xs
xsm
sm
md
lg

งบปีละ 100 ล้าน แต่บกพร่องทุกอย่าง!! "ประกันสังคม" วงในฟัน แก้ไม่ทัน รอวันเจ๊ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แฉ “งบประกันสังคม” ทั้ง “ดูงาน” “Call Center” “แอปฯ มือถือ” หมดไปทะลุ 100 ล้าน!! “แต่ใช้งานไม่ได้” วงในบอก ถ้าปล่อยให้รายจ่ายบาน เพราะ “งบแฝง” บวมแบบนี้ต่อไป นับวัน “เจ๊ง” ได้เลย

** มีแต่ “งบดูแลระบบ” ไม่มี “งบเพิ่มคน” **

เป็นประเด็นเดือดให้ผู้คนได้พูดถึง “ประกันสังคม” เมื่อ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.จากพรรคประชาชน ออกมากชำแหละ “งบประกันสังคม” ที่มีทริปบินไปดูงานของบอร์ดแพทย์ 6 วัน สำหรับ 10 คน แต่ใช้งบไปถึง “ 2.2 ล้านบาท”
รายละเอียดระบุว่า “ดูงาน 3 วัน” ที่เหลือคือ “สรุปผลการไปดูงาน” จึงถูก ส.ส.สาวฝีปากกล้าอย่างไอซ์ ตั้งคำถามต่อว่า กลับมาสรุปที่ไทยไม่ได้หรือยังไง จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าที่พักเพิ่มเติม


                                                 {“ไอซ์” ชำแหละ งบประกันสังคม}

ทั้งตั้งคำถามกลับไปยัง “พิพัฒน์ รัชกิจประการ”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กลางรายการ “กรรมกรข่าวคุยนอกจอ” ว่า แบบนี้เหมาะสมหรือเปล่า? และคำตอบที่ได้ก็คือ...
“แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าการไปดูงาน ไม่ว่างานมาก หรืองานน้อย ผมเชื่อว่าได้ประโยชน์”

อีกประเด็นที่ถูกแฉยับคือ “Call Center 1506”ของประกันสังคม ที่ใช้งบปีๆ นึง สูงถึงหลัก 100 ล้าน แต่ดันโทร.ติดยาก จน “สรยุทธ สุทัศนะจินดา”พิธีกรข่าวชื่อดัง ที่ขอลองโทร.ทดสอบกลางรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้”ถึงกับออกปากว่า “ไม่รอแล้ว”

เกิดอะไรขึ้นกับ “ผลของงบหลัก 100 ล้าน” ตรงนี้? คนที่จะให้คำตอบได้เป็นอย่างดี คงหนีไม่พ้นคนวงใน อย่าง “จั๊ก” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี วิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะกรรมการประกันสังคมสัดส่วนผู้ประกันตน

โดยบอร์ดประกันสังคมรายนี้บอกว่า นี่ไม่เกี่ยวกับระบบคู่สาย แต่เป็นปัญหาเรื่อง “บุคลากร” ที่ “ไม่เพียงพอ” และ “ไม่มีอำนาจ” ในการตอบคำถามบางอย่าง

“ด้วยระบบราชการ ที่มันเป็นคอขวดมากๆ มันไม่ได้มี authority ในการที่จะให้ข้อมูล กับผู้ประกันตนได้ครบถ้วน”



และไม่ใช่แค่เบอร์ที่ติดต่อยาก ช่องทางโซเชียลฯ อย่างทักแชทผ่าน inbox ในแฟนเพจของหน่วยงาน ก็มีสภาพไม่ต่างกัน เพราะเจ้าหน้าที่เป็น admin สามารถให้ข้อมูลได้แค่เรื่องพื้นฐาน แต่พอเป็นเรื่องสิทธิ์ในการรักษา หรือความรู้ต่างๆ เรื่องกฎหมาย กลับไขข้อสงสัยให้ไม่ได้

เมื่อไม่มีอำนาจเพียงพอในการให้ข้อมูลตรงนี้ จึงผลักให้ต้อง “โอนสายไปมา”ภายในหน่วยงาน บวกกับจำนวนผู้ประกันตนที่มีมากกว่า 24 ล้าน สุดท้ายก็กลายเป็นผลของการ “รอสายนาน”ไปในที่สุด

“มันต้องไปผ่านหัวหน้าA, ผอ.B, บางครั้ง ผอ.B ตอบไม่ได้ ก็ต้องไปถาม ผอ.อีกคนนึง ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแพทย์ เรื่องกฎหมาย เรื่องสิทธิประโยชน์อะไรต่างๆ มันเลยเป็นภาพคอขวดอย่างมาก”



                                          { “จั๊ก” บอร์ดประกันสังคมสัดส่วนผู้ประกันตน }

คำถามคือ งบดูแล “Call Center 1506” สูงแตะหลัก 100 ล้านต่อปี เป็นไปได้ยังไง ที่จะไม่สามารถจัดหาบุคลากรเพิ่มได้? บอร์ดประกันสังคมภาคประชาชนรายเดิมตอบว่า งบที่เห็นคือ “งบดูแลระบบ” แต่เรื่องการเพิ่มคนนั้น...

“มันไปติดอยู่ในระเบียบราชการต่างๆ ขาดคนที่มีแรงจูงใจ ในการที่จะมาจัดการเรื่องนี้ อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ที่อยู่ในระดับสำนักงาน ที่อำนาจบอร์ดก็ไม่สามารถล้วงเข้าไปได้” 



** “งบแฝง” เพียบ เตรียมเจ๊ง!! **

ปัญหานึงที่ประกันสังคมกำลังเจออยู่คือ “งบแฝง” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ “รายจ่าย” ของประกันสังคม “เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี” อย่างปี 63 มีจำนวนอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท แต่มาปี 66 กลับกระโดดมาเป็น 6,614 ล้านบาท

นอกนั้นคือความผิดพลาดในการบริหาร ที่ทำให้เกิดภาวะ “งบประกันสังคมบาน” ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อย่างงบปี 66 ที่สูงกว่า 6,000 ล้านบาท ส่วนนึงเป็นเพราะการอนุมัติงบในช่วง “โควิด”

บวกกับอีกปัจจัยนึงที่ผู้ประกันตนไม่เคยรู้เลย ก็คือ... “กระบวนการซื้อระบบ IT ภายใต้เงื่อนไขต่างๆ เป็นส่วนทำให้บาน และจะมีค่าใช่จ่ายเรื่องการ maintain สูงนะครับ”



การจัดซื้อจัดจ้างระบบ IT ต่างๆ เหล่านี้ มันมีงบแฝงอย่าง “ค่าดูแลระบบ” ซึ่งเป็นงบผูกพัน ที่ปีๆ นึงประกันสังคมต้องจ่ายเป็น “หลัก 1,000 ล้านบาท/ปี” หากลดงบพวกนี้ได้ รายจ่ายของประกันสังคมก็จะหายไปถึง 20%

“ผมไม่ได้มีปัญหา กับงบประมาณที่สูงนะครับ แต่ว่าผมมีปัญหา กับงบประมาณที่ไม่มีประสิทธิภาพ งบประมาณที่ไม่ได้เคลียร์ให้คนเข้าใจว่า มันมีงบผูกพันขนาดนี้”

ยกตัวอย่าง “SSO+” หรือ “SSO PLUS” แอปฯ ของประกันสังคม ที่สร้างเพื่อให้คนสามารถเข้าใช้บริการได้ง่าย ซึ่งใช้งบสร้างถึง “270 ล้านบาท” แต่ผลที่ได้คือ ระบบกลับ error บ่อย

“พูดง่ายๆ ว่า มันเป็นแอปพลิเคชันที่แพง แต่ว่ามันใช้งานได้ไม่ดีครับ”



ลองให้คาดการณ์แนวโน้มอนาคต เมื่อหน่วยงานเต็มไปด้วยช่องโหว่ขนาดนี้โดยเฉพาะประเด็น “การใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า” อย่างที่ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เคยวิเคราะห์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อนว่า “อีก 29 ปี”กองทุนนี้จะ “ไม่เหลือเงินสักบาท”

ด้วยเหตุผลที่ว่า “ไทยเป็นสังคมสูงวัย” ทำให้จำนวนแรงงานน้อยลง ซึ่งก็หมายถึง “มีคนจ่ายประกันสังคมน้อยลง”และคำนวณแล้วว่า ในปี 2597 ประกันสังคมจะ “ล้มละลาย”จึงต้องหาทางออกว่า จะทำยังไงให้ กองทุนประกันสังคม มีรายได้มากขึ้น


                                                 { “พิพัฒน์” รมว.กระทรวงแรงงาน }

ลองหยิบประเด็นนี้ มองผ่านเลนส์ตาบอร์ดวงในอย่าง “จั๊ก” โดยให้ช่วยวิเคราะห์ว่า กองทุนนี้มีโอกาสล้มจริงๆ หรือไม่?คำตอบที่ได้คือ “มีความเสี่ยง” ด้านคณิตศาสตร์ประกันภัยอยู่แล้ว จากปัจจัยเรื่องโครงสร้างประชากร “ผู้สูงวัย” ที่มากขึ้น ซึ่งถ้าบริหารดีๆ มันก็แก้ไขได้

แต่ปัญหานึงคือตอนนี้ “คนไม่เชื่อมั่น” ในการบริหารของประกันสังคม บวกกับระบบราชการที่ไม่ยืดหยุ่น ทำให้ตอนนี้เริ่มมีนักวิชาการหลายคน มองว่า “ประกันสังคม ควรออกจากระบบราชการ” แล้วหรือเปล่า?

ถึงแม้ทุกวันนี้ ประกันสังคม จะมีบอร์ดส่วนนึงมาจากการเลือกตั้ง แต่อำนาจที่ทำได้ก็แค่เพียง “กำหนดยุทธศาสตร์” แนวทางการลงทุน หรือแนวทางสิทธิประโยชน์ เท่านั้นเอง



แต่พอลงไปถึงขั้น “ระดับปฏิบัติการ” ก็จะเจอเข้ากับระเบียบราชการมากมาย และแนวทางที่บอร์ดยื่นไป จะถูกเอาไปทำจริงๆ ไหม ก็อยู่ที่ระดับผู้อำนวยการของแต่ละฝ่ายอีกที

จุดนี้เองที่ทำให้การบริหารไม่ยืดหยุน ผลักให้ส่งผลกระทบหลายอย่าง จนกลายเป็น “ช่องโหว่” ที่ไม่ตอบโจทย์ความเป็นจริง สุดท้ายก็ไม่ตรงตาม “ความต้องการของผู้ประกันตน” เพราะนโยบายส่วนใหญ่ถูกยึดให้ผูกติดกับ “ระเบียบข้าราชการ” มากจนเกินไป



สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : IG @nanaicez, Facebook “พิพัฒน์ รัชกิจประการ Phiphat Ratchakitprakarn”, “กระทรวงแรงงาน”, “สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน - Social Security Office”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น