เจาะ “พิธีสะกดวิญญาณ” วิถีลี้ลับที่ไม่ใช่แค่ป้องกันวิญญาณอาฆาต แต่มีมุม “สะกดไว้ขาย” หรือ “เอาไว้ใช้งาน” ตามไสยเวทย์โบราณที่ซ่อนคติเอาไว้!!?
** เหลือเพียง “การหลอกลวง” **
ท่ามกลางความสนใจของสังคมจำนวนไม่น้อย ที่กำลังหันกลับมาหาความหมายของวิถีไสยศาสตร์อย่าง “พิธีสะกดวิญญาณ” หลังเคสคดีการเสียชีวิตของ “ดาราสาว” ซ่อนปริศนา จนส่งให้ผู้คนบางส่วนเริ่มหาคำตอบจากสิ่งลี้ลับแทน
และเพื่อไขข้อสงสัย พร้อมกับให้ความรู้ ทั้งในมุมความเชื่อส่วนบุคคล และมุมของประวัติศาสตร์ด้านไสยศาสตร์ ทีมข่าวจึงขอต่อสายตรงไปยัง “2 กูรู”
เริ่มที่คนวงในศาสตร์นี้รายแรก อย่าง “หมอปลา” จีรพันธ์ เพชรขาว เจ้าของฉายา “มือปราบสัมภเวสี” กันก่อน ที่ช่วยตอบคำถามได้ว่า “มันทำได้จริงๆ เหรอ?”
เบื้องต้น หมอปลา เล่าให้ฟังว่า ตามความเชื่อแล้ว “การสะกดวิญญาณ”เป็นพิธีที่ทำไปเพื่อ “ไม่ให้วิญญาณตามอาฆาต” ผู้ที่ทำร้ายวิญญาณดวงนั้นเมื่อยามเป็น
โดยส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับ “คดีฆาตกรรม”แต่ถ้าวัดจากประสบการณ์ที่ผ่านมาแล้ว วิญญาณที่ถูกสะกด จะไม่ได้มาจากพิธีกรรมของพ่อมด-หมอผี แต่อย่างใด
“ส่วนใหญ่ ที่ผมไปช่วยในการเรียกวิญญาณ ซึ่งมันโดนสะกดด้วยธรรมชาติทั้งนั้นเลย ไม่ได้มีคน มีวิชาคาถาอาคม มาสะกดเลย”
“ถูกสะกด”โดย “ธรรมชาติ” คือถูกสะกดจาก “สถานที่ที่ตาย” หรือ “ท่าทางตอนที่ตาย”เช่น “นอนตายขวางประตู” นี่ก็เท่ากับว่า “ถูกธรณีประตูสะกดอยู่”
รวมไปถึง “การนอนตายขวางถนน” หรือแม้แต่ “จมน้ำตาย” ด้วยเหตุเหล่านี้ตามความเชื่อแล้ว วิญญาณจะถูกสะกดโดยธรรมชาติเช่นกัน
มือปราบสิ่งลี้ลับรายนี้บอกว่า “พิธีสะกดวิญญาณ”ในสมัยก่อนอาจจะมีจริง แต่ยุคนี้เป็นเพียง “ความเชื่อ” และ “เรื่องหลอกลวง” เพื่อหวังเอาเงินกับญาติคนตายเท่านั้น
“เขาอาจจะมีความเชื่อ ให้เงินบาทนึง ซื้อวิญญาณ กูซื้อมึงแล้ว ชีวิตที่กูฆ่ามึงตาย วิญญาณก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ อันนั้นเป็นแค่ความเชื่อของเขา แต่แท้ที่จริง มันทำไม่ได้”
{หมอปลา-มือปราบสัมภเวสี}
แล้วพิธีสะกดวิญญาณ จริงๆ มันทำยังไง? หากจะเจาะเรื่องนี้ให้ลึกถึงรายละเอียด คงต้องไปสู่กูรูอีกราย อย่าง “อาจารย์ตุ๊ก บางปะอิน” (กรธัช วัชรจิรากร) กูรูด้านประวัติศาสตร์ และผู้รอบรู้เรื่องไสยเวทย์สมัยอยุธยา ที่ช่วยเผยเอาไว้ว่า มีหลากหลายรูปแบบแตกต่างกันไป ตามแต่ละครูผู้ประกอบพิธี
“มันแล้วแต่ครู ว่าเขาสอนกันมายังไง บางคนก็ใช้ตะปูตอกที่หน้าผาก สมมติว่ามีการฝังศพแล้วเนี่ย แต่ผีมันหลอกหลอนมากเลย ก็ขุดขึ้นมา แล้วก็ใช้ตะปูสังฆวานร ตอกที่หน้าผากสะกดไว้”
โดยพิธีเหล่านี้ จะมีการร่ายคาถาในคัมภีร์พระเวทกำกับไว้ตลอด ซึ่งพิธีการสะกดก็จะแตกต่างกันไป ตามครูบาอาจารย์ที่เรียนมา และศาสนาที่นับถือ เพราะไทยเป็นแหล่งรวมหลากความเชื่อ ทั้งพุทธ-พราหมณ์-ผี-เขมร-จีน ฯลฯ
ทั้งนี้ “การสะกดวิญญาณ”ไม่ได้ทำเพื่อกักขังดวงจิตเพียงอย่างเดียว ยังมี “การสะกดเพื่อใช้งาน” หรือแม้แต่ “สะกดวิญญาณไปขาย”
และผู้ทำพิธีต้องมีวิชาดีพอตัว เพราะถ้าสะกดไม่อยู่ วิญญาณก็จะกลับทำร้ายตัวเองได้ ส่วนวิญญาณที่โดนสะกดนั้น กูรูด้านประวัติศาสตร์ไสยศาสตร์รายนี้บอกว่า...
“วิญญาณที่โดนสะกดไว้ จะไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้ นอกจากว่าจะครบวาระ หรือมนตร์สะกดนั้นเสื่อมสลายหรือคลายตัวลง วิญญาณก็จะไปตามทาง”
** ของโบราณ ที่ซ่อนข้อคิด **
ในความจริง “การสะกดวิญญาณ”ในไทยนั้น มีมานานมากแล้ว ตั้งแต่ยุคที่เรายังเป็นชนเผ่า นับถือศาสนาผี แต่เริ่มมาปรากฏชัด มีจารึก มีรูปแบบพิธีธรรมที่ชัดเจน ก็ตอนที่เรารับ “ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู” เข้ามา
“สมัยที่มีการสะกดชัดเจนที่สุด จะเป็นสมัยอยุธยา อยุธยาเนี่ยมันชัดเจนมากเลย เพราะมีการเล่นไสยศาสตร์กันเยอะ มีพวกพ่อมด-หมอผี ทั้งพระ ทั้งสัปเหร่อเนี่ย ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการสะกดวิญญาณ”
เราต้องเข้าใจว่าในยุคโบราณ คนมีความเชื่อเรื่อง “โลกหลังความตาย” อย่างเหนียวแน่น และการสะกดวิญญาณนั้น เชื่อกันว่าทำไปเพื่อไม่ให้ “คนตาย มาวุ่นวายในโลก คนเป็น”
{“ตุ๊ก-บางปะอิน” กูรูประวัติศาสตร์สมัยอยุธยา}
“คือคนเราไม่ว่าจะตายดี-ไม่ดีเนี่ย ต้องมีการสะกดวิญญาณทุกครั้ง โดยสัปเหร่อจะเป็นคนสะกดวิญญาณไว้ทุกครั้ง”
แต่พอกาลเวลาล่วงมาถึงยุคปัจจุบัน คนมักมองว่าจะต้องสะกดเฉพาะ “ผีร้าย-วิญญาณเฮี้ยน” เท่านั้น ซึ่งแท้จริงแล้ว ตามประวัติศาสตร์ความเชื่อ คือมุมที่ “ถูกเพียงครึ่งเดียว”
เพราะตามคติของคนโบราณ ถึงตายไปแล้ว “จิตก็ยังมีกิเลส” ดังนั้น จึงส่งผลให้วิญญาณที่มีห่วงทั้งหลาย ไม่ยอมไปจากโลกคนเป็น สุดท้ายจึงต้องทำพิธีด้วยการสะกดไว้
“ตายแล้ว แต่บ้างที กิเลส-ตัณหา-ราคะ หรือความรัก-โลภ-โกรธ-หลง เนี่ย มันยังติดไปกับคนตาย มันจึงจะต้องมีการสะกดวิญญาณ”
เพราะในความเชื่อแล้ว “คนตาย” กับ “คนเป็น” จะอยู่รวมกันไม่ได้ มันจะทำให้ “ธรรมชาติผิดเพี้ยน” หรือ “เกิดอาเพศ” ทำให้ “พิธีสะกดวิญญาณ” ในยุคโบราณถือเป็น “พิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์”
“แม้กระทั่งการรบทัพจับศึกต่างๆ ก็ต้องมีโหราจารย์ คอยทำพิธีสะกดวิญญาณของทหารข้าศึก เพื่อไม่ให้ทหารข้าศึกที่กลายเป็นผี มาทำความเดือดร้อน มาหลอกมาหลอนทหารฝ่ายตน”
การสะกดวิญญาณ มีบทบาทสำคัญและเด่นชัดที่สุด ก็น่าจะเป็น “การประหารนักโทษ” มันถูกใช้เป็นเครื่องมือ “ป้องกัน” ดวงจิตที่มีความอาฆาต ไม่ให้ไปหลอกหลอนหรือรังควาน “เพชฌฆาต” กับ “คนที่สั่งประหาร” หรือ “หลอกชาวบ้าน” แถวนั้น
โดยผู้ที่มีหน้าที่ในการประกอบพิธีสะกดวิญญาณ ก็มีทั้ง “พราหมณ์” “พระสงฆ์” “สัปเหร่อ” หรือแม้แต่ “ฆราวาส” ที่มีความรู้เรื่องไสยเวทย์ สรุปง่ายๆ คือ ใครก็ตามที่เกี่ยวกับการส่งคนตายไปโลกหน้า ก็ต้องเรียนเรื่องพวกนี้ไว้
แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป มุมมองต่อเรื่องนี้ก็เปลี่ยน “อ.ตุ๊ก” บอกว่า คนสมัยนี้อาจเห็นสิ่งเหล่านี้เป็น “ความงมงาย” แต่มองดีๆ จริงๆ พิธีกรรมนี้มันก็ซ่อน“ข้อคิด”คนโบราณไว้ว่า...
“คนเราเนี่ย ตายทุกคนนะ ชีวิตของคนเราเนี่ย มันอนิจจัง”
และกิเลส ทั้ง “รัก-โลภ-โกรธ-หลง” คือ “ห่วงที่ควรละ” เพราะขนาดเหลือเพียงดวงจิต สิ่งเหล่าก็ยังติดตัวเราไป ทำให้นัยนึงของการสะกดวิญญาณ ก็คือการสะกดกิเลสเหล่านี้นั่นเอง
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “หมอปลาช่วยด้วย” และ “ตุ๊ก บางปะอิน”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **