เอาอีกแล้ว โครงสร้างสะพาน ถนนพระราม 2 “ถล่ม” ตาย 7 เจ็บอีกหลายสิบ อุบัติเหตุซ้ำซาก กูรูชี้เป็นแบบนี้ เพราะ “ไม่เคยมีคนผิด” เรื่องไม่ใช่แค่ความผิดพลาดทางวิศวกรรม แต่เป็น “ช่องโหว่” ของกฎหมาย
** “พระราม 2” ถนนสายมรณะ **
“ถนนพระราม 2” จากฉายา “ถนนเจ็ดชั่วโคตร” กลายเป็น “ถนนสายมรณะ”เพราะนอกจากสร้างมานาน ตั้งแต่ปี 2516 จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เสร็จ ก็ยังเกิดอุบัติเหตุจากการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
เคสสะเทือนขวัญครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 มี.ค.68 เวลา 01.30 น. โดย “โครงสร้างสะพาน”ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างของ “ถนนพระราม 2”บริเวณด่านทางด่วนดาวคะนอง “ถล่ม” ลงมา ทำให้มี “ผู้เสียชีวิต 7 ราย”และบาดเจ็บอีกหลายสิบคน
ส่วนสาเหตุยังไม่แน่ชัด มีเพียงการตั้งข้อสมมติฐานเท่านั้น ตอนแรกคาดว่าน่าจะมาจาก “การเทคอนกรีตที่มากเกิน” จน “ตัวโครงสร้างไม่สามารถรับน้ำหนักได้”
ต่อมามีการบอกว่า อาจมา “ดินที่ทรุดตัว” “อภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย”อธิบดีกรมทางหลวง บอกว่า เจอร่องรอยการทรุดตัวของดิน บริเวณฐานเสาค้ำยันด้านซ้าย “เอียง” ถึง 20 องศา แต่ทั้งหมดนี้ยังเป็นเพียง “ข้อสันนิษฐาน”เท่านั้น
นี่ไม่ใช่เคสแรกบนถนนพระราม 2 หากจำกันได้ เมื่อวันที่ 29 พ.ย.67 ก็เกิดเหตุ “แผ่นปูนถล่ม” บริเวณทางยกระดับบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ทำให้มีคนงาน “เสียชีวิต 6 ราย” และบาดเจ็บอีกหลายราย
และปี 66 หน้า Index Living Mall ถนนพระราม 2 ก็เกิดเหตุ “คานเหล็ก” หล่น ทำให้คนงานที่อยู่บนคาน “เสียชีวิต 1 บาดเจ็บ 1” และรถที่สัญจรไปมาบริเวณนั้นก็โดนลูกหลง เสียหายไปอีก 4 คัน
นอกจากนั้นปี 65 ก็มีอุบัติเหตุ “สะพานกลับรถ” บริเวณหน้าโรงพยาบาลวิภาราม สมุทรสาคร “ถล่มทับรถยนต์” มี “ผู้เสียชีวิต 2 ราย” บาดเจ็บ 2 ราย
นี่คือตัวอย่างอุบัติเหตุจากการก่อสร้างครั้งใหญ่ๆ บนถนนพระราม 2 ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด เพราะ “ดร.ธวัชชัย ปิยนนทยา” ประธานคณะทำงานปราบปรามการทุจริต พรรคไทยสร้างไทย เพิ่งออกมาเผยข้อมูลสำคัญ
ระบุชัดว่า ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ถนนเส้นนี้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นถึง “2,242 ครั้ง” ส่งให้มีประชาชน “เสียชีวิตถึง 132 ราย” และบาดเจ็บอีก 1,305 ราย
“ดร.ธวัชชัย” เล่าให้ทีมข่าวฟังข่าวว่า ถนนพระราม 2 คือเส้นทางที่อันตรายมากจากปัญหาการก่อสร้าง ทั้งสภาพผิวถนน การปิดเส้นทางเพื่อก่อสร้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไหนจะเรื่องเศษวัสดุก่อสร้างทางด่วน ที่หล่นลงมาโดนรถสัญจรไปมาอีก
“ตรงนี้เนี่ย ความปลอดภัยของประชาชนตอนนี้นะครับ ไม่อยากใช้ถนนพระราม 2 ที่ถล่มวันนี้เนี่ย คืออยู่หน้าบ้านผมเองอะ”
สะท้อนภาพ “ความประมาท” ของ “บริษัทที่รับเหมาก่อสร้าง” และ “ความหย่อนยาน”ของ “เจ้าหน้าที่รัฐ”ได้อย่างชัดเจน เพราะถึงเหตุจะเกิดเยอะขนาดนี้ แต่กลับยังไม่มีผู้รับเหมารายไหนถูกลงโทษจริงๆ จังๆ สักราย
“มาตรการพื้นฐานคือ มันต้องยึด(ใบอนุญาต) ต้องเอาบริษัทเนี่ยมาคุยเลย แล้วก็ทำภาคทัณฑ์ไว้เลยนะครับ ส่วนการชดใช้ ก็เป็นส่วนการชดใช้ไป”
กูรูรายเดิมยืนยันกับเราว่า แม้มีอุบัติเหตุมากมาย แต่ผู้รับเหมาที่เคยทำผิดพลาด จนก่อให้เกิดเหตุการณ์สูญเสียเหล่านั้น ก็ยังทำงานต่อไปได้ ทั้งที่ปกติแล้วน่าจะโดนยึดใบอนุญาต และห้ามทำงานต่อไปแล้วด้วยซ้ำ
{“ดร.ธวัชชัย” จาก พรรคไทยสร้างไทย}
** “ช่องโหว่” ที่หาคนผิดไม่ได้ **
ทำไมถนนพระราม 2 ถึงมีปัญหาอุบัติเหตุซ้ำซากแบบนี้กัน? “เอ้” ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตนายกสภาวิศวกร และอดีตนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) อธิบายให้ทีมฟัง เพื่อให้เข้าใจเบื้องต้นก่อนว่า การถล่มแบบนี้ ต้องดูจาก 4 ปัจจัย ดังนี้
1.“การออกแบบ” คือต้องดูว่าออกแบบ และวางขั้นตอนการก่อสร้างถูกต้องหรือเปล่า
2.“การก่อสร้างและควบคุมงาน” ต้องดูว่าทำตามแบบหรือเปล่า และใช้วัสดุตามที่กำหนดไว้ไหม
3.“การใช้งาน” ต้องดูว่าถูกประเภทหรือเปล่า เช่น สะพานออกแบบให้รับน้ำหนักได้เท่านี้ แต่รถที่วิ่งบรรทุกน้ำหนักเกินหรือเปล่า
และ 4.“เหตุสุดวิสัย” สามารถเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น ภัยพิบัติที่เกินกว่าโครงสร้างจะรับได้
ส่วนในกรณีล่าสุดบนถนนพระราม 2 อยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และไม่เคยถูกใช้งาน จึงเหลือเพียง 2 ข้อที่ต้องไปสืบหาความจริง คือ “การออกแบบ”และ “การก่อสร้าง”
แต่สาเหตุของอุบัติเหตุกว่า 2,000 ครั้งบนถนนเส้นนี้ อาจไม่ใช่แค่ปัญหาจากตัวบุคคล แต่เป็น “ช่องโหว่ทางกฎหมาย”มากกว่า
“มันมีที่ไหนในโลกอะ ที่หน่วยงานเจ้าของโครงการที่พัง ไปสืบสวนเอง ไม่มีในโลกนะ”
คนมักเข้าใจว่า เวลาเกิดเรื่องแบบนี้ องค์กรที่เกี่ยวข้องอย่าง “วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.)” หรือ “สภาวิศวกร” ต้องเข้าไปตรวจสอบ แต่จริงๆ แล้ว พวกเขาไม่มีอำนาจ
“วสท.” ก็เป็นเพียงสมาคม ที่เข้าไปช่วยในรูปแบบอาสา ส่วน “สภาวิศวกร”ก็มีอำนาจแค่ดูแล “วิศวกร”ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ตรงนี้ ดร.เอ้ พูดจากประสบการณ์ตรงของคนที่เคยดำรงตำแหน่งดูแลเลย
“เขาเลยโยนกลับไปหน่วยงาน ที่เป็นเจ้าของโครงการ ซึ่งไม่มีใครเขาทำในโลกหรอกครับ”
{“ดร.สุชัชวีร์”อดีตนายกสภาวิศวกร}
อย่างเคสล่าสุดก็คือ “กระทรวงคมนาคม” ที่เป็นทั้งเจ้าของโครงการและก็คนสืบสวนเอง เรื่องนี้จึงไม่ควรตั้งคำถามกับแค่ “ผู้รับเหมา” เพราะเวลาก่อสร้าง โดยเฉพาะงานของ “รัฐ” จะต้องมี “ผู้คุมงาน” ที่เป็น “ตัวแทนจากหน่วยงานรัฐ” มาตรวจสอบทุกขั้นตอนที่สำคัญ ในการก่อสร้าง
นั่นแปลว่า “ความผิดพลาด” ก็อาจมาจาก “เจ้าหน้าที่รัฐ” เองที่ “ไม่ได้คุมการก่อสร้างให้ได้มาตรฐาน” ซึ่ง “ดร.เอ้” ก็ตั้งคำถามว่า จะมีสักกี่คนที่กล้ายอมรับว่า คนของตัวเองมีความผิด
“หาหลักฐานไม่เจอ สุดท้าย มันก็ไม่มีคนทำผิด ไม่มีใครได้รับบทเรียนไง”
นี่คือภาพวงจรอุบาทว์ของการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่แม้จะเกิดเหตุหลายครั้ง “ผู้รับเหมา” ก็ไม่เคยได้รับโทษแต่อย่างใด คือนอกจากไม่โดนยึดใบอนุญาตแล้ว ยังสามารถทำงานต่อได้ เพราะ “ไม่มีหลักฐานว่าทำผิด”
แต่ล่าสุด “กระทรวงคมนาคม” เตรียมใช้นโยบาย “สมุดพกผู้รับเหมา” แล้ว คือหากพบว่ากระทำผิด นอกจากจะโดนโทษอาญาแล้ว ผู้รับเหมารายนั้นจะถูก “แบน” ห้ามเข้าร่วมประมูลงานของรัฐ ซึ่งน่าจะเริ่มใช้เดือน เม.ย.นี้
ทั้งนี้ ในมุมของ “ดร.เอ้” มองว่า การแก้ปัญหาวิธีนี้อาจไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ เพราะถึงจะถูกแบน ผู้รับเหมาก็ยังหาช่อง กลับมาประมูลได้อยู่ดี อย่างการสร้างบริษัทนอมินีขึ้นมา แล้วก็เนียนเข้าร่วมประมูลใหม่
ทางออกของเรื่องนี้ที่ควรจะเป็น จึงคือการตั้ง “คณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยสาธารณะ” เป็นหน่วยงานกลางที่มีความรู้ด้าน “นิติวิศวกรรม” และขึ้นตรงกับนายกฯ
เพราะการสืบหาข้อเท็จจริงต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งการสัมภาษณ์คน ตรวจวัสดุที่ใช้ในที่เกิดเหตุ ไล่เช็กตารางการตรวจงานของผู้คุมงาน เพื่อหาข้อเท็จจริง และที่สำคัญคือ“ความเป็นกลาง”เพื่อสร้างมั่นใจให้ประชาชน
“เวลาเกิดเหตุปั๊บ เขาลงไปตรวจสอบ เก็บข้อมูล และนำเสนอเอกสาร ที่มีความถูกต้องเป็นกลาง ให้ตำรวจให้อัยการ ไปฟ้องร้องผู้กระทำความผิดต่อไปนะครับ”
หากเรื่องนี้มีคนถูกฟ้อง และลงโทษเป็นตัวอย่างให้เข็ดหลาบ อุบัติซ้ำซากแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังทำแบบเดิม ตรวจสอบกันเอง ทั้ง ดร.เอ้ และ ดร.ธวัชชัย พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เดี๋ยวมันก็จะเกิดขึ้น “ซ้ำๆ” อีกแน่นอน
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **