนึงก็ได้ ตอนเด็กๆ นะ (หัวเราะ) ตอนนี้เรารู้แล้วแหละว่ามันไม่ได้
ถ้าคาแรกเตอร์ที่ชอบสุดตั้งแต่เริ่มดูหนัง ก็คือตัวนี้เลย ผมรัก Darth Maul มาก ทำงานเกี่ยวกับอินทีเรียและชอบงานกราฟิกอยู่แล้ว ไอ้นี่มันเป็นตัวร้ายที่เพ้นท์หน้ากราฟิกสวยมาก เราประทับใจมาก ตอนที่เราดูภาค 1 ตัวร้ายออกมา หน้าสีแดง มีลายสีดำ โอ้โห… เท่มาก ชอบคาแรกเตอร์ตัวนี้มาก แต่ไม่ชอบนิสัยมันนะ (หัวเราะ)”
จากความฝัน สู่ความจริง “บ้านริมน้ำ - คาเฟ่ของสะสม”
จากของสะสมที่เก็บส่วนตัว แต่พอถึงจุดหนึ่ง ป๋อง มีความคิดที่อยากแบ่งปัน นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เขาตัดสินในเปิดร้าน “Tan Ga Toy (ทานกะทอย) Star Wars Café” เพื่อให้กับคนรักจักรวาลหนังเรื่องนี้ ได้เข้าชมอย่างใกล้ชิด
“ผมเรียนอินทีเรีย ตกแต่งภายใน ม.กรุงเทพฯ รุ่นแรกๆ เลย รู้ตัวว่าเราเป็นคนชอบเก็บบ้าน ชอบกวาดบ้าน ชอบเช็ดนู่นเช็ดนี่ ชอบจัดของให้มันเข้าที่ เราชอบความเป็นระเบียบและตั้งแต่จบมาก็ทำอินทีเรียมาโดยตลอดเลย
เริ่มต้นที่เก็บสะสมตอนแรก เราไม่ได้คิดหรอกว่าเราจะเก็บเยอะขนาดนี้ เราก็พนักงานทั่วไป ก็เก็บมาเรื่อยๆ ทีละนิดทีละหน่อย กะว่าอีกหน่อยก็อาจจะอยู่ในห้องทำงานเรา มีวางกระจุกกระจิก แต่พอมันผ่านมา 30 ปี ตอนที่กำลังจะสร้างบ้านนี้ มันเยอะมากเลย ก็รู้สึกว่าตอนเด็กๆ ที่เราเริ่มเก็บ เราอยากไปดูร้านที่มีของแบบนี้เยอะๆ แต่มันไม่มีเลย
พอถึงจุดนึง เรารู้สึกว่าของเรามันเยอะพอแล้ว งั้นก็เปิดเป็นร้านแล้วกัน เผื่อคนที่อยากสะสมแต่ไม่เคยมี เหมือนเป็นแรงบันดาลใจให้คนที่เขาชอบสะสม ก็เลยกลายเป็นร้านนี้
มันคือความฝันที่ไม่ได้นึกคิดมาก่อนว่าจะมีร้านแบบนี้ เพียงแต่ว่าความฝันเราตอนที่เราเรียน เราอยากมีบ้านริมน้ำ นี่คือความฝันแรกเลย ซึ่งเราก็ตามระหว่างทาง เราก็แค่มีของสะสมมาเป็นเหมือนกับแรงผลักดันนิดๆ หน่อยๆ
พอเรามีบ้านริมน้ำปุ๊บ พอดีกับของสะสมที่เรามีมันก็เยอะมากพอ จนรู้สึกว่างั้นก็ทำให้มันเป็นอาชีพด้วยเลยแล้วกัน แฟนเราก็ชอบทำอาหาร ก็พอดีลงตัวทุกอย่าง ก็เปิดเป็นร้านไปเลย เป็นกิจการครอบครัว ไม่ได้อะไรมากมาย”
ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่เปิดร้านมา คาเฟ่แห่งนี้ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่ตั้งใจข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาชมของสะสม
“ผมอยู่ในกลุ่ม Star Wars ตั้งนาน เพิ่งจะมาบอกว่าเราจะเปิดร้านแล้ว ก็ถ่ายแล้วก็ลงในเพจเมืองนอก ก็ฮือฮากันกระจุยกระจาย ตอนนั้นมียอดไลก์หลายหมื่นอยู่ ฝรั่งมาคอมเมนต์เยอะมาก อยู่ที่ไหน นี่คือสวรรค์ของฉัน ก็บอกว่าอยู่เมืองไทย
แฟนคลับ Star Wars คนไทย ต่างชาตินี่มาหลายประเทศแล้วนะ ฮ่องกง สิงคโปร์ แคนาดา เยอรมันก็มาแล้ว มาเยอะ ฝรั่งรอยสัก Star Wars มาเลย บางคนก็เอาเข็มกลัด Star Wars มาให้ ก็คือเป็นกลุ่มที่เขาคนที่รัก Star Wars
ที่ผมตั้งใจคือคนที่รัก Star Wars ก็อยากให้เขามาเจอกัน ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พอมาก็อื้อหือ… ประทับใจ ชอบ ไว้คราวหน้าจะมาอีก ก็คิดว่าร้านมันน่าจะอยู่ได้ ตรงที่ว่ามันมีกลุ่มที่เหนียวแน่นอยู่แล้ว ช่วงปีใหม่ก็มีมาจากต่างประเทศ โทร.มา ก็มาบ่นนิดนึงว่าร้านปิด (หัวเราะ) เขาตั้งใจจะมาเที่ยวสิ้นปี จะมาที่ร้านนี้ มาไม่ได้
ชื่นใจที่สุด คือพวกต่างชาติที่มา รู้สึกเวลาเขามา เขาต้องนั่งเครื่องบินมาเพื่อจะมา แถมมาที่ร้านไม่มีรถมา แล้วร้านก็ไม่ได้อยู่ริมถนน มันลึก ก็เข้าใจต่างชาติที่มา ผมมองว่าเขาต้องชอบจริงๆ มาถึงเขาก็ยิ้มแป้น ดูมีความสุข
ถ้าร้านที่ Star Wars ทั้งร้านในเมืองไทย ก็รู้สึกว่างั้นเราเป็นที่แรกในเมืองไทยเลยแล้วกัน เราก็มีพอสมควร ที่ให้เขามาดูแล้วก็น่าจะอึ้งได้ ตอนนี้ที่เปิดร้านมาประมาณปีนึงก็โอเคนะ มีฝรั่งมาจากต่างประเทศ เขา ‘oh amazing!’ ก็รู้สึกประทับใจนิดนึงว่า เมืองนอกเห็นก็อึ้ง”
อย่างที่เรารู้กันกัน ปกติแล้วของสะสมมีมูลค่าสูง ส่วนใหญ่ก็มักจะถูกเก็บไว้อย่างดี ให้รอดพ้นจากคนมือซน แต่ที่นี่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะเจ้าของตั้งให้ชมใกล้ๆ ชนิดที่ว่านั่งจิบกาแฟ เคียงข้างหุ่น Darth Vader กันเลยทีเดียว
“ตั้งแต่ต้นเลยนะ เป็นคนไม่ได้หวงของอยู่แล้ว อย่างตอนที่มีฐาน Jabba มันก็หายากในระดับนึง ตอนนั้นก็มีคนมาขอยืมไป copy เหมือนไปทำใหม่เพราะของจริงมันหายาก ผมก็ให้เขาไป คือเป็นคนที่ไม่ได้หวงของ จับได้ ดูได้ ไม่ซีเรียสอะไร
ก็เลยรู้สึกว่าแค่อยากแบ่งให้คนดู เพราะเริ่มจากตัวเราอยากดูของคนอื่นก่อน แล้วผมก็ไปดูมาเยอะ ตามคนรู้จักเอยอะไรเอย บางทีก็ไปนั่งเป็นชั่วโมง พอเราชอบ พอถึงวันนึงเรารู้สึกเราอยากให้คนมาดูบ้าง คนที่เขาอยากดู ก็มาดูได้เลย
มาถึงนี่แล้วจริงๆ ต้องถ่ายทุกอัน (หัวเราะ) เซ็ต Buzz นี่ก็ควรจะต้องถ่าย ไม่ได้หาง่ายๆ ปกติถ้าไปอยู่ในมือนักสะสม เขาจะอยู่ในตู้ครอบ ไม่ให้แตะเลย นี่ผมเอามาวางไว้เอาหน้าไปแนบกับ Veder ได้เลย เอาเป็นว่าไม่มีคาเฟ่ไหนแน่นอน
แม้แต่นักสะสมเอง บางคนผมว่าเขาไม่ยอม แต่ผมเฉยๆ มีเขียนอยู่ห้ามจับ แต่ผมก็วางไว้อย่างนั้นแหละ คนอยากแตะนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น แค่วางไว้นิดนึง ให้ระวัง
[ ลูกค้าตัวจิ๋ว แฟนคลับ Star Wars ]
ตอนนี้ลูกค้าบางคน อย่างเด็กๆ มา ผมก็หยิบดาบให้เล่นนะ เพียงแต่ว่าก็ต้องให้ระวังหน่อย ไม่ใช่เอามาฟาดโน่นนี่นั่น เอามาถือเล่น เปิดไฟเล่นอันนี้ประจำ ยิ่งเด็กคนไหนที่รู้เรื่องตัวละคร อันนี้ของคนนี้ๆ ยิ่งอยากหยิบให้ดู อยากหยิบให้เล่นเลย”
ไม่ใช่แค่แฟน Star Wars เท่านั้นที่ชื่นชอบ อีกอย่างที่มัดใจลูกค้าให้กลับมาซ้ำที่คาเฟ่แห่งนี้ นั่นก็คือรสชาติของอาหารจากฝีมือของภรรยานักสะสมคนนี้ และบรรยากาศสบายๆ เหมือนมานั่งเล่นที่บ้านเพื่อน
“ที่ประทับใจอีกเรื่องคืออาหารก็คนชม บางคนที่มาครั้งแรก เขามาเพราะ Star Wars แต่ที่มาจนถึงเป็น 10 เพราะอาหารอร่อย ก็เลยปลื้มใจกับแฟนด้วยว่าเขาทำอาหารอร่อย ก็เลยคิดว่ามันน่าจะโอเคแล้วล่ะร้านเรา
เมนูเด็ดมีหลายอย่างเลย ก็จะมี ไก่คลุกผง Tatooine มี Gold Lightsaber มีเยอะครับ ต้องมาดูแล้วจะได้ฟิน เป็นชื่อ Star Wars ดาว Tatooine เป็นดาวที่เป็นทราย ไก่ของที่นี่จะคลุกผงที่ผมทำให้มันเหมือนเป็นทราย มันจะเค็มๆ หน่อย ทานเพลิน Gold Lightsaber จะเป็นปอเปี๊ยะกุ้งทอดเป็นสีทอง อะไรประมาณนี้
[ “ไก่คลุกผง Tatooine” และ “Gold Lightsaber” เมนูเด็ดของคาเฟ่ ]
คนไทยบางคนที่เป็นแฟนจริงๆ เห็นก็รู้สึกได้ มันจะรู้สึกได้ว่าเขาแฮปปี้มาก แล้วก็เริ่มมีคนที่อายุเยอะๆ หน่อย มาหลายครั้ง ก็เคยคุยกับเขา เขาก็บอกว่ารู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ได้เจอสิ่งที่เขาชอบ
เนื่องจากตอนแรกมีน้องของแฟนเขาทำบาริสต้าอยู่ พอดีเขาออกไปแล้ว ผมเลยต้องมาชงกาแฟเอง เป็นบาริสต้าเอง ก็เลยเปิดได้แค่เสาร์-อาทิตย์ ถึงเมื่อไหร่ที่ผมไม่มีงานแล้ว ก็ค่อยเปิดเต็มๆ อีกที
ผมไม่ได้เสียค่าจ้างอะไรมาก บ้านก็บ้านเราเอง ถ้าเกิดเป็นร้านเช่าก็คงลำบากนิดนึง เพราะมันก็ไม่ได้กำไรเยอะขนาดนั้น แต่อันนี้พอดีไม่ได้เสียอะไรเลย เสียแค่ค่าเด็กช่วยแล้วก็ค่าของ ค่าแรงตัวเองก็ไม่มี (หัวเราะ) มันก็อยู่ได้ของมัน
เป็นเหมือนแกลเลอรี่ส่วนตัวของผม เป็นความสุขของผมเอง ออฟฟิศผมอยู่ข้างบน ก็เห็นทุกวันอยู่แล้ว เป็นความสุขของผม ที่ตั้งใจว่ามันจะเป็นที่ที่เรามีความสุข เราอยู่กับมันได้ทุกวัน
คนที่มีของสะสม เขาจะเอาไว้ในห้องแกลเลอรี่ ห้องสะสม ไม่รู้เดือนนึงจะได้เข้าสักครั้งไหม ถ้างานยุ่งก็ไม่ได้เข้าเลย หรือเป็นปีอาจจะไม่ได้เข้าเลย แต่นี่คือไม่ใช่ นี่เป็นทำงาน ผมเดินเข้าทุกวัน เห็นจนอิ่ม ก็รู้สึกว่ามันคุ้มแล้วที่เราทำ”
กฎเหล็กนักเก็บ “เอาเท่าที่ไหว - ไม่เดือดร้อนใคร”
แม้ทุกวันนี้จะมีของสะสมจากหนังดังนับพัน แต่สิ่งสำคัญในการเก็บ ก็คือการตั้งลิมิตของตัวเอง ไม่ปล่อยใจไปกับทุกอย่างที่อยากได้
“ไม่เยอะที่สุดในประเทศไทย เอาว่าอาจจะอยู่ในต้นๆ ที่ผมรู้มีอยู่คนนึงแล้วว่าเยอะมาก อันนั้นคือเก็บทุกอย่าง เขามีเป็นโกดังชั้น 1 ชั้น 2 แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชม คนที่เก็บงานที่มันเริ่ม Hi-End ขึ้นมา ส่วนใหญ่มันจะอยู่ในมือของคนที่มีตังค์ แล้วเขาไม่ได้เปิดให้คนทั่วไปดู เราต้องรู้จักเขา มีบางคนที่ผมพยายามตีซี้เพื่อจะขอไปดูของบ้านเขาเลยนะ
ก็น่าจะประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมจำได้ผมมี Iron Man ด้วย ประมาณ 40-50 ตัว มีหลายอย่าง กระจุกกระจิกเต็มไปหมดเลย ตอนนั้นมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดี เพราะถ้าเกิดว่าไปต่อเริ่มรู้สึกว่ามันเริ่มเหนื่อย เราเก็บทุกอย่างไม่ได้
ก็เลยมานั่งดู เรามี Star Wars เยอะสุด ตอนนั้นน่าจะอยู่ประมาณมีหลักหลายร้อย Iron Man มีอยู่ 40 ก็ขาย Iron Man ทิ้ง ขาย Marvel ทิ้ง ขายค่ายอื่นทิ้ง เหลือแต่ Star Wars อย่างเดียว
เรารู้ว่ายังไงเราต้องเก็บอยู่ เพราะมันเป็นความรักของเรา เพียงแต่ว่าเราก็แค่ตัดบางอย่างออกไป เพื่อให้เราสามารถจะไปต่อได้ ผมก็ต้องเบรกตัวเองว่าอย่าโลภมาก เอาทุกอย่างไม่ได้ เราก็เลยเหลือแต่ Star Wars อย่างเดียวที่เก็บเป็นหลัก
[ เซ็ต Buzz หุ่นตัวละครขนาด 1:1 หาดูได้ที่เดียวในเมืองไทย ]
จริงๆ ของทั่วไปอยู่ประมาณหลักพัน แต่ของชิ้นใหญ่ๆ ที่เรารู้ว่ามันหายาก มันต้องซื้อถ้าอยากได้ อย่างงาน Buzz (หัวตัวละครขนาด 1:1) ผมก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าต้องไม่เกินแสน ตัวหัวที่ยังขาดอยู่ที่ตอนนี้มันราคา 400,000 กว่าบาท เราก็ไม่เอา เราก็ปล่อยไป ก็รอไปเรื่อยๆ จนกว่าสักวันนึงคงได้ หรือถ้าสุดท้ายไม่ได้ก็ช่างมัน เพราะเรามีปัญญาแค่นี้ เราก็เอาเท่าที่ไหว
จักรวาล Star Wars มันใหญ่มากแล้วก็กว้างมาก อมตะมาก แม้แต่คนที่เก็บเยอะที่สุดในโลก ที่เขาลง Guinness Book พิพิธภัณฑ์ Star Wars ที่เยอะที่สุด Rancho Obi-Wan น่าจะอยู่อเมริกา ยังต้องเบรกเลย ภาคแยกรู้สึกเขาจะไม่ได้เก็บ มันเยอะมาก ยิ่งตอนนี้มาอยู่กับ Disney ด้วย เลิกคุยเลย (หัวเราะ) มีเตรียมออกมาอีกเป็น 10 ภาค”
เขายังได้ฝากคำแนะนำไปถึงคนที่เริ่มต้นสะสมอะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุด คือการไม่ทำให้ตัวเองและคนรอบข้างเดือดร้อนไปกับกิจกรรมนี้
“ถ้ามันเป็นของสะสม มันก็ควรจะหาด้วยตัวเอง ถ้าเด็กอยากได้ก็ขอแม่ ถ้าแม่ไม่ให้ก็ต้องยอมรับเพราะไม่ใช่เงินเรา อย่างผมที่มาเก็บคือเงินส่วนตัวหมด ไม่ได้ขอแม่ สมัยก่อนผมก็อยากได้ก็ร้องไห้ พอโตขึ้นเราก็ต้องรู้ตัวเราดี ว่าของพวกนี้จะเก็บถึงในระดับนี้ มันก็ต้องมีปัญญาหาเองก่อน ถ้าหาแล้วก็ต้องคิดด้วยว่ามันไม่ลำบาก
ผมก็เห็นนักสะสมหลายคน ซื้อเห็นไล่ซื้อๆๆ แล้วอีก 2-3 อาทิตย์ ขาย เพราะว่าไม่มีตังค์แล้ว อันนี้ก็ไม่ใช่ ผมมองว่าเราต้องรู้ตัว งานสะสมมันคืองานอดิเรก ต้องรู้ว่าเราซื้อมาเก็บแล้วมันต้องไม่เดือดร้อน เราต้องมีเงินสำรองของเราไว้
ผมเห็นเยอะเลย แป๊บนึง ก็ไม่เอาแล้ว จะเอาเงินไปทำนู่นทำนี่ เขาควรจะต้องรู้ตัวเองว่าอะไรมันควรไม่ควร ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะเก็บในระดับนั้น เราก็อย่าไปเก็บ ก็ดูคนอื่นเขา มานั่งดูที่ร้านก็ได้ไม่ต้องเสียตังค์ ง่ายดี
มีลูกสาว แต่ลูกสาวไม่เอา (หัวเราะ) ไม่ได้ซีเรียส เมื่อก่อนก็เล่นอยู่นะ เมื่อก่อนก็ให้ถือดาบ Lightsaber ตีรันฟันแทงนิดนึง พอโตขึ้นเขาก็ไม่ชอบ เขาชอบอนิเมะมากกว่า (หัวเราะ) เขาก็มีพวกอนิเมะอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เหมือนตอนผมเริ่มต้นตัวเล็กๆ ตอนนี้ก็มีเห็นตั้งอยู่ มีการ์ตูนตามประสาเด็กๆ เป็นแนวของเขา เขาชอบอะไรก็เรื่องของเขาไป”
ขึ้นชื่อว่าของสะสม แน่นอนว่าต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ในฐานะที่อยู่ในวงการนี้มาเกินครึ่งชีวิต เขาแชร์เทคนิคการจัดการกับการเงิน ให้เราได้รู้อีกด้วย
“ผมจะมีบัญชีอยู่บัญชีนึง เหมือนบัญชีเงินเก็บ ผมไม่แตะเลย เราก็จะมีบัญชีเงินใช้ ถ้าเกิดเราประหยัด เรากินข้าวมื้อเดียวไม่กินน้ำ ก็อาจจะเหลือๆ ประมาณ 2,000 สองเดือน 5,000 ก็ได้แล้วตัวนึง ก็แล้วแต่เรา มันก็อยู่ที่วิธีการเก็บเงิน
แต่ก็มีบางกรณีนะ ผมก็มีแหกกฎบ้าง เพราะว่าอย่างบางชิ้นที่เรารู้ว่ามันไม่มีอีกแล้ว มันไม่ออกมาอีกแล้ว ก็อาจจะดึงมาหน่อยนึง แล้วค่อยไปเติมเอา มีบ้าง ไม่ถึงขนาดต้องเป๊ะขนาดนั้น เพราะบางชิ้นมันหายากจริง เราอยู่ในวงการ เรารู้อยู่แล้วว่าชิ้นไหนเดี๋ยวก็มา รองวดหน้า ส่วนใหญ่ 1:6 ผมรอราคาตก ตอนนี้บางตัวขึ้นไป 20,000 ผมก็ไม่ซื้อ รอไปเรื่อยๆ
ล่าสุดที่เพิ่งได้มาตัวนึง เมื่อก่อนอยู่ประมาณ 6,000-7,000 เพิ่งจะได้มาเมื่อไม่นานนี้ ได้มา 2,000 เรารู้ว่าของมันจะขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้อยู่แล้วในการสะสม ถ้าเราใจร้อน เราไปเอาตอนขึ้นมันก็แพง ถ้าเราใจเย็น รอไปเรื่อยๆ เราก็จะได้มันในที่สุด”
วางแผนรอบคอบ ชีวิตไม่มีสะดุด
อินทีเรียวัย 50 ปีคนนี้เล่าต่อว่า ความจริงแล้วร้านนี้คือแผนเกษียณที่วางไว้ในอนาคต ซึ่งในตอนนี้เขายังมีงานหลัก ควบคู่ไปกับการแบ่งเวลามาเปิดร้านในวันเสาร์ - อาทิตย์
“จริงๆ งานหลักก็ยังเป็นตกแต่ง จันทร์ถึงศุกร์ผมก็จะทำงานอินทีเรียปกติของผมนี่แหละ ตอนนี้ที่จะเปิดร้านจะเปิดแค่เสาร์-อาทิตย์ ถึงวันนึงเกษียณเมื่อไหร่คงมาเปิดที่นี่ทุกวัน หรืออาจจะเปิดแค่อาทิตย์ละ 4-5 วัน
อย่างที่บอกว่าเราตั้งใจว่าจะมีบ้านริมน้ำ แล้วก็กะว่าจะต้องมีเงินเก็บก้อนนึง แต่พอมาถึงจุดนึง 50 ปี เงินเก็บเรามันกลายเป็นของพวกเนี่ยหมดแล้ว (หัวเราะ) จะให้ขายก็ไม่ได้ มันเป็นความรักของเรา เราก็อยากมองมัน ก็รู้สึกว่าจะทำยังไงให้ของที่เรามีอยู่ มันสามารถทำเงินให้เราได้ด้วย ก็เปิดเป็นร้านคาเฟ่กึ่งแกลลอรี่
ผมว่าคนที่ชอบ Star Wars ยังไงก็ต้องมา ทุกวันนี้ที่ปิดร้านไป ช่วงปิดร้าน คนก็โทร.มาถามตลอด อยากมามากๆ มันมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน และเราก็เชื่อว่ามันอยู่ได้จนกระทั่งเราก็เกษียณ
เป็นคนกลัวเรื่องอนาคตพอสมควร วางแผนตั้งแต่เรียนจบเลย ตั้งใจจะมีบ้านริมน้ำ เพราะมันเป็นความฝันสูงสุด เราก็เก็บเงินมาเรื่อยๆ ระหว่างทางเพื่อนซื้อบ้าน เพื่อนซื้อคอนโด เพื่อนซื้อนู่น เพื่อนซื้อนี่ ไม่เอา เก็บๆๆ จนซื้อที่ได้ เก็บๆๆ จนทำเขื่อนได้ เก็บๆๆ จนทำบ้านได้ มุ่งมั่นตั้งใจแน่วแน่ ไม่ได้ไขว้เขวอะไร ส่วนอันนี้มันเป็นของแถมเติมกำลังใจระหว่างทาง”
ถึงตอนนี้ นักสะสมวัย 50 กะรัต ยอมรับว่ายังไม่วางมือจากวงการนี้ แต่เป็นการเลือกเก็บชิ้นที่ต้องการจริงๆ
“ตอนที่เราเก็บมา เราจดไว้ในระดับนึงว่าเรามีอะไรบ้าง อย่างตุ๊กตา 1: 6 เรารู้ว่ามีอยู่ประมาณ 600-700 ตัว เราก็ต้องรู้ว่าเราต้องใช้พื้นที่ประมาณเท่านี้ เราก็ต้องเผื่อไว้ว่าอนาคตเราก็ยังซื้ออีก นี่ก็ยังวางได้ ก็ยังซื้อได้อีกในระดับนึง จนกระทั่งเกษียณจริงๆ ที่เราไม่ซื้อแล้ว น่าจะพอดีกันครับ
วางแพลนไว้แล้วว่า แบบนี้เราสามารถเพิ่มได้อีกในระดับนึง ผมว่า(อายุ) 60 เพิ่มยังไงก็ไม่น่าจะเต็มตรงนี้หรอก เผื่อที่ไว้หมดแล้วเพราะเราเป็นอินทีเรีย เรารู้วิธีการสะสมของเรา เราไม่ได้โหมซื้อหนักอยู่แล้ว นานๆ จะมีตัวที่เราต้องเก็บ
ก็ค่อยๆ ซื้อเก็บไปเรื่อยๆ อย่างพวกที่วางบางอันก็จะหลวมๆ หน่อย ก็วางได้อีก 2 ตัว เบ็ดเสร็จก็หลักประมาณ 50 ตัววางได้สบาย ซึ่งผมว่าจนถึง 60 แล้วก็คงไม่น่าจะเกินนี้แล้ว ไม่น่าจะมีมากกว่านี้แล้ว เผื่อไว้หมดแล้ว (หัวเราะ) เราชอบมองสิ่งสวยๆ งามๆ อันนี้เป็นความงามของเรา เรามองมันเราก็มีความสุข ผมจบแค่นี้เลยไม่ต้องมีอะไรมาก
ถ้าถามผม ตอนที่อายุเยอะ แล้วไม่มีรายได้เข้าแล้ว ผมก็ไม่ซื้อแล้วนะ มันก็ต้องรู้ ถ้าเราไม่มีรายรับ เราจะไปหารายจ่ายทำไม ผมก็อาจจะไปทำอย่างอื่นแทน มันมีกิจกรรมอย่างอื่นให้ทำ แต่ประเด็นคือมันต้องเป็นกิจกรรมที่เรารู้สึกเรามีความสุขกับมันด้วย แค่นั้นเอง”
เมื่อบทสนทนาดำเนินมาถึงตอนสุดท้าย นักสะสมรุ่นใหญ่ บอกพร้อมใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มว่า นี่คือจุดที่ตอบโจทย์ทุกความสุขในชีวิตแล้ว กับการเติมเต็มความฝันและความสุขของตัวเองในทุกด้าน
“จริงๆ ผมมาถึงจุดสุดท้ายของชีวิตแล้วนะ (หัวเราะ) อย่างที่บอกว่าความฝันผมคือบ้านริมน้ำ ตอนนี้มันก็ได้แล้ว แถมด้วยมีแกลเลอรี่ส่วนตัว ที่มีของสะสมที่เราต้องการด้วย แต่แค่ขาดอย่างเดียวคือขาดตังค์ (หัวเราะ) เพราะว่าของเราไปลงจนหมดแล้ว ตอนนี้จะเป็นช่วงทำเพื่อสะสมเก็บรายจ่ายในอนาคต ที่กำลังจะเกิดขึ้นตอนที่เราทำไม่ไหว
ตอนนี้ก็ทำงานเก็บเงินๆ เผื่ออนาคตเราไม่ได้ทำอินทีเรียแล้ว เราอาจจะมีแค่ร้านกาแฟอย่างเดียว มันต้องมีค่าใช้จ่ายนู่นนี่นั่น ซึ่งมันอาจจะไม่พอ เราก็ต้องเก็บเป็นทุนเราในระดับนึง ผมก็ตั้งใจอีกซัก 10 ปี กะทำอินทีเรียไปเรื่อยๆ แล้วค่อยเกษียณ มีเงินก้อนนึง แล้วก็เปิดร้านกาแฟนั่งจิบกาแฟไปวันวัน ชิลๆ slow life ไป (หัวเราะ)”
เปิดจักรวาลของสะสม ชม 5 เซ็ตสุดแรร์ อันดับ 1 : “เซ็ต Buzz ของ Sideshow” “ถ้าถามเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ไม่เคยคิดว่าจะมีเซ็ตนี้ เพราะว่ามันเป็นเซ็ตที่ราคาสูงเกินที่เราจะเอื้อมถึงได้ในตอนนั้น แต่เกือบ 10 ปีที่แล้ว มีคนมาขายผม เรารู้ราคาอยู่แล้วว่าประมาณ 20,000-50,000 แต่เราได้มา 2 หัวไม่ถึงหมื่น ต่อหัวนะ เราเป็นคนที่เก็บอะไรแล้วชอบตามให้ครบ ก็เริ่มบานไปเรื่อยๆ ผมว่าน่าจะเป็น Buzz ที่มีเยอะที่สุด แล้วก็น่าจะมีที่เดียวในเมืองไทย คิดว่านะ เราเริ่มตามหัวธรรมดาได้หมดแล้ว ทั้ง Boba, Junko, Darth Maul, Palpatine. Vader, Grievous เราก็เริ่มหาหัวที่มันไม่มีอะไรเมืองไทย ก็ไปได้หัวนักดนตรี ถ้าจำไม่ผิดได้มาจากอิตาลี แล้วก็หัว Ventress น่าจะได้มาจากอังกฤษ ได้หัว Greedo ได้ที่สิงคโปร์ พวกนี้มันอยู่ในมือของนักสะสมเก่า เราก็ต้องคอยสอดส่องดูว่ามีใครขายในเว็บของต่างประเทศ ใน eBay ตอนนี้ผมก็มีอยู่ทั้งหมด 13 หัว ยังขาดอีก 2 หัว ก็คือหัว Gamorrean หมูป่า กับหัว Ackbar นายพล หัว gamorrean หมูป่า ราคาใน eBay มันแพงมาก ล่าสุดที่เคยไปประมูล ราคาจบอยู่ที่ 450,000 ก็เลยไม่ไหว (หัวเราะ) เซ็ตนี้เหนื่อย ทั้งตื๊อ ทั้งตาม ทั้งหาแล้วก็ยังขาด มาถึงวันนี้ก็น่าจะมี 10 ปีนะ ก็เป็นอีกเซ็ตนึงที่รู้สึกภูมิใจมาก ขาดอีก 2 หัว ซึ่งก็ยังตามต่อไป หวังว่าสักวันคงได้เจอกับเขา (หัวเราะ)” อันดับ 2 : “เซ็ตงาน Mythos 1 ของ Sideshow" “เป็นงาน 1:5 จะมีทั้งหมด 5 ตัว ตัวที่หายากที่สุดจะเป็นตัว Obi-Wan กับตัว Gamorrean guard ซึ่ง 2 ตัวนี้ ระยะเวลาตั้งแต่ตัวแรกที่ผมได้ Darth Maul มาจนถึงตัวสุดท้าย ก็ใช้เวลา 10 กว่าปีเหมือนกัน ค่อนข้างนาน ตอนที่ได้มาก็รู้สึกชอบมาก ชอบงานปั้นที่มันเป็นท่าแอ็กชันสวยที่สุดแล้วตั้งแต่เคยเห็น ค่าย Sideshow เขาทำออกมา ปกติเขาจะทำ 1:4 กับ 1:6 แล้วอยู่ๆ เขาทำ 1:5 ออกมา เป็นเหมือนสเกลที่คนเขาไม่เล่นกัน เราก็ไม่รู้ว่ามันจะไปรอดไหม ที่ออกมาตัวแรกคือ Gamorrean Guard ผมเห็นแล้วด้วย มันเป็นตัวรองแล้วก็ไม่ได้เด่นอะไร ก็เลยยอดจองน้อยมาก ถ้าจำไม่ผิดประมาณ 800 ตัว ในเมืองไทยผมว่าตอนนั้นก็น่าจะมีไม่เกินตัว 2 ตัว ออกมาตัวที่ 2 ก็เป็น Obi-Wan คนก็ลังเลอยู่ ยอดจองก็น้อย พอออกตัวที่ 3 ก็คือ Darth Maul ตัวที่ผมชอบ พอเห็นท่านี้ปุ๊บผมก็เอาเลย ตอนที่ผมเอา 2 ตัวนี้มันก็ไม่ทันแล้ว สุดท้ายก็ได้มา Darth Maul ได้ Boba แล้วก็ Darth Vader มันเป็นตัวเอก หลังจากได้ 3 ตัวนี้มาแล้ว ก็มาไล่ตาม 2 ตัวนี้ต่อ เพราะเรารู้ว่ามันมีอยู่ 5 ตัวเซ็ตนี้จบ สุดท้ายมาได้ตอนที่ราคาไปไกลมาก ตัวนี้ (Gamorrean Guard) คือตัวสุดท้ายที่ได้ ตอนที่เปิดจองผมจำไม่ได้แต่น่าจะอยู่ที่หมื่นกว่าบาท แต่ตอนนี้อยู่ใน eBay ประมาณ 60,000 เซ็ตนี้ผมเคยขายไป 150,000 บาท 5 ตัว เพื่อนเขาเลิกเก็บแล้วเขามีอีกเซ็ต ก็เป็นเซ็ตที่หายากเซ็ตนึง” อันดับ 3 : “หมวก X-wing ของ RS Prop Masters” “หลังจากที่ตามตัวที่ลายเซ็นมี 100 ใบในโลก เราก็ตามงานของ RS Prop Masters มาเรื่อยๆ ปกติงานของค่ายนี้ ที่เป็นงานที่มีลายเซ็นนักแสดงแล้วก็เซ็นน้อยๆ ผมจะไม่เคยทันเลย พอเปิดพรีปุ๊บ มันจะโดนคนอังกฤษ-อเมริกาเอาไปหมดเลย มีชิ้นนี้ทัน ก็เลยได้มา จะเป็นชิ้นที่ 19 ในจำนวน 25 ใบ ก็รู้สึกภูมิใจมาก” อันดับ 4 : "หมวก ของ RS Prop Masters" (ชั้นบนสุด) “จะมี 3 ใบ มี Sand-Snow-Storm เซ็ตนี้จะเป็นเซ็ตสแตนดาร์ดของคนเก็บ เพราะว่ามันเป็นหัวยอดนิยม ค่ายนี้เขาทำเป็นหมวกงาน screen used ก็คือเป็นแบบที่ใช้ถ่ายหนังเลย แล้วก็จะ limited ตรงที่เขาจะเรียกนักแสดง Colin Michael Kitchens มาเซ็นกำกับให้ certificate ว่าเป็นเหมือนหมวกที่เขาใส่จริงๆ ในหนังตอนนั้น หน้าตาทุกอย่าง วัสดุทุกอย่างคือเหมือน ก็มีอย่างละ 100 ใบ ทาง RS Prop Masters เขาไม่ส่งในประเทศไทย ผมกับเพื่อนก็เลยสั่งแล้วเอาเรือเข้ามาเอง ไปให้ที่ขนส่งเอาเข้ามา เสียภาษีเองทุกอย่าง เริ่มต้นเองหมดเลย น่าจะเป็นคนแรกในประเทศไทยที่สั่งค่ายนี้ สั่งเขาเยอะจนหลังจากสั่งได้ประมาณ 2-3 ปี เขาก็บอกว่าเดี๋ยวส่งให้ในประเทศไทย คนรุ่นหลังที่มีงานของค่ายนี้เก็บไว้เพราะพวกผม (หัวเราะ)” อันดับ 5 : "เซ็ตวัง Jabba ของ Sideshow” (ชั้นที่ 2 ) “ใช้เวลาประมาณ 15 ปี กว่าจะได้ครบทุกตัวตามในนี้ มาจาก 15 กล่อง ทั้งเซ็ตหลักประมาณแสนกว่าๆ ก็จะเป็นงานค่าย Sideshow เป็นหลักซะส่วนใหญ่ ไล่ตามทีละกล่องจนกระทั่งครบ ไม่ได้ออกมาพร้อมกัน กลุ่มนี้เป็นกลุ่มของวัง Jabba ทั้งหมด ก็จะมีหมูป่า 2 ตัว หน้าตาเหมือนกันแต่ต้องสังเกตว่าเขามันจะหักตัวนึง แล้วก็มีสัตว์ประหลาดตัวเล็กตัวน้อย ทุกอย่างแยกหมด เสาแยก ฐานแยก สัตว์ประหลาดก็แยก” |
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : วชิร สายจำปา
ขอบคุณสถานที่ : Tan Ga Toy (ทานกะทอย) Star Wars Café
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : Facebook "TanGaToy"
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **