xs
xsm
sm
md
lg

“แบนหมูเด้ง” หลุมพราง “การตลาดเกาะกระแส”? แนะกางหลักฐาน สู้ด้วยความจริง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



2 องค์กรพิทักษ์สัตว์ แท็กทีม PETA-Born Free “แบนหมูเด้ง”!! แต่เหมือน “ยิ่งแบน กลับยิ่งดัง” ถ้าถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม และยังมีฐานแฟนเหนียวแน่นเพียงพอ ย้อนรอยคนแบน องค์กรน่าเชื่อถือแค่ไหน? หวังดีต่อสัตว์ หรือแค่อยากได้กระแส

** ถูกเหน็บแรง “พีต้า” หรือ “ผีบ้า”? **

เป็นประเด็นให้ต้องมานั่งวิเคราะห์กันอีกครั้ง เมื่อองค์กรพิทักษ์สัตว์ระดับโลกอย่าง “PETA” และ “Born Free” จับมือกันออกแคมเปญ “แบนหมูเด้ง” ฮิปโปแคระ อินฟลูฯ ดัง ประจำสวนสัตว์เปิดเขาเขียว

โดยประกาศว่า “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว" อ้างว่า การเพาะพันธุ์สัตว์ป่าและกักขัง เป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ แต่จริงๆ แล้วทำเพื่อ “ผลประโยชน์ทางธุรกิจ” และตัวสวนสัตว์เองก็ “ไม่ได้มาตรฐาน” และนี่คือคำแถลงการณ์ของPETA

“ดูเหมือนว่าหมูเด้งคงจะต้องตายอยู่ในนั้น หมูเด้งรู้จักเพียงคอกที่แห้งแล้ง ปราศจากพืชผล และโอกาสที่จะมีประสบการณ์ในความกว้างขวาง หลากหลาย และความอบอุ่นของถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติที่แท้จริง ที่แอฟริกาตะวันตก”



ส่วน Born Free ก็ออกมาเรียกร้องให้นักท่องเที่ยว “ไม่สนับสนุนการกักขังสัตว์ป่า” แบบนี้ ด้วยการไม่ไปเที่ยวสวนสัตว์ หรือไม่แชร์ภาพลงบนโซเชียลมีเดีย

ร้อนถึง “แฟนๆ แก๊งขาหมู” ให้ต้องออกมาโพสต์ตอบโต้ต่อการแบนรอบนี้ บ้างตอกกลับแรงถึงขั้นถามว่า “พีต้า หรือ ผีบ้า กันแน่?”

บ้างถามกลับว่า หมูเด้งเกิดในสวนสัตว์ หากปล่อยคืนธรรมชาติ น้องจะรอดเหรอ บ้างก็สงสัยว่า ทำไมองค์กรนี้ จองเวรแค่กับประเทศไทย

“ไม่ได้มีแค่หมูเด้งตัวเดียวในไทยค่ะ ถ้าจะแบน คงแบนหมดทุกๆ สวนสัตว์โนโลกแล้ว ลำเอียงไปไหม เห็นดังหน่อยไม่ได้เนอะ”

ด้าน “ณรงวิทย์ ชดช้อย” ผู้อำนวยการสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ออกมาโต้เรื่อง “สวนสัตว์ไม่ได้มาตรฐาน” ทันทีว่า มีการตรวจประเมินสวัสดิภาพสัตว์ทุกปี ยืนยันว่าที่นี่มีการดูแลสัตว์ที่ได้มาตรฐาน

โดยภารกิจของสวนสัตว์มี 4 ด้านหลักๆ คือ “อนุรักษ์” “วิจัย” “การศึกษา” และ “พักผ่อนหย่อนใจ” ทำให้เรื่องที่ PETA บอกว่า ใช้หมูเด้งเพื่อผลทางธุรกิจนั้น “ไม่จริง” 



และเอาเข้าจริง “หมูเด้ง”ไม่ใช่เจ้าเดียวที่โดน PETA แบน ก่อนหน้านี้ไม่นาน องค์กรนี้ก็บุกไปถึง “สถานทูตไทย” ใน “ลอนดอน” เพื่อประท้วง “กะทิไทย” ว่าเป็น “อุตสาหกรรมที่โหดร้าย” จากการใช้ “ลิงเก็บมะพร้าว”อย่างทารุณ

เคสนี้ฝังไทยเราก็เคยออกมาโต้มานานแล้วว่า ลิงเก็บมะพร้าวถือว่าเป็น “ภูมิปัญญาท้องถิ่น”ของชาวบ้าน และมะพร้าวส่วนใหญ่ที่ขายในตลาดของไทย “ไม่ได้มาจากฟาร์มที่ใช้ลิง”เพราะผลผลิตที่เก็บได้มันน้อยมาก แต่ PETA ก็ยังโจมตีไทยประเด็นนี้มาตลอด ตั้งแต่ช่วงปี 2563


                                                  {PETA บุก“สถานทูตไทย” ในลอนดอน}

** ไทย “เข้มงวด” พอ แนะเอา “หลักฐาน” มากาง **

ลองมองย้อนกลับไป จะเห็นว่าหลายเรื่องที่ PETA ประท้วง ฝั่งผู้เกี่ยวข้องในไทยก็เคยออกมาโต้แย้ง แสดงเหตุผลพร้อมหลักไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเรื่องจะจบลง

ผลักให้เกิดความสงสัยว่า อะไรทำให้องค์กรระดับโลกอย่าง PETA มองไทยว่า “โหดร้ายกับสัตว์” ขนาดนั้น? จนต้องขอความรู้จากกูรูอย่าง “ดร.สาธิต ปรัชญาอริยะกุล”เลขาธิการและผู้อำนวยการ สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย (TSPCA) และนี่คือคำตอบจากคนในแวดวงเดียวกัน

“PETA สิ่งนึงที่เขามองเนี่ย เขาไม่เห็นด้วยกับการขังสัตว์ ไว้ในสถานที่ขังสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แคบ หรือว่าจะเป็นสวนสัตว์ เพราะเขามองว่า จริงๆ สัตว์เหล่านี้เนี่ย มันมีสิทธิที่จะต้องมีชีวิตอยู่ตามธรรมชาติ”

และ PETA ก็ไม่เห็นด้วย กับการเอาสัตว์มาใช้ประโยชน์ แต่ในไทยมองต่างออกไป สัตว์บางชนิดคนสามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องมี “การจัดสวัสดิภาพสัตว์ที่ดี” และมีกฎหมายช่วยคุ้มครองดูแล


                                          {“ดร.สาธิต”สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ฯ}

ที่สำคัญคือ กฎหมายเรื่องนี้ของไทย “เข้มงวดมาก”จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา อาจมีเคสสัตว์ถูกทารุณกรรมโผล่ขึ้นมาบ้าง แต่ยังถือว่าเป็นส่วนน้อย

เหตุผลหลักๆ เป็นเพราะ “คนไทยตื่นรู้”เรื่อง “สิทธิสัตว์”อย่างมาก จากข่าวที่เกิดขึ้นหลายๆ เคส ถ้าให้ยกตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ก็คือ กรณีน้องแมวในซีรีส์“แม่หยัว” ที่ถูกวางยาสลบเพื่อการแสดงอย่างไม่เหมาะสม

“ประชาชนผู้รักสัตว์ในเมืองไทย หรือองค์กรภาครัฐ-เอกชนเนี่ย ก็ตื่นตัวที่จะไปร้องทุกข์กล่าวโทษ แล้วก็บังคับใช้กฎหมายกันเต็มไปหมดเลย ผมเชื่อว่าถ้า(การทารุณกรรมสัตว์)มันเกิดขึ้นจริง คงไม่ต้องถึง PETA มั้งครับ”



กูรูด้านสิทธิสัตว์รายนี้มองว่า แทนที่จะประท้วง จนทำให้ภาพลักษณ์ไทยเสียหาย ไม่ว่าจะ “หมูเด้ง” หรือ “ลิงเก็บมะพร้าว” ทำไมไม่ส่งหลักฐานมาให้ไทย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินคดี

นี่จึงกลายเป็นคำถามว่า PETA ต้องการปกป้องสัตว์จริงๆ หรือเปล่า เพราะไทยได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจทุกครั้งที่เกิดประเด็น อย่างตอนประท้วงเรื่องลิงเก็บมะพร้าว “ผู้ประกอบกิจการกะทิ” ของไทย ก็จำเป็นต้องรับผลทุกครั้งไป



หลังจากออกมาโจมตีไทยครั้งนี้ ก็มีคนออกมาแฉ ถึงวีรกรรมการแบนแบบอิหยังวะ ของ PETA ทั้ง “แบนนมวัว” เพราะนมวัวมีให้ลูกวัวเท่านั้น ถึงขั้นเคยเรียกร้องให้ ไอศกรีมยี่ห้อดังอย่าง “Ben & Jerry’s” หันมาใช้ “นมมนุษย์” แทน




                                       {1-2 switch โดนแบนเพราะมีเกมรีดนมวัว}

ลามไปถึงแบนเกม “1-2 switch” ของ NITENDO เพราะมี Mini game “รีดนมวัว”และยังมีการประณามเกมดังอย่าง “pokemon”ว่าเป็น “การุณกรรมสัตว์” เพราะในเกมมีการจับสัตว์ ให้มาต่อสู้กัน ถึงขั้นลงทุน“สร้างเกมล้อเลียน”ในเวอร์ชั่นออกตัวเองด้วย



                                                  {Pokemon“การุณกรรมสัตว์”}


ความกาวขององค์กรนี้ยังไม่หมด การ์ตูนอย่าง“เต่านินจา” ก็ไม่เว้น ด้วยเหตุผลว่า เจ้าเต่าเหล่านี้ชอบกิน“พิชซ่า” ทำให้ PETA ร้อนขนาดเขียนจดหมาย ถึงผู้สร้างการ์ดตูนชุดนี้ ให้เปลี่ยนเต่าทั้ง 4 ตัวในเรื่อง กลับมากินผัก เหมือนในธรรมชาติ

และอีกเรื่องที่คิดได้ไงคือ ร้องเรียนให้ผู้ผลิตเครื่องเล่นสวนสนุก ในอเมริกา“หยุดผลิตม้าหมุน” เพราะเป็นการสอนเด็กๆ ให้ใช้ประโยชน์จากสัตว์ การเรียกร้องแบบป่วงๆ จากองค์กรนี้ยังมีอีกหลายเคส


                                   {“เต่านินจา” ก็ไม่เว้น PETA บอกกินพิซซาได้ไง}

แต่เรื่องที่ฉาวที่สุดคือ “ข่าวลือ”ที่พูดกันหนาหู ในโชเชียลฯ เมืองนอกอย่าง “Reddit” ว่า “หมา-แนว” ส่วนใหญ่ที่ PETA รับมาดูแลจะถูก “การุณยฆาต”หากหาคนมารับเลี้ยงไม่ได้

จากทั้งหมดนี้ก็หลายเป็นคำถามว่า “องค์กรนี้ยังน่าเชื่อถืออยู่อีกหรือ?”ตัวแทนจาก TSPCA ก็บอกกับเราว่า เรื่องนี้คงต้องไปคิดเอง ซึ่งส่วนตัวก็มองการเคลื่อนไหวของ PETA ว่า “ไร้สาระ” แต่...

“ความไร้สาระของ PETA เนี่ย มันสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น พูดง่ายๆ สรุปแบบชาวบ้านเลยอะ กำบั้นทุบดิน ทีนี้ผมว่าคนส่วนใหญ่ เขาก็ไม่ได้เล่นด้วย”

คนไม่เอาด้วย แต่ทำไมยังทำอยู่ กูรูรายเดิมไขข้อสงสัยให้ฟังว่า มันก็มี NGO หลายกลุ่ม ที่ใช้การเคลื่อนไหว “เพื่อสร้างผลประโยชน์”เพราะธุรกิจที่โดนโจมตี สิ่งที่เสียแน่ๆ คือ “ภาพลักษณ์”ต่อให้การโจมตีนั้นจะไร้สาระขนาดไหน มันเลยทำให้ มีหลายองค์กร “ยอมจ่าย”เพื่อให้หยุดการเคลื่อนไหว

ทั้งประเด็นที่ว่า มาตรฐานการดูแลสัตว์มีอะไรบ้าง ผ่านเกณฑ์กี่เปอร์เซ็นต์ หรือมีหน่วยงานไหนรับรองบ้าง เพื่อชาวโลกเห็นชัดๆ ว่า สวนสัตว์ไทยมีมาตรฐาน ปลอดภัย และน่าเชื่อถือเพียงพอ
“คุณไม่เคยเอาสิ่งเหล่านั้นมาพูดเลย พอ PETA พูด คุณก็มาแก้นิดๆหน่อยๆ”



หรืออย่างกรณี “ลิงเก็บมะพร้าว” ตัวแทนสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ฯ รายนี้ก็บอกว่า ได้เสนอภาครัฐไปตั้งแต่ปี 63 แล้วว่า “ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ” เพื่อหาหลักฐานว่า อุตสาหกรรมมะพร้าวไทย ทารุณกรรมลิงจริงไหม?

“ถ้าคุณไม่ดำเนินการอะไร มันก็จะเป็นแบบนี้ เดี๋ยวพอถึงวาระ ผ่านไป 4-5 ปี เขาก็เอาเรื่องเดิมมาพูดอีก”

** “ยิ่งแบน-ยิ่งดัง” ใครเกาะกระแสใคร? **

ในมุมนึงการออกมา “แบนหมูเด้ง” รอบนี้ น่าจะส่งผลตรงกันข้ามกับที่ PETA คิดไว้ เพราะกลายเป็นว่า “หมูเด้ง” กลับยิ่งถูกสปอตไลท์ส่องหนักกว่าเดิม จากภาพรวมที่กระแสก่อนหน้าเริ่มซาๆ ลงไปแล้ว

แบบนี้เรียกว่า “ยิ่งแบน ยิ่งดัง หรือเปล่า?” ขอให้กูรูด้านการตลาดชื่อดังอย่าง “ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” ช่วยวิเคราะห์ จึงได้แง่มุมที่น่าสนใจเพิ่มเติม...

“มี 2 เรื่องคือ PETA เนี่ย จับประเด็นที่ดัง หรือว่าหมูเด้งจะดัง เพราะ PETA อันนี้คุณว่าใครอาศัยใครกันล่ะ?”

ที่ผ่านมา องค์กรนี้ชอบทำการตลาดแบบ “Shock Marketing” คือจงใจสร้างความ “ตื่นตระหนก-ตกใจ” ให้กับคนในสังคม อย่างการต่อต้าน หรือประท้วงต่างๆ ทำให้กูรูรายนี้มองว่า “PETA อาศัยหมูเด้ง กรณีนี้”



“แต่หมูเด้งเอง ปล่อยไปนานๆ กระแสหมูเด้งเองก็จะตกนะ เพราะฉะนั้น หมูเด้งก็ต้องมีเรื่องพวกนี้เข้ามาด้วย ไม่งั้นมันไม่มีอะไรเข้ามา มันก็ค่อยๆ ร่วงลงไปเรื่อยๆ สังเกตไหม กระแสหมูเด้งเริ่มค่อยๆ โรยรา”

การที่ยิ่งแบน แต่ยิ่งดัน แบบนี้ถ้าวิเคราะห์ตามหลักการตลาดแล้ว ถึงจะเป็น“ข่าวเชิงลบ” แต่สุดท้ายก็ทำให้คนหรือแบรนด์ที่อยู่ในข่าว “กลายเป็นที่พูดถึง”

เราจะเห็นว่าหลายครั้ง “ดารา” หรือ “อินฟลูฯ” ที่คนเหมือนจะลืมๆ ไปแล้ว แต่พอมีข่าว พวกเขาก็กลับมาเป็นที่สนใจ บวกกับปัจจุบัน ข่าวที่ดูลบๆ ร้ายๆ ก็มักจะถูก “algorithm” ดันขึ้นมา ให้คนเห็นบนโซเชียลฯ มากกว่าข่าวทั่วไป

ส่วนข่าวเชิงลบจะส่งให้ดังหรือพัง “ธันยวัชร์” บอกว่าต้องดู 2 อย่าง อันแรก “ข่าวลบ” ต้อง “ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง” หรือไม่ได้เกิดจากตัวเอง อย่างกรณีหมูเด้ง น้องเป็นสัตว์จึงไม่สามารถก่อดรามาได้

ต่อมาก็ดูที่ “ฐานแฟนคลับ” ว่ารักเหนียวแน่น ถึงขั้นเป็น “สาวก”ไหมเพราะกลุ่มแฟนหรือฐานลูกค้าระดับนี้ จะพร้อมออกมาปกป้อง สิ่งที่พวกเขารัก ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ซึ่ง “แฟนคลับหมูเด้ง” ก็ถือว่าอยู่ในระดับนี้



“เช่น คุณเป็นดาราเกาหลี เป็นดาราจีนเนี่ย ต่อให้คุณทำผิดที่ไม่ร้ายแรงนะ มันก็จะมีคนออกมาปกป้อง โดยที่คุณไม่ต้องทำอะไรเลย”

ในทางการตลาด ข่าวเสียๆ หายๆ อาจมีการเอามาใช้เป็นกลยุทธ์ เพื่อให้ชื่อแบรนด์ หรือดารา กลายเป็นที่พูดถึง แต่ปกติจะไม่มีใครทำกัน มันอันตราย เพราะมีหลายอย่างที่คาดการณ์ไม่ได้ เช่น “กระแสสังคม”


                                                       {“ธันยวัชร์” กูรูด้านการตลาด}

สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “PETA (People for the Ethical Treatment of Animals)”,”Ben & Jerry's”, “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ,www.peta.org , screenrant.com , thetoyinsider.com



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น