xs
xsm
sm
md
lg

Amazing จนต้องบินมาจองตัว!! “เงือกจิ๋ว 5 ขวบ” พรสวรรค์ที่ “โค้ชระดับโลก” ต้องขอเทรนด์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดความน่าทึ่ง เจ้าของฉายา “เงือกจิ๋ว” วัย 5 ขวบ ที่กำลังเป็นไวรัลในวงการว่ายน้ำ สกิลเก่งเกินวัย “ท่าผีเสื้อ” ว่ายยาวไม่หายใจ จนโค้ชระดับโลกเอ่ยปากว่า “Amazing” ขอบินตรงมาดูตัว พร้อมผลักดันให้คว้าชัยโอลิมปิก ฝันทำลายสถิติโลก!!

งัดสกิล “ท่าผีเสื้อ” จนไวรัล

ตั้งแต่วันแรก โค้ชก็บอกเลยว่า วาณญาต้องไปโอลิมปิก เราก็ไม่เชื่อหรอก ที่บ้านก็ไม่เชื่อ กลัวว่าจะมาหลอกขายของ หลังจากนั้นเรียนไป ใน เดือน ก็ค่อยๆ มูฟคลาสขึ้นไป จนไปเรียนกับเด็กโตขึ้นเรื่อยๆ ขึ้นไปเรียนกับวัยรุ่นในตอนสุดท้าย ตอนนั้นน้องยังไม่ ขวบเลย แต่ต้องเรียนกับเด็กที่อายุ 10 ขวบกว่าๆ ทักษะเขาเป็นประมาณนั้น

“แฟรงค์-รักสกุล ไม่สูญผล” คุณพ่อของ “วาณญา ไม่สูญผล” นักว่ายน้ำ เจ้าของฉายา “เงือกจิ๋ว” วัย 5 ขวบ ที่กำลังเป็นไวรัลในแวดวงการว่ายน้ำ กับสกิลการว่ายที่เก่งเกินวัย โดยเฉพาะ “ท่าผีเสื้อ” ที่เป็นไวรัลไปทั่ว TikTok

จนความสามารถได้รับความสนใจจากสื่อชั้นนำทั่วโลก ทั้ง Reuters, CNN, BBC และ TBS จากญี่ปุ่น ที่ได้นำเสนอเรื่องราวความสามารถ เจ้าเงือกจิ๋วของไทย จนดังไปทั่วโลก

 
 

 

นอกจากนี้ นักว่ายน้ำแชมป์โอลิมปิก 2016 อย่าง “เพอร์เนล บลูม(Pernille Blume)” ที่ได้เห็นคลิปไวรัลนั้น ยังยืนยันว่า เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก

“มันก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นจากคลิปไวรัลเนาะ คลิปว่ายน้ำของน้อง มันมาจากการที่เราลงพัฒนาการลูก ตั้งแต่เขาแรกเกิด เพราะตอนแรกเกิด เกิดมาตอนช่วงโควิด ก็ไม่ได้เจอครอบครัว ทุกวันก็กินข้าว โฮมสคูลลูก ตอนโควิด ไปโรงเรียนไม่ได้ ทีนี้วิชาว่ายน้ำก็พ่วงมา เราถ่ายทีนึง ก็ได้ดูทั้งครอบครัวเลยทีเดียว”

คุณพ่อบอกว่า ปกติก็โพสต์คลิปของลูกไว้ดูอยู่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่า ท่าว่ายน้ำผีเสื้อของน้อง จะเป็นไวรัล และได้รับความสนใจไปทั่วโลกขนาดนี้

“โพสต์ในเรื่องชีวิตประจำวันของวาณญาอยู่แล้ว เพื่อให้ครอบครัวได้ดูแค่นั้นเอง แล้วว่ายน้ำก็ติดเข้ามา เป็นแค่นั้นเองครับ จริงๆ อันนั้นเป็นอันแรก ที่มันไปเป็นล้านๆ หลาย 100 ล้าน (วิว) นอกนั้นก็เป็นเด็ก เป็นชาวบ้านทั่วไป ที่มียอดวิวแบบคนทั่วไปครับ

ส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติมากกว่า มาบอกว่าคุณสอนลูกคุณเองเหรอ ทำยังไง เพราะว่าค่าใช้จ่ายโค้ชว่ายน้ำที่ต่างประเทศ มันสูงมาก ยิ่งเด็กยิ่งสูง มันก็เลยเป็นเรื่องที่ยาก ที่เด็กๆ อายุน้อยๆ จะว่ายเก่งขึ้นมาได้ มันก็ใช้ทุนทรัพย์สูงมาก ถ้าอยู่ต่างประเทศ เขาก็ถามว่า ทำยังไงให้ลูกว่ายได้อย่างนี้ ในอายุประมาณอย่างนี้”




วาณญา ซึ่งเริ่มฝึกว่ายน้ำ ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ในช่วงการระบาดของโควิด โดยมีคุณพ่อเป็นคนฝึกให้ ด้วยการเรียนรู้ ในคลิปทาง YouTube จากโค้ช “เจมส์ กิบสัน(James Gibson)” โค้ชว่ายน้ำระดับโลก จาก World Aquatics

เธอถือว่า มีความโดดเด่นด้วยทักษะการว่ายน้ำที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไป โดยเฉพาะท่าผีเสื้อ และความสามารถในการว่ายเร็วโดยไม่หายใจ ซึ่งเป็นทักษะขั้นสูงที่นักว่ายน้ำระดับโลกหลายคน ก็ต้องฝึกฝนกันอย่างหนักเพื่อให้สามารถทำได้ และเธอทำได้ ด้วยอายุยังน้อย

[เริ่มฝึกว่ายน้ำตั้งแต่อายุ 6 เดือน]


“จริงๆ มันเป็นไฟต์บังคับตอนโควิด เราจะต้องโฮมสครูลูก แล้วก็ว่ายน้ำ มันเป็นหนึ่งในวิชาที่เราต้องสอน ในหลักสูตร สอน ไม่ใช่ว่าสอนให้เป็นนักว่ายน้ำแข่งขัน เราสอนแค่ให้เล่นน้ำ แล้วไม่จมน้ำ เอาตัวรอด เป็นวิชาพละมากกว่า

2 ขวบ นี่คืออยู่ในน้ำได้ตลอดเวลาแล้ว นานเลย ไม่ต้องโยนอะไรไปให้เกาะเลย พอ3ขวบครึ่ง เริ่มหัดท่าฟรีสไตล์ หัดที่บ้านเองเนี่ยแหละ

พอเริ่มว่ายได้ เราไม่ใช่มืออาชีพ ก็ให้น้องไปเรียนกับโค้ชชาวอังกฤษท่านนึง เรียนอยู่ 6 เดือน โค้ชก็บอกว่า คุณไปต่อด้วยตัวเองได้แล้วแหละ ก็เลยหัดกันเองต่อ แล้วก็พาเขาไปแข่งว่ายน้ำ เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอมซัมเมอร์ ครั้งแรกก็ได้ที่หนึ่ง ท่าผีเสื้อ”

สาวน้อยมหัศจรรย์ เจ้าของไวรัลนี้ เธอยังบอกอีกว่า เธอชอบว่ายน้ำ เพราะรู้สึกว่ามันสนุก โดยเฉพาะท่าผีเสื้อ ที่ว่ายแล้วรู้สึกว่าสวย

เพราะว่าสนุกค่ะ น้ำก็เย็นเหมือนกันค่ะตอนว่าย ชอบท่าผีเสื้อ เพราะว่าตอนว่ายสวย


Amazing จนสมาคมว่ายน้ำโลกบินมาหา

ไม่ใช่แค่นั้น ความสามารถที่เก่งกว่าเด็กวัยเดียวกัน อย่างเห็นได้ชัด ยังไปสะดุดตาถึงขั้นที่โค้ชระดับโลก ให้การยอมรับ และ “ฮุสเซน อัล มุสซาลาม (Husain Al Musallam)” ประธานสมาคมว่ายน้ำโลก หรือ “World Aquatics” ถึงขั้นขอบินตรงมายังประเทศไทย

เพื่อมอบทุนการศึกษา ให้ไปเรียน และพัฒนาเทคนิคการว่ายน้ำ และเชิญไปชมการแข่งขัน ระดับใหญ่ของโลก ที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการีอีกด้วย

“อยู่ดีๆ วันนึง สมาคมว่ายน้ำเขาก็ติดต่อเข้ามา นี่คือลูกคุณเหรอ การว่ายแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติ เขาจะเข้ามาช่วยดูแลวาณญา เข้ามาสอน สมาคมว่ายน้ำโลก ก็คือ World Aquatics ครับ ที่สวิตเซอร์แลนด์ จากโค้ช ชื่อ “เจมส์ กิบสัน(James Gibson)” โค้ชประธานเทคนิคของสมาคมว่ายน้ำโลกครับ ติดต่อเข้ามาพูดคุย ให้คำแนะนำเรื่อง Coaching ตั้งแต่วันนั้นมา

เขาก็พูดในโซเชียลมีเดียเลย ตั้งแต่วันแรกที่คุยกัน เขาขอเอาวิดีโอนี้ไปแชร์ใน โซเชียลมีเดียของเขา เขาแคปชั่นว่า นี่คือวิดีโอที่ Amazing ที่สุด ที่ฉันเคยเห็นมา ในการว่ายน้ำ ก็เป็นคลิปว่ายน้ำของวาณญา ตอน 4 ขวบ ที่เขาเอาไปลง

ไม่ใช่เรื่องปกติที่มนุษย์จะทำได้นะครับ มันมีข้อจำกัดหลายอย่างครับ เช่น ปริมาณออกซิเจนในร่างกาย กับกำลังที่ต้องใช้ กับระยะทางที่ต้องใช้ ที่เขาต้องว่าย โดยที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาหายใจ มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยาก เป็นทริกสำหรับนักว่ายน้ำผู้ใหญ่ สถิติโลกอยู่ประมาณ 24 วินาที สำหรับผีเสื้อนะครับ

ความรู้สึกก็แล้วไงต่อเหรอ เราจะต้องเป็นนักว่ายน้ำเหรอ ก็ยังเป็นคำถาม จนวันที่เจมส์มาเจอที่ประเทศไทยเนี่ยแหละ สงสัยมันจริงแล้วแหละ เขาไม่ได้พูดเล่นแล้ว ว่าเราควรจะเป็นนักว่ายน้ำ เขามาหาจริงๆ พาประธาน World Aquatics มาหาจริงๆ ตอนที่จะไปบูดาเปสต์ สองจิตสองใจ ยังไม่เชื่อว่าเราจะได้ไป จนตั๋วเครื่องบินมา ถึงได้บอกคนอื่น”

[ฮุสเซน อัล มุสซาลาม ประธานสมาคมว่ายน้ำโลก]


[โค้ชเจมส์ กิบสัน]

การพบปะพูดพูดคุยครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 หลังจากนั้น 6 เดือน โค้ชเจมส์ ก็พาประธานสมาคมว่ายน้ำโลก World Aquatics มาที่สระที่วาณญา ใช้ซ้อมเป็นประจำ

“ก็มาพูดคุยที่สระนี้ เรื่องอนาคตวาณญา วันนั้นมาอีกท่าน คุณเพอร์เนล บลูม(Pernille Blume) ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำแชมป์โอลิมปิก 2016 ลงมาว่ายกับวาณญา ที่สระนี้ด้วย ก็จะมา 3 ท่าน

ผมก็ถามเขาว่า พวกคุณมาหาพวกเราทำไม โค้ชเจมส์ก็บอกว่า ผมมาหาคุณเพื่ออยากจะบอกคุณว่า ลูกคุณมีพรสวรรค์ ควรจะเป็นนักว่ายน้ำ ผมก็เลยบอกโค้ชเจมส์ว่า ไม่ได้เตรียมตัว เพื่อให้น้องมาเป็นนักว่ายน้ำ ผมก็ไม่ได้อยากให้น้องเป็นนักว่ายน้ำ ไม่ได้วางเส้นทางชีวิต เพื่อให้เขาเป็นนักว่ายน้ำ เพื่อมาเจอคุณ ในระดับโลกแบบนี้

แล้วผมก็ไม่ได้มีความรู้ ไม่ได้เตรียมเส้นทาง ก็คืองบประมาณเอาไว้ เพื่อจะพาน้องไปเป็นนักว่ายน้ำ ทีนี้เจมส์ก็เลยบอก เดี๋ยวพวกเราดูแล เดี๋ยวคุณอยากไปงานชิงแชมป์โลกที่ไหน

จีน เกาหลี หรือสิงคโปร์ แล้วก็บูดาเปสต์ที่สุดท้าย แล้วก็คุณก็จะได้ไปซ้อมที่นั่นด้วย เราเลือกไปบูดาเปสต์ ฮังการี ก็เลยเกิดเหตุการณ์ที่เราได้ไปบูดาเปสต์ จากวันนั้นที่เขาบอกจะช่วยเหลือ เรื่องการสนับสนุน การเจริญเติบโตของวาณญา ทางเรื่องการว่ายน้ำครับ”


คุณพ่อบอกอีกว่า ถ้าไม่ได้เจอกับโค้ชเจมส์ วาณญา อาจจะเลิกว่ายน้ำไปแล้ว เพราะอย่างที่บอกว่า ครอบครัว ไม่ได้อยากให้น้องเป็นนักว่ายน้ำตั้งแต่แรก เป็นเพียงแค่กิจกรรมนึง ที่อยากให้ลูกได้ทำแค่นั้น

“ก็บอกเจมส์ว่า ถ้าคุณไม่เข้ามาในชีวิตพวกเรา พวกเราอาจจะเลิกว่ายน้ำไปแล้วนะ เพราะว่าอย่างที่บอก เราไม่ได้อยากให้น้องเป็นนักว่ายน้ำ เป็นแค่กิจกรรมทั่วไปเฉยๆ เราก็ไม่ได้คิดที่จะจริงจังนะ

ถ้าคุณไม่เข้ามาในชีวิตเรา วาณญาจะว่ายครั้ง2ครั้งต่อสัปดาห์ ปีนึง ซัมเมอร์แข่งทีนึง ก็เป็นคนทั่วไปเรื่องว่ายน้ำ เราไม่ได้ซ้อมทุกวัน มันก็ไม่ได้เกิดการพัฒนา ก็มีเขาเนี่ยแหละเข้ามา แล้วบอกว่า มันต้องเป็นอย่างนี้ เราถึงต้องติดพันกับเรื่องว่ายน้ำ มันเป็นชีวิตเลย”

เจ้าของฉายา ที่หลายคนยกให้ว่าเป็นเจ้าเงือกจิ๋ว เธอเล่าถึงประสบการณ์ ที่ได้ไปดูการแข่งขันระดับโลก ที่บูดาเปสต์ว่า เธอรู้สึกสนุกมาก จนไม่อยากกลับมาเลยทีเดียว แถมยังตื่นเต้นอีกด้วย ที่ได้ไปเจอรุ่นพี่ นักว่ายน้ำระดับโลกอีกหลายคน โดยเฉพาะ “ไอแซก คูเปอร์ (Isaac Cooper)”แชมป์โลกคนโปรดของเธอ จากออสเตรเลีย

“จำได้ค่ะ เจอ Isaac Cooper, Noe Ponti, Gretchen Walsh, Summer McIntosh, Lani Pallister”


[Isaac Cooper แชมป์โลกท่ากรรเชียง]


[Noe Ponti เจ้าของสถิติโลกท่าผีเสื้อ]


[Gretchen Walsh แชมป์โลก เจ้าของสถิติโลกท่าผีเสื้อ]


[Summer McIntosh เจ้าของ 3 เหรียญทอง Paris Olympics]


[Lani Pallister แชมป์โลก Freestyle 800 เมตร]

นอกจาก “ไอแซก คูเปอร์ (Isaac Cooper)”เธอยังมีไอดอลอีกคน นั่นก็คือ “ซาราห์ สโยสตรอม (Sarah Sjöström)” นักว่ายน้ำชาวสวีเดน ที่เชี่ยวชาญด้านการว่ายฟรีสไตล์ และผีเสื้อ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักว่ายน้ำ ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดตลอดกาล

ในขณะที่คุณพ่อ เล่าถึงประสบการณ์ที่น่าประทับใจ หลังจากที่ไปเยือนบูดาเปสต์ ประเทศฮังการีว่า มีนักว่ายน้ำต่างประเทศ มาขอถ่ายรูปมากกว่าที่เราไปขอถ่ายรูปเขาอีก

“ส่วนใหญ่เขารู้จักเราก่อน ทั้งนักว่ายน้ำ ทั้งโค้ช เข้ามาขอถ่ายรูปกันหมด ทั้งโค้ช ทุกทีมชาติ เดินตามถ่ายรูปกันหมด ก็มีโค้ชในมหา’ลัย เข้ามาพูดคุยว่า อาจจะได้เจอกัน”




ซ้อมหนัก เล่นก็ต้องหนัก

แม้จะต้องซ้อมหนักแค่ไหน แต่ก็จะไม่เอาความกดดันมาให้ลูกแบกรับ เพราะเด็กยังไงก็คือเด็ก ฝันให้ไกล แต่ก็ต้องอยู่กับปัจจุบันด้วย โดยอยากให้วาณญาไปทีละขั้นตอน เพื่อให้ได้สนุกและเติบโตแบบเด็กทั่วไปที่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และตามเทศกาลต่างๆ

“ฝรั่งซ้อมหนักมาก หนักมากๆ เลย เราว่าคนไทยซ้อมหนักแล้วนะ ฝรั่งซ้อมหนักมากๆ เรื่องทักษะ เทคนิคแล้ว แล้วก็เป้าหมายของนักว่ายน้ำแต่ละคน จะฝึกท่านี้เพื่ออะไร คุณเป็นนักว่ายน้ำระยะสั้น ระยะยาว ท่ากรรเชียง ฟรีสไตล์ กบ มันก็จะมีแบบฝึกหัด ที่ไม่เหมือนกัน ก็จะเป็นเรื่องของการจัดระเบียบร่างกาย ตามอายุครับ

บางมูฟเมนต์ บางท่า เขายังยกไหล่ไม่ขึ้น เขาจะให้ใช้ไหล่มากขึ้น บางท่าอาจจะต้องเก็บคาง ชิดที่หน้าอก เก็บให้มากขึ้น ก็คือเป็นเรื่องของการจัดระเบียบร่างกาย แล้วก็เรื่องแบบฝึกหัด ที่ต้องเป็นการบ้าน ระหว่างที่เราจะต้องเจอกันรอบต่อไป เขาจะให้แบบฝึกหัดมา ว่าจะทำอะไรบ้าง

ด้วยความที่เขายังเป็นเด็ก ก็ยังต้องฝึกทุกท่าอยู่ จะฝึกทุกท่าให้เก่งขึ้นไปก่อน แต่ท่าหลักต้องมี ท่าหลักก็คือ ผีเสื้อ ฟรีสไตล์ 2 ท่านี้ เป็นท่าหลัก ก็มีแบบฝึกหัดของเขาอยู่ ก็มีท่าของเขาอยู่ แล้วก็วิธีการฝึก

พอเรารู้แล้วว่า วาณญา น่าจะเป็นนักว่ายน้ำระยะสั้น วิธีการฝึกมันก็อีกแบบนึง จะไม่วนไปว่าย วนไปกลับไป กลับไปกลับมา คราวนี้เป็นเรื่องของการ เหมือนนักวิ่ง 100 เมตร ก็วิ่งสั้น กระโดดขาสั้นๆ กระโดดฟอร์มสั้นๆ แล้วก็วิ่งเร็ว ไปกลับๆ เป็นเรื่องของนักว่ายน้ำระยะสั้น

ก็คือเป็นเหมือนนักเรียน ที่ต้องเรียนทุกวัน ลักษณะนี้เลยครับ เรียนว่า วิธีแบบฝึกหัดนี้ทำเพื่ออะไร ทำทำไม ความหวังผลจากแบบฝึกหัดนี้คืออะไร คือการที่จะ ยกไหล่ค้างเอาไว้ สมมติจะยกไหล่อย่างนี้ ทำไปเพื่ออะไร

จริงๆ แล้วไม่ง่ายนะ แต่วาณญาทำได้ไม่ยากเลย ก็จะเป็นเรื่องของพรสวรรค์ ท่านี้ ผู้ใหญ่ยังยากเลย วาณญาทำทางยาว ก็เหมือนฝึกพิลาทิส โยคะที่ต้องค้างไว้นะ ถ้าล้มก็คือ เรื่องบาลานซ์คุณไม่ดี”



หลังจากที่โค้ชเจมส์ เข้ามาดูแลเรื่องการฝึกให้ ก็ช่วยกันคอนเฟิร์มแล้วว่า วาณญา น่าจะเป็นนักว่ายน้ำระยะสั้น เพราะมักจะจะมีวิธีการว่ายจากฝั่งถึงฝั่ง แบบไม่เงยหน้า และเป็นระยะสั้น

สำหรับวิธีการว่ายน้ำ ของวาณญานั้น คุณพ่อบอกว่า จะเป็นตัวของตัวเอง คือไม่ได้ตามทฤษฎีจ๋า ว่าจะต้องยกกี่แขน ยกสูงเท่าไหร่ แตะขากี่ครั้ง แต่เขาจะว่ายไปตามพรสวรรค์ สัญชาตญาณ แล้วก็ถูกกติกา แล้วก็ไปด้วยธรรมชาติของตัวเอง

ส่วนตารางการซ้อม หลังเลิกเรียนในแต่ละวันนั้น คุณพ่อบอกอีกว่า ทุกวัน จะพยายามฝึกซ้อมให้ครบ 4 ท่า แต่แน่นอนว่าเวลาที่เราเทไปในแต่ละท่า มันไม่เท่ากัน ท่าที่ไม่ใช่ท่าหลักของเรา เราก็ทุ่มเทเวลาให้เขาน้อยที่สุด ส่วนท่าผีเสื้อ กับฟรีสไตล์ ก็จะค่อนข้างที่จะทุ่มเทมากที่สุด ในการฝึกซ้อม

“ต้องว่ายให้ครบทุกท่า ต้องให้กล้ามเนื้อได้ใช้ทุกส่วน เพื่อที่จะมาช่วยท่าหลักของเราด้วยครับ แต่แน่นอนทุกคนจะมีท่าที่อ่อนที่สุด แล้วก็มีท่าที่แข็งที่สุด ทุกคนจะเป็นเหมือนกันหมด”


และสิ่งสำคัญหลังจากที่ซ้อมอย่างหนักทุกวันแล้ว คุณพ่อบอกอีกว่า ต้องรู้จักสมดุลชีวิตให้กับเขาด้วย เพราะอย่าลืมว่า เขาก็ยังเป็นเด็ก ที่สำคัญคือเรื่องวินัย ที่ค่อนข้างที่จะซีเรียส

“ยากมากเลยครับสมดุล เราไปที่นอกสระเลยดีกว่า เพราะตรงนี้มันก็เป็นเวลาทำงาน เพราะฉะนั้นนอกสระก็เล่นเต็มที่ อย่างภาษาฝรั่งเขาเรียก work hard play hard คือ work hard เสร็จ ต้องออกไปเล่นให้หนัก เหมือนที่เราทำงานหนัก เสาร์-อาทิตย์ เราต้องมีเวลาให้เขา ผมก็ต้องมีเวลาพาเขาไปเล่น ก็เล่นกับเขา แล้วก็หลายๆ อย่าง”



 
และแรงผลักสำคัญ ในการสร้างวินัยให้กับลูก คือการบอกให้เขารู้ว่า การทำงานหนัก ก็จะได้มาซึ่งผลตอบแทนที่ค่อยข้างจะคุ้มค่า

“อย่างที่เราไปบูดาเปสต์ เขามีคนขับรถ มีผู้ช่วยคนเดินตาม เป็นฝรั่ง ผู้ช่วยเดินติดตาม มีคนล้อมรอบหมด ด้านหลังที่ไม่เห็น มีคนเดินตามวาณญาเต็มไปหมดเลย มีขึ้นรถตู้ยี่ห้อแพงๆ ที่เราไม่มีทางซื้อได้ ก็บอกว่าเนี่ย มันมาจากความสามารถของคุณ ถ้าคุณไม่ได้ว่ายน้ำได้อย่างนี้ คุณไม่ได้มาฝึกซ้อมทุกวันอย่างนี้ คุณก็ไม่ได้กินอยู่อย่างนี้ ในโรงแรมอย่างนี้ นั่งรถแบบนี้

แต่เพราะคุณว่ายน้ำ คุณก็เลยได้นั่งรถเบนซ์ รถตู้มีคนขับรถ กระเป๋าไม่ต้องถือเอง พ่อแม่ก็ไม่ต้องถือกระเป๋าเอง มันมาจากการทำงานหนักของเขา ถ้าเขาทำงานหนักในเรื่องที่เขาเก่ง ที่โค้ชระดับโลกมาบอกแล้ว คุณเป็นอย่างนี้ แล้วคุณทำสิ่งนี้ รางวัลที่ได้ตอบแทน มันก็จะคุ้มค่า”

[รางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมอันดับ 1]




เชื่อถ้ามีพรแสวง ไปได้ไกลกว่าพรสวรรค์

สำหรับวิธีดูว่าลูกมีพรสวรรค์ด้านไหน อย่างแรกที่ครอบครัวนี้ดู คือความชอบของลูก ให้สังเกตว่า ถ้าเขามีเวลาอยู่กับอะไรได้ทั้งวัน นั่นแหละคนเป็นพ่อแม่ควรสนับสนุน

นอกจากการว่ายน้ำ เวลาว่างอื่นๆ สิ่งที่วาณญาเลือกทำ ก็ยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้ำ นั่นคือการไปเล่นสวนน้ำ ที่เธอสามารถแช่ตัวกับน้ำได้เกือบทั้งวัน เพราะเธอบอกว่า มันเย็นสบาย และสนุกทุกครั้งที่ได้เล่น และนอกจากนั้น ก็จะชอบไปปั่นจักรยาน ขี่สกูตเตอร์ และเล่นตามสบาย ตามฟรีสไตล์ อื่นๆ ที่เด็กคนอื่นเขาชอบทำ

“อย่างแรกต้องดูความชอบของลูกก่อน ถ้าชอบอะไร แล้วถ้าเขามีเวลาอยู่กับมันได้ทั้งวัน แล้วเขาจะเก่ง เก่งกว่าคนที่มีพรสวรรค์ แต่ขี้เกียจก็ได้ เพราะฉะนั้นอยู่ที่ความชอบหมดเลย แล้วพ่อแม่ก็ต้องมีเวลาให้ด้วย ที่จะคอยสนับสนุน คอยสังเกตว่าลูกชอบดีไหม ถูกต้องไหม แล้วช่วยอะไรเขาได้ไหม

เพราะว่าต่อให้ไม่มีพรสวรรค์ ถ้าเขาชอบ เขารักมัน เขาจะใช้พรแสวงสู้ จนมันเก่งได้ อย่างแรกต้องมีเวลาให้ แล้วก็ดูว่าเขาชอบอะไร


ทางด้านดนตรีเนี่ย พอเราทำอาชีพนี้ เราก็เลยรู้ว่า อะไรที่เรานำเสนอเขาไป เขาตอบสนองได้ขนาดไหน เรียนรู้ได้เร็วขนาดไหน เราก็เลยตอบได้ว่า ทางนี้มันอาจจะไม่ใช่ทางของเขา ยกเว้นเขาชอบจริงๆ แต่ก็เลยมาเจอว่ายน้ำก่อน ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก World Aquatics เข้ามาว่า วาณญาควรจะเป็นนักว่ายน้ำ มันก็เลยมาถึงจุดนี้”



นอกจากนี้ คุณพ่อยังเชื่ออีกว่า คนที่มีพรแสวง สามารถไปได้ไกลกว่าคนที่มีพรสวรรค์ ก็เป็นได้ ขอแค่ตั้งใจจริง และชอบในสิ่งนั้นจริงๆ

“เป็นไปได้ครับ อย่างแรก เขาซ้อมอยู่กับมันทั้งวันทั้งคืน แต่ก็ได้รับความช่วยเหลือ ได้รับความสนับสนุน ได้รับการสอน ได้รับการ Coaching ที่ถูกต้อง ที่ดี มันก็จะช่วยเขาได้ มันก็ผสมผสานกันไป แต่ถ้าเกิดคนที่มีพรสวรรค์และได้พรแสวงด้วย มันจะอีกขั้นนึง พรแสวงนี่ พ่อแม่ต้องช่วยผลักลงน้ำหลายครั้ง”

ยอมรับว่า หลังจากโค้ชเจมส์เข้ามาดูแลในเรื่องของการฝึก ที่ไม่ใช่แค่ฝึกว่ายน้ำน้ำเท่านั้น แต่เข้ามาดูแล ทั้งเรื่องในสระ เรื่องนอกสระ ชีวิตส่วนตัว ทั้งหมดด้วย นั่นจึงทำให้ทัศนคติ และมุมมองของคุณพ่อเปลี่ยนไป หลายคนอาจจะคิดว่า การไต่ระดับในการแข่งขัน และกวาดรางวัลมาครอง แต่ไม่ใช่สำหรับวาณญา เพราะเป้าหมายมันมากกว่านั้น

“เปลี่ยนเรื่องของมุมมอง ทัศนคติในเรื่องของการฝึกซ้อม บางอย่าง มันจะใช้เวลา ในการรอความสำเร็จหลายปี ที่เราฝึกกันนี้ กว่าจะสำเร็จ

ทำให้มันว่ายได้เร็วขึ้น อาจจะต้องรอหลายปี เราต้องเริ่มทำเลย เมื่อร่างกายเขาพร้อม เขาจะรู้ว่าต้องทำยังไง ทุกอย่างมันคลิก ถ้าพัฒนาการมันจะสูงขึ้นในเวลาอันรวดเร็วเลยทันที

เพราะฉะนั้นบางอย่างมันต้องฝึก แล้วก็ต้องรอคอยเวลาหลายปี เริ่มจริงจัง แล้วก็รอเวลาได้ รอที่จะเข้าใจได้ว่า ระดับโลกเนี่ย บางคนพักเป็นปีเลย หลังจากโอลิมปิก แน่นอนว่าพักเป็นปี เขาไม่ได้ว่ายเร็ว เขาก็ว่ายช้าลงไปเลย เมื่อกลับมาซ้อม เขาก็เริ่มไต่บันไดตัวเองใหม่

ก็จะเหมือนวาณญา ถ้าช่วงนี้เราไม่คิดจะแข่ง แน่นอนเวลามันอาจจะไม่ได้เร็ว แต่เราฝึกบางอย่าง เพื่อที่จะมองไปถึงวันที่เขาโต เบสิคบางอย่าง เพราะฉะนั้นมันจะไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก่อนพยายามจะขึ้นบันไดตลอดเวลา ให้สูงขึ้น

ตอนนี้กลายเป็นว่า เราจะไม่ได้ขึ้นบันได แต่เราสร้างฐานให้แข็งแรง เมื่อพร้อม ก็ค่อยเดินขึ้นบันได มุมมองทัศนคติมันจะเป็นประมาณนั้นมากกว่า

ช่วงนี้เจมส์ จึงเน้นให้วาณญา สนุกมากกว่า ไปล่ารางวัล แต่แน่นอนพอมันเป็นวาณญาเวอร์ชั่นนี้ มันก็ต้องฝึกจริงจังอยู่เหมือนกัน ก็พยายามรักษาความจริงจัง กับความสนุกให้ได้”

[พ่อแม่พร้อมซัพพอร์ตในสิ่งที่ลูกชอบเต็มที่]
อยากประสบความสำเร็จ อย่ากดดัน

อยากประสบความสำเร็จ จนถึงเป้าหมายที่วางไว้ อย่ากดดัน จึงใช้ชีวิตอย่างแฮปปี้ คือสิ่งที่โค้ชเจมส์ แชร์ถึงประสบการณ์ บอกกับวาณญา เพราะไม่อยากให้พลาดเหมือนตัวเองในอดีต

คุณพ่อเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แน่นอนว่าการที่คนในวงการว่ายน้ำระดับโลกบินตรงมาหาขนาดนี้ เขาเองก็บอกว่า มันก็ต้องมีคาดหวังกันบ้าง แต่ต้องคาดหวังอยู่ในพื้นฐานความเป็นจริงด้วย เพราะเส้นทางนักว่ายน้ำของวาณญา ก็มองว่า ยังอีกยาวไกล ก้าวไปทีละขั้น ในพื้นฐานให้แข็งแรงก่อนดีกว่า

“อันนี้ต้องสอนพ่อแม่ก่อนเลยว่า ประสบการณ์จากเจมส์เนี่ย ตอนเขาเป็นนักว่ายน้ำ เขาประสบความสำเร็จทุกอย่าง ยกเว้นโอลิมปิก เขาไปโอลิมปิกในฐานะแชมป์โลก แต่ว่าล้มเหลวในโอลิมปิก ไม่ได้อะไรเลย เขาก็เลยมาสอนพวกเรา สอนนักกีฬาทั้งหมดว่า

เขาเป็นแชมป์โลก เขาไปโอลิมปิกในฐานะตัวเต็งหนึ่ง แต่ไม่ได้อะไรเลยกลับมา ทุกระยะ ทุกท่า ไม่ได้อะไรเลย เขาก็เลยบอกว่า เขาจัดการเรื่องความเครียด เรื่องความกดดัน ความคาดหวัง ได้ไม่ดีพอ


เขาก็เลยมาสอนพวกเรา ค่อยๆ มอง อย่าคิดว่าวาณญา ต้องได้อย่างนั้น อย่างนี้ ค่อยๆ มองทีละขั้น ถ้าคุณแฮปปี้กับมันมากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณจะสำเร็จมากเท่านั้น


ตอนนั้นเจมส์ น่าจะไปแข่งโอลิมปิกด้วยความกดดันมาก ชาวอังกฤษจะคาดหวัง พอไปแข่งว่ายไม่ออก เขาก็เลยบอกว่าถ้าคุณแฮปปี้ คุณจะสำเร็จ ถ้าคุณมองไกล มองตั้งความหวังไว้มากๆ มันจะยาก”





ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือ พยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ รักษามาตรฐานตัวเองไว้ให้ดี เชื่อว่า กว่าจะถึงวันนั้น จะถึงวันของเราอย่างแน่นอน

“พ่อแม่คนแรกเลยครับ ที่จะตั้งความหวังให้กับลูก เพราะฉะนั้นเราก็อยู่กับการพัฒนาตัวเองดีกว่า แล้วก็รักษามาตรฐานตัวเองดีกว่า แล้วก็พัฒนาสถิติขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างนี้ดีกว่า เพราะว่าแน่นอน กว่าวาณญาจะโต สถิติโลกโดนทำลายไปอีกเยอะแน่ แล้วก็พัฒนาตัวเองตามเขาไปเรื่อยๆ

แล้วก็ถามเจมส์เอาไงต่อ ตอนนี้ดีหรือไม่ดี เอาไงต่อ เจมส์ก็ปลอบใจตลอดนะว่า ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องกลัว เขาจะแนวชิลๆ ให้เราชิลๆ กับเรื่องนี้ อย่าคิดว่า โห..มันเป็นภาระอันยิ่งใหญ่”

แม้โค้ชเจมส์จะบอกให้ชิลๆ แต่คุณพ่อก็ยอมรับว่า มีเครียดบ้าง และแม้วันนึง อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ก็ไม่เป็นไร แต่เชื่อว่า ทุกอย่างที่ค่อยๆ ทุ่มเท พัฒนากันมา จะนำพาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน

“วิธีการฝึกซ้อม ถ้าเราไม่หวังเป็นแชมป์โลก หวังเจ้าของสถิติโลก ไม่หวังเหรียญโอลิมปิก เราคงไม่จริงจัง ไม่มาฝึกซ้อม เสียเวลาไปทุกวันหรอก ทุกวันเราจะมาทำทำไม ถ้าเราทำแล้วเราไม่คิดจะไป ความจริงจังมันจะไม่มีแน่นอน เราต้องคิดแน่นอน เราทุ่มเท เสียสละ หลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะเวลา แล้วก็ทุนทรัพย์ของครอบครัว ที่สูงมาก

สิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ครอบครัว ของทุกกีฬาเลยนะครับ หลายครอบครัว ขายทุกสิ่งอย่าง จนไม่เหลืออะไรเลย เพื่อให้ความสุขกับคนไทย ค่าโค้ช ค่าดูแล ค่าแข่งขัน เดินทางไปต่างประเทศ หลายๆ คนเทิร์นโปรแล้ว แต่สปอนเซอร์ก็ยังไม่เข้า ก็ต้องจ่ายงบประมาณหลายล้านต่อปี มันเป็นลักษณะนั้นนะครับ

ส่วนของเรา ตอนนี้ค่าใช้จ่าย มันมีที่ค่าแรงคุณพ่ออย่างเดียว แต่มันแลกกับการที่คุณพ่อ คิดหนักไง ตอนนั้นก็คือคุณพ่อไม่ได้กลับไปทำงาน ถ้าจะเอาจริง สิ่งแรกคือมันแลกกับรายได้ทั้งหมด ของคุณพ่อหมดเลย มันก็เลยเป็นเช่นนี้

ตอนแรกที่เจมส์เข้ามาคุย เราก็คิดหนัก เราจะเอาจริงเหรอ จริงๆ มันก็ถอยได้ตลอดเวลา จนกระทั่งวันที่ ประธาน World Aquatics มาหาที่สระนี้ คงถอยไม่ได้แล้วแหละมั้ง ก็คงต้องเป็นเช่นนี้แหละ เพราะว่าหลายๆ คนก็ยอมจ่าย ยอมซื้อ ยอมขาย ให้ลูก แต่ก็ไม่ได้โอกาสเช่นเรา เรายังไม่ต้องขาย เรายังมีการสนับสนุนเข้ามา มันแค่แลกกับแรงงาน ที่เราต้องแลกลงไปเท่านั้น โอเค มันก็ไม่ได้แย่กว่า ครอบครัวหลายๆ ครอบครัว ที่เขาโดนกันมา”


หลายคนอาจสงสัยว่า เห็นฝึกให้ลูกมาตั้งแต่เด็กแบบนี้ แล้วคุณพ่อเป็นนักกีฬาด้วยหรือเปล่า จริงๆ แล้วคือไม่ใช่ เพียงแต่ว่าคุณพ่อชอบเล่นกีฬา โดยเฉพาะวิ่ง ที่ลงมาแล้วหลายสนาม และยังเคยทำงานบริษัทด้านกีฬา อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เกี่ยวกับสินค้ากีฬา เครื่องกีฬา

อีกอาชีพ ที่คุณพ่อรัก นั่นก็คือการเป็นนักดนตรี นักกีตาร์ ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็มีความฝันว่าอยากให้ลูกเป็นนักดนตรีเหมือนกัน แต่พอได้ให้ลองแล้ว ผลตอบรับ อาจจะไม่ได้ดีเท่ากีฬาว่ายน้ำ

หวังรับใช้ทีมชาติ
 
 “จริงๆ ในใจ ยังไงก็อยากรับใช้ทีมชาติไทย เพราะว่าน้องก็เกิดในประเทศไทย แต่ว่าอยากให้เป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า ไม่อยากไปกดดันน้อง ก็ค่อยๆ โตขึ้นไป ถ้าน้องว่ายได้ในสถิติโลก มันก็เป็นคำตอบเอง

อย่างแรก เราก็อยากรับใช้ทีมชาติไทย ถ้าผู้หลักผู้ใหญ่ช่วยดูแลอันนี้ เราก็จะไปได้ไกลกว่า ครอบครัวก็จะเหนื่อยน้อยกว่า ก็หวังว่าผู้หลักผู้ใหญ่จะเมตตาแล้วกันนะครับ

หรือถ้าเป็นนักกีฬาอิสระ มันก็เป็นอิสระในด้านการฝึกซ้อม เก็บตัว มุมมองทางด้านอนาคต เราอยากจะแข่งหรือไม่แข็ง หรือจะเบรกเป็นปี อย่างฝรั่ง หลายๆ ชาติเขาก็ไม่ได้บังคับ นักกีฬาอยากเบรกเป็นปีก็ไม่ว่า ไม่แข่งให้ใครเลย ไม่ต้องรับสัญชาติเลย เพราะว่าอยากจะพักผ่อนร่างกายและจิตใจ เพราะบางคนเขาไม่ไหวจริงๆ แล้วมันมีผลกระทบ หลังจากการเลิกอาชีพไปแล้ว เสียผู้เสียคนก็หลายคน

เจมส์ก็พูดแล้ว ให้เป็นเด็กมีอิสระไปก่อน แน่นอนว่าเรื่องพัฒนา ก็พัฒนากัน ช่วงไหนอยากจะเบรกได้ก็เบรก ให้โตก่อน ค่อยมาแบกความรับผิดชอบ แบกความคาดหวัง เอาชนะความคาดหวังให้ได้ด้วยตอนโต เอาไว้ให้เป็นหน้าที่ตอนโตดีกว่า”

หวังยกระดับความคุ้มค่า ของวงการกีฬา
 
 “ในไทยเรื่องรายได้ ผลตอบแทน ก็พูดกันตรงๆ ว่า มันก็ไม่คุ้มค่า ถ้าใครเป็นพ่อเป็นแม่ก็คิดหนัก จะให้ลูกเป็นนักว่ายน้ำ มันต่างกับนักกอล์ฟ ที่ผมชื่นชมผู้ใหญ่ในวงการกอล์ฟ ที่ทำกีฬา สร้างธุรกิจให้กับกีฬา จนมันเกิดความคุ้มค่าให้กับเด็กๆ น้องๆ ครอบครัวที่ต้องทุ่มเท มันก็เลยดูว่านักกอล์ฟ มันน่าจะมีกำลังใจที่จะทุ่มเทที่สุด

แต่ว่าเราจะมองลูกเป็นธุรกิจอย่างนั้นไม่ได้ ถ้าลูกชอบอะไร เก่งอะไร เราก็สนับสนุน แม้กระทั่งกีฬานี้ มันไม่ได้สร้างผลตอบแทน อย่างที่เราอยากจะได้ เราคิดว่าเราเกิดมา เราทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ แล้วทำมันให้ดีที่สุดมากกว่า

จริงๆ แล้ว อยากให้เกิดการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่เด็กยันโต ยกตัวอย่างใกล้ๆ บ้าน ประเทศจีน ก็คือเขาจะมีสถานที่ฝึกซ้อมให้กับเด็ก อาจจะไม่ฟรี 100% แต่เขาสามารถกลับมาได้ทุกวัน ถ้าชอบ มันก็ต่อยอดขึ้นไปได้เรื่อยๆ

แล้วทุกวันนี้นักว่ายน้ำจีน เบอร์1พลาด เบอร์ 2 3 4 เตรียมต่อเลย ระดับโลกต่อมาเลย คือมาตรฐานเขา เรียกว่าแทบจะเท่ากันเลย คนนึงเจ็บไม่กลัวเลย ฉันมีเบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์4 ต่อขึ้นมาเลย มันทำให้เกิดนักกีฬาจำนวนเยอะมาก มันไม่ใช่แค่ประชากรเขาเยอะนะครับ นักกีฬาเขาเยอะ เพราะว่าเขามีที่สนับสนุน

จากเด็ก โตขึ้นมาเป็นเยาวชน 5 ขวบ 6 ขวบ เขามีแผนงานการสนับสนุน จนไปถึงรุ่นใหญ่เลย แล้วก็เขาไม่ได้สนับสนุนบางคน เขาสนับสนุนหมด เก่งไม่เก่ง มีที่ให้เด็กเล่น อันนั้นคือข้อแตกต่าง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะกลับมาเล่นกีฬาตอนหลังเลิกเรียน แล้วมันจะหวังความเป็นเลิศทุกคน พันคน มันอาจจะเหลือแค่คนเดียวก็ได้ แต่เขาสนับสนุนหมด ให้เด็กได้มีพื้นที่

ทำไมเขามีนักกีฬาเป็นดอกเห็ดเลย เพราะมันมีที่ให้เด็กได้เล่นกีฬาก่อน เมื่อเด็กได้เล่น เด็กเขาโตจากการเล่น ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องการเรียน เรื่องกีฬา ทุกอย่างมาจากการเล่น ถ้าเขาได้เล่น เขาก็จะค่อยเก่งขึ้นไปเรื่อยๆ มีพื้นที่ให้กับเด็กๆ ก่อน”











สัมภาษณ์ : ทีมข่าวMGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ภาพ : พลภัทร วรรณดี
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : Facebook “Vanya_The_Swimmer” และ TikTok @vanya_the_swimmer
ขอบคุณสถานที่ : สระว่ายน้ำ “Juta Sport Club” (อ่อนนุชซอย44/2-46)



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น