“ไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องไป” เจาะเคสเด็กเอนฯ เสียชีวิต จากค็อกเทลมรณะ “Happy Water” ซึ่งกำลังระบาดหนักในกลุ่มนักเที่ยว อดีตเด็กเอนฯ เผยมุมเสี่ยง กับวิธีเลี่ยงรับงาน อีกมุมกูรูวิเคราะห์ เพราะช่องโหว่กฎหมาย ทำให้เหล่า Sex Worker ต้องรับกรรม!!
** ชงง่าย-ตายง่าย “ค็อกเทลมรณะ” **
อีกแล้วกับการเสียชีวิตของ “เด็กเอนฯ” ล่าสุดช็อกดับคาโรงแรม หลังถูกลูกค้าชาวจีน จ้าง “เอนฯ วี-อัป” พอเกิดเรื่อง ผู้ว่าจ้างก็หนีออกจากโรงแรมไป
ภายหลังมีการเปิดเผยแชท ระหว่าง “ผู้ตาย” กับ “โมเดลดิ่งจัดหางาน” ระบุรายละเอียดว่า งานนี้เป็นงาน “เอนฯ วี+อัป” ซึ่งย่อมาจาก “เอนฯ = เอนเตอร์เทน” “วี = วีไอพี (VIP) ต้องมีอะไรกับลูกค้าด้วย”ส่วน “อัป = อัปยา”
ทั้งนี้ ผู้ตายตอบแชทกลับว่า “ขอไม่อัปยาได้ไหม?” แต่โมเดลลิ่งบอกว่า “ต้องอัป” และสุดท้ายก็กลายเป็นข่าวเศร้าตามมา
โดยในที่เกิดเหตุ พบ “เคตามีน” หรือ “ยาเค” และอีกชนิดที่เรียกกันว่า “Happy Water” ซึ่งเป็นสารเสพติดที่กำลังระบาดในกลุ่มนักท่องเที่ยว
ล่าสุด “โมเดลลิ่ง” รายดังกล่าว เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “เป็นธุระจัดหาให้มีการค้าประเวณี” และถูกส่งตัวไปฝากขังแล้ว ส่วน “ลูกค้าชาวจีน” เจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้ว อยู่ในระหว่างขอศาลอาญาอนุมัติออกหมายจับ
เอาจริงๆ “Happy Water” ไม่ใช่ยาตัวใหม่ แต่มีการระบาดมานาน 2-3 ปีแล้ว เพียงแต่คนวงนอกอาจจะไม่รู้จักแพร่หลายมากนัก
ทางทีมข่าวจึงขอต่อสายตรงไปยัง “ภูผา ภูวดลอานนท์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูฟ้า เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดสถานบำบัดและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด เพื่อให้ช่วยอธิบายตัวยาอันตราย สาเหตุการเสียชีวิตของเคสนี้
“Happy Waterเนี่ยมันเป็นยาเสพติดรูปแบบนึงนะครับ มันไม่ใช่ตัวยาอะไร มันเป็นค็อกเทล ที่ผสมผสานยาเสพติดหลายตัวมาก แล้วแต่สูตรด้วยแล้วแต่ผู้ผลิต ว่าจะใส่อะไรเข้าไปบ้าง”
กูรูรายนี้บอกว่า สารหลักๆ ที่เคยเจอจากคนมาบำบัดจะเป็น “ยาอี” “ยาเค” และ “ยาไอซ์” 3 ตัวนี้เป็นส่วนผสมหลักของ Happy Water ที่เคยเจอ แต่อย่างที่บอกมันแล้วแต่คนผลิต
บางแหล่งอาจมีผสม “ยาบ้า” “ไดคลาซีแพม” “คาเฟอีน” และ “ทรามาดอล” พ่วงเข้ามาด้วย บางแหล่งก็ผสม “เฮโรอีน” แล้วผลิตออกมาเป็นแบบ “สำเร็จรูป” ชนิดที่ผู้เสพสามารถเอาไป “ชงผสมน้ำ” หรือวัตถุดิบอื่นๆ กินได้ทันที
ด้านอาการหลังเสพเข้าไป หากมี “ยาอี” กับ “ยาไอซ์”เป็นหลัก คนเสพจะสนุกสนาน เพราะมันไปกระตุ้นประสาท ให้รับแสงสีเสียงได้ดีขึ้น ส่วนถ้าหนักไปทาง “ยาเค” คนเสพจะตกอยู่ในภวังค์ และมีอาการล่องลอย
แค่มียาเสพติดหลายตัวผสมกัน ก็ว่าอันตรายแล้ว ยิ่งไปกินคู่กับ “เหล้า” หรือ “เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์” ก็จะยิ่งแปลงให้สารเสพติดเหล่านี้ กลายเป็น “มัจจุราช” ดีๆ นี่เอง
เพราะยาเสพติดที่ใช้ผสมในนั้น เป็น “สารประเภทกระตุ้นประสาท”ทั้งนั้นแต่เหล้ากลับมีฤทธิ์ “กดประสาท”สุดท้ายจึงส่งผลให้ร่างกายเกิดความสับสนจนอาจเพิ่มความเสี่ยง ผลักให้ “ความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม”
“พอไปๆ มาๆ มันเลยเหมือนกับว่า สมองไม่รู้ว่า ต้องสั่งการยังไง บางทีคือลืมสั่งการว่า ให้หายใจ”
{ “ภูผา”กูรูด้านสารเสพติด }
ส่วนเหตุผลที่ค็อกเทลเสพติดอย่าง “Happy Water”ที่ระบาดมา 2-3 ปีแล้ว เพิ่งกลับมาเป็นข่าวอีกครั้งจากเคสนี้ กูรูรายเดิมมองว่า สาเหตุที่มันระบาดหนักในกลุ่มนักท่องเที่ยว อาจเป็นเพราะ...
“มันชงง่าย พกง่าย ไม่รู้ตรวจได้หรือเปล่า ตอนเอาเข้าผับ มันอาจจะตรวจยากกว่า”
อีกส่วน คงเป็นเพราะตอนนี้ “สารเสพติด” ที่เป็นส่วนผสมบางตัว “ถูกลง” อย่าง “ยาเค” จึงพบว่าช่วงหลังมี “คนติดเคตามีน หรือยาเคเยอะขึ้น” รวมถึงประเภทอื่นๆ ที่มีสิ่งนี้เป็นส่วนผสม ซึ่งวิเคราะห์จากเชิงอุตสาหกรรมแล้ว แปลว่ามีของล้นตลาด ราคาเลยถูกลง
** ไม่ใช่ “งานสบาย” เสี่ยงอันตรายด้วยซ้ำ **
“ถ้าสมัยก่อน จะเป็นแค่หนม(ยาอี) เค(ยาเค) แต่สมัยนี้มันมีความแปลกของยา มันเริ่มมี Happy Water ขึ้นมาใหม่ เริ่มมีการ adapt อะค่ะ”
นี่คือเสียงจากคนวงใน อดีต “เด็กเอนฯ ตัวท็อป” ที่ช่วยยืนยันกับเราว่าHappy Waterกำลังระบาดในหมู่นักเที่ยวจริง โดยเฉพาะกลุ่มที่ชอบเรียกสาวๆ มารับงาน “เอนฯ อัป”
ต้องเข้าใจก่อนว่า “งานเอนเตอร์เทน” มีหลายรูปแบบ ได้แก่ “งานเอนฯ ปกติ” ที่แค่ “ไปนั่งดื่มกับลูกค้า” ซึ่งไม่ได้ผิดกฎหมาย
แต่ถ้าข้ามเส้นไปเกินกว่านั้น จะเป็นสายดาร์กอย่าง “งานเอนฯ อัป” ที่มีการเสพยาพ่วง และ “งานเอนฯ วี” ที่ต้อง “มีอะไรกับลูกค้า” ซึ่งทั้ง 2 งานหลัง มันผิดกฎหมายในตัวมันเองอยู่แล้ว
วิธีรับงานโดยปกติ “โมเดลลิ่ง” จะส่งรายละเอียดงานมาในกลุ่มหางาน จากนั้นหากสาวๆ คนไหนสนใจ ก็จะส่งรูปและรายละเอียด กลับไปให้โมเดลลิ่งและลูกค้าเลือกอีกที โดยกลุ่มหางานจะแยกกันอย่างชัดเจน
“ส่วนใหญ่สาวๆ ที่รับ ‘เอนฯ’ เขาก็จะไม่รับ ‘เอนฯ วี’ ค่ะ เขาก็จะแบ่งโซนกันชัดเจนค่ะ”
“งานเอนเตอร์เทน” ที่หลายอาจมองว่า “ได้เงินง่าย” แค่ไปนั่งดริงก์กับลูกค้า แต่ความจริงแล้ว งานของสาวๆ เหล่านี้ถือว่า “เสี่ยงมากๆ” อย่างที่อดีตเด็กเอนฯ รายนี้ เล่าอีกมุมไว้ว่า แค่การไปนั่งดื่มเฉยๆ ก็อันตรายแล้ว
เพราะไม่รู้ว่า ลูกค้าเมาแล้วจะ “ทำร้ายร่างกาย” หรือทำอะไรที่มากกว่านั้นหรือเปล่า? ทำให้ต้องพยายามเซฟตัวเอง ด้วยการเลือกงานที่ปลอดภัยที่สุด คือเลือกนัดสถานที่ที่มีคนเยอะๆ อย่าง “ร้านอาหาร” หรือ “ร้านเหล้า” และจะไม่อยู่กับลูกค้า 2 ต่อ 2 เด็ดขาด
แต่พอเป็น “งานเอนฯ อัป” ที่ต้องเสพยา หรือ “งานเอนฯVIP” ที่ต้องมีอะไรกับลูกค้าแล้ว เธอบอกว่า การเซฟตัวเองเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องอยู่กับลูกค้าเพียงลำพัง
“มันค่อยข้างเซฟยาก เพราะว่ามันไม่เหมือนงานเอนฯ มันยังต้องระมัดระวัง ไม่ให้โดนตัวได้ หรือว่าขอบเขตยังไง เราสามารถคุยกับลูกค้าได้ แต่พอมาเอนฯ วี มันต้องถึงเนื้อถึงตัวอะค่ะ มันก็ค่อนข้างจะเซฟยากเหมือนกัน”
แล้วสาวๆ เหล่านี้ปฏิเสธงานแบบนี้ได้ไหม? อดีตเด็กเอนฯ บอกว่า “ทำได้” ไม่ต้องกลัวเสียงาน เพราะการรับงานเป็น “ความสมัครใจ” เพราะโมเดลลิ่งจะส่งรายละเอียดมาก่อนว่า เป็นงานเอนฯ แบบไหนอยู่แล้ว
“กลัวเสียงาน แต่เราไม่กลัวเสียชีวิต อย่างงี้มันก็ไม่ได้ไงคะ นึกออกไหมค่ะ”
แต่เคสล่าสุด พิจารณาจากแชทแล้ว “ผู้ตาย ไม่ได้อยากเสพยา” แต่ก็ต้องยอมไป อดีตเด็กเอนฯ รายนี้จึงแอบตั้งคำถามว่า อาจมีการ “บังคับ” ให้เสพยาจนเกินขนาดหรือเปล่า? และคงไม่มีใครตอบได้ดีไปว่า คนที่อยู่ตรงนั้น กับการสืบคดีจากหลักฐาน-พยานทั้งหมด
** “ผู้เสียหาย” กลายเป็น “ผู้กระทำผิด” **
รู้ว่าเสี่ยง “แต่ทำไมถึงยังไป?”หลายคนอาจตั้งคำถามไว้แบบนี้ เพราะยังไงสาวๆ เหล่านี้ ก็เลือกปฏิเสธได้ หรือ ถ้าไปถึงหน้างานแล้ว รู้สึกว่าไม่โอเค ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หนึ่งในนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิของSex Workerอย่าง “สุรางค์ จันทร์แย้ม”ผู้อำนวยการ มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ ช่วยวิเคราะห์จากมุมคนวงใน ให้เข้าใจกันมากขึ้น“
อันตรายไหม?..อันตราย แต่เฉพาะหน้าคือต้องการเงิน ยาเสพติด เขาไม่รู้หรอกว่า มันจะถึงชีวิตเขาหรือเปล่า เขาอาจคิดแค่ว่า มึนเมา แต่ที่แน่ๆ คือ เราต้องการเงิน นี่ก็คือเหตุผลนึง ที่มันไม่ได้มีการปฏิเสธ”
วัดจากประสบการณ์ การเข้าไปช่วยเหลือเหล่าSex Workerที่ถูกลูกค้าทำร้ายมาหลายรายแล้ว ต้องยอมรับว่า“เงิน” คือเหตุผลหลัก ที่ต่อให้งานเสี่ยงขนาดไหน พวกเขาหรือเธอเหล่านี้ ก็ตัดสินใจยอมไปในที่สุด...“เพราะว่าเสี่ยงแล้ว มันทำให้เรามีรายได้”
“กรณีที่ซื้อบริการน้องๆ ไป หรือให้น้องไปเอนเตอร์เทน แล้วก็เสียชีวิต หรือถูกทำร้ายร่างกาย มันมีเกิดขึ้นอยู่อย่างเนืองๆ เพียงแต่ว่ามันไม่เป็นข่าว สำคัญก็คือ น้องๆ ไม่ได้เลือกที่จะแจ้งความ”
เพราะพวกเขากลัวว่า จาก “ผู้เสียหาย” จะกลายเป็น “ผู้กระทำผิด” เสียเอง อย่างเคส “เอนฯ วี+อัป” ถ้าถูกลูกค้าทำร้ายร่างกาย ใครจะกล้าไปแจ้งความ เพราะผิดทั้ง “การค้าประเวณี” ผิดทั้ง “เสพยาเสพติด”
และเรื่องนี้น่าแปลกคือ “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี” ของบ้านเรา “เอาผิดแต่ผู้ขาย ไม่เอาผิดผู้ซื้อ” ก็เท่ากับว่าSex Workerกำลังถูกกฎหมายนี้ปิดปากอยู่
สุดท้ายกลายเป็นส่งผลกระทบ เหมือนมอบอำนาจเกินขอบเขตให้ “ผู้ซื้อบริการ” ว่าจะ “บังคับ” หรือ “ทำอะไรก็ได้” กับเหล่าเด็กเอนฯ เพราะ “ยังไงก็ไม่มีใครกล้าแจ้งความ” จนสร้างเหตุสลดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
และคงเป็นแบบนี้ไปอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่กฎหมาย “ยอมคุ้มครอง” คนทำงานด้านนี้ ด้วยการอุดช่องโหว่ที่มีมานานนี้อย่างจริงจังเสียที
สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **