เจาะใจพี่เลี้ยงมือ1 “น้องเอวา”จากความชอบ จนพยายามทุกทาง ให้ได้ทำงานสายโหด ดูแลเสือโคร่งหน้าแบ๊ว กับจุดเด่นที่เสือตัวอื่นไม่มี อ้อนเหมือนแมว ซนเหมือนเด็ก เสือทะเล้น ทำหน้างอนก็เป็น จนกลายเป็นขวัญใจชาวโซเชียลฯ ที่คนกำลังยกให้เป็น เซเลบสาวของวงการสวนสัตว์ไปอีกตัว ตาม “น้องหมูเด้ง”
หน้าแบ๊ว ตาแป๋ว ขี้เล่น จุดเด่นที่เสือตัวอื่นไม่มี
“รู้สึกดีใจค่ะ ที่น้องโด่งดัง แล้วก็มี FC ของน้องค่ะ ก็อยากให้แฟนคลับน้อง ติดตามน้องไปนานๆ แล้วก็เรื่อยๆ อย่างนี้ค่ะ จริงๆ คือรู้สึกอึ้ง แล้วก็ตกใจ มากกว่าดีใจค่ะ โดยส่วนตัวแล้วในโซเชียลฯ โบว์ไม่ค่อยได้เล่นเยอะ ในเฟซหรืออะไร ไม่ค่อยได้เล่น หรือออกสื่อเกี่ยวกับเรื่องของการเลี้ยงสัตว์ ส่วนมากจะเป็นส่วนตัวมากกว่าค่ะ”
“โบว์-พัชรีย์ พิพัฒน์วงศ์ชัย” เจ้าหน้าที่ฝึกและแสดงสัตว์ วัย 25 ปี หรือที่รู้จักกันในฐานะพี่เลี้ยง “น้องเอวา” เสือโคร่งสีทอง เพศเมีย วัย 3 ขวบ กับหน้าตาสุดแบ๊ว แห่งเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่ความน่ารักของน้อง กำลังกลายเป็นไวรัล และขวัญใจไปทั่วโซเชียลฯ
ด้วยความน่ารักตะมุตะมิ ที่ดูไม่ดุเหมือนเสือ ถึงแม้จะทำหน้าดุขนาดไหน แฟนๆ ก็ไม่เคยกลัว แต่กลายเป็นเอ็นดูซะมากกว่า จนหลายคนแซวกันใหญ่ว่า จะดุกี่โมง? แถมหลายคนยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นึกว่าแมวตัวใหญ่มากกว่าเสือซะอีก จนชาวโซเชียลฯ ตั้งฉายาให้ว่า “คุณหนูเอวาสุดแกลม”
ล่าสุด ขึ้นแท่นเป็นดาราสาวของวงการสวนสัตว์ไปอีกตัว ตาม “น้องหมูเด้ง” มาติดๆ เพราะความน่ารักที่ไปสะดุดตา สะดุดใจ ใครเห็นก็อดใจไม่ไหว ตกหลุมรักในหน้าตาสุดแบ๊ว จนอยากไปเจอตัวเป็นๆ
และฮอตขนาดที่ว่า ทางสวนสัตว์ ยังเปิดตัว Line Openchat ด้อมน้องเอวา พร้อมเชิญชวน FC น้องเอวาและคนรักสัตว์ให้มาสมัคร เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวกันอย่างใกล้ชิด
ความฮอตยังลามไปถึงพี่เลี้ยงด้วย นอกจากที่หลายคนจะโดนน้องเอวาตกแล้ว งานนี้เหล่าแฟน ๆ ก็โดนพี่เลี้ยง ประจำตัวคุณหนูเอวา ที่โด่งดังจากคลิปจกพุง ตกด้วยอีกคน
ด้วยความใจกล้า แถมเก่ง มีทักษะ เพราะต้องอยู่ร่วมโซนแสดงกับสัตว์นักล่าอย่างเสือโคร่ง ทำให้ใครหลายแห่ตามหาวาร์ป อยากทำความรู้จักเธอให้มากขึ้น เพราะบุคลิกที่ดูน่ารักสวยหวาน แต่กลับดูแลเสือโคร่งได้แบบทะมัดทะแมง เหมือนกับเลี้ยงแมว
เธอเปิดใจถึงความไวรัลนี้ว่า รู้สึกดีใจ ตกใจ และขอบคุณ ที่คนให้ความชื่นชอบ ทั้งตัวน้องเอวา และตัวพี่เลี้ยง เพราะปกติเธอไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลฯ เท่าไหร่ แต่ช่วงนี้ ก็จะพยายามอัพเดตโมเมนต์น่ารักๆ ของน้องเอวา เสิร์ฟให้แฟนๆ ให้ได้รับชมกันบ้าง
“พอน้องมีชื่อเสียง ก็ได้รับคำแนะนำจากพี่ๆ ในสวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อยากให้เป็นบุคคลสาธารณะ แล้วก็อัพเดตความน่ารักของน้องลงบ้าง ช่วงนี้ก็ถ้ามีเวลา ก็จะกลับมาเล่นเฟซ เล่นไอจี อัพเดตน้องๆ ให้ดูบ้าง”
เธอเล่าถึงความน่ารักของน้องเอวา ที่เสือตัวอื่นๆ ไม่มี นั่นก็คือเธอบอกว่า น้องตาแบ๊วตั้งแต่เด็กๆ นิสัยซน ขี้เล่น ซึ่งหน้าตาน้อง จะดูแบ๊วกว่าเสือตัวอื่นๆ ไม่ดุเหมือนเสือทั่วไป เธอเห็นครั้งแรกก็โดนตกเลย
อีกอย่างคือน้องเป็นเสือหายาก ในโลกมีไม่ถึงร้อยตัว ไม่พบในธรรมชาติ พบแค่ในสวนสัตว์หรือศูนย์ขยายพันธุ์เท่านั้น ถึงจะมียีนด้อยแต่สุขภาพก็ปกติ พฤติกรรม อารมณ์ก็ปกติเหมือนเสือทั่วไป ต่างแค่สีขนเท่านั้น
“เป็นเสือที่ไม่เหมือนเสือค่ะ จุดเด่นของเขาเลยคือเรื่องของสายพันธุ์ที่หายาก แล้วก็รูปร่างภายนอกของเขา ที่มีดวงตาที่กลมบ้องแบ๊ว เป็นเสือโคร่งสีทองค่ะ หรือเสือสตรอว์เบอร์รี่ค่ะ
จุดเด่นที่เสือตัวอื่นไม่มี น่าจะเป็นความหน้าบ้องแบ๊วของเขาค่ะ ซึ่งเสือตัวอื่นๆ ในจุด ก็ไม่มีเสือตัวไหนที่หน้าตาบ้องแบ๊วได้เท่าเขาแล้ว ในเรื่องของจุดเด่น น่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างภายนอก ล้วนๆ ค่ะ”
เธอเล่าว่า เจอเอวาครั้งแรก ตอนน้องอายุ6เดือน ซึ่งตอนนี้อีก3เดือน ก็จะครบ 4 ปีแล้ว เดิมทีน้องเอวาไม่ได้เกิดที่นี่ แต่เป็นการเพาะพันธุ์โดยคนไทยที่สวนสัตว์ “Zoo Garden River 8” จ.ปทุมธานี เดินทางมาอยู่ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ผ่านการแลกเปลี่ยนระห่างสวนสัตว์
“เอวามาอยู่นี่ตั้งแต่ 6 เดือน แล้วก็ตอนนี้ 3 ปี กับอีก 9 เดือนค่ะ โบว์มาก่อนเอวาค่ะ มาอยู่ไนท์ซาฟารีก่อนเอวา ก็คือได้รับหน้าที่ดูแลน้องค่ะ เลี้ยงไว้ก่อนค่ะ 6 เดือน ก็คือต้องมาคุ้นเคยกับที่ใหม่ๆ เพราะว่าน้องมาจากที่อื่น ก็คือเป็นสัตว์แลกเปลี่ยนเข้ามาค่ะ แล้วก็เอามาเลี้ยงไว้ ก็ต้องมาคุ้นเคยกับสถานที่ใหม่ คุ้นเคยกับผู้ดูแลคนใหม่ด้วย ต้องมาปรับตัวก่อนค่ะ”
ครั้งแรกที่น้องเอวามาอยู่ที่นี้ ในวัย 6 เดือน เธอก็ได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงดูแลเลยตั้งแต่แรก นั่นจึงทำให้น้องเอวาเชื่องกับเธอ และทำให้สนิทกับเสือหน้าแบ๊วตัวนี้ มากกว่าคนอื่นๆ
“ก็ด้วยความที่น้อง6เดือน ก็คืออายุน้องก็ยังเด็ก ยังเล็กอยู่ ก็คือเป็นการเลี้ยงน้องตั้งแต่เด็กอยู่ค่ะ ก็เลยการที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่เล็ก แล้วเขาเป็นสัตว์นักล่าที่เราเอาอาหารให้เขา ได้รับอาหารที่เพียงพอ แล้วก็เอาอาหารให้เขาตั้งแต่เด็ก เขาก็จำเราได้ ใช่ค่ะ แล้วก็ได้รับการคุ้นเคย เคยชินกับเราค่ะ ก็เลยเชื่องกับคนเลี้ยง เชื่องกับผู้ดูแลค่ะ”
เธอก็ดูแลประคบประหงม เสือตัวนี้อย่างดี จนน้องเอวาเริ่มอายุ 1 ปี เธอก็ได้เริ่มทำการฝึกให้กับน้อง ฝึกด้วยการให้ทำตามแล้วมีรางวัลให้ มีเนื้อให้ จนผ่านไป 1 ปีกว่าๆ น้องก็สามารถขึ้นแสดงโชว์ ให้แฟนๆ ได้ดู
“พัฒนาการของน้องก็คือปกติดีค่ะ ก็เหมือนเสือทั่วไปค่ะ น้องมาอยู่นี่ ก็คือเริ่มฝึกตั้งแต่1ปีค่ะ แล้วก็ดูว่าน้องมีพัฒนาการที่ไวไหม ก็ฝึกน้องจนกว่าน้องจะเป็นค่ะ ถึงจะเอามาออกโชว์ค่ะ ปีกว่าๆ ก็ขึ้นโชว์
action ครั้งแรกของการออกโชว์ก็คือ อันดับแรกเลยคือ พอน้องเข้ามาในจุดของเรา ในช่วงระยะเวลาที่น้องเข้ามา เราจะมีการติดตามพฤติกรรมของน้องว่าน้องชอบทำอะไร ชอบเล่นอะไร แล้วก็สังเกตพฤติกรรม
ในช่วงตอนที่น้องเด็กๆ เราจะมีของเล่นให้น้องเป็นโพรงถังไม้ค่ะ แล้วส่วนตัวน้องชอบกลิ้งถังไม้เล่น อะไรแบบนี้ พอโตขึ้นมาอีกหน่อย ก็เลยฝึกให้น้องลอดถังไม้ ให้มันสอดคล้องกับพฤติกรรมตามธรรมชาติ ที่สามารถพบเห็นได้ตามธรรมชาติด้วยค่”
การแสดงโชว์ของน้องเอวา พี่เลี้ยงก็ยืนยันว่า เป็นไปตามกฎระเบียบ ตามมาตรฐานสากล เพราะทุกอย่างการโชว์ที่นักท่องเที่ยวได้รับชม เป็นพฤติกรรมที่เสือ ทำเป็นปกติในธรรมชาติอยู่แล้ว
เอวาไว้ใจ ยกให้เป็นพี่เลี้ยงมือ1
เธอถือว่าเป็นหนึ่งในคนสำคัญได้รับความไว้วางใจจากเอวา จนได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงมือ 1 ช่วยฝึกน้องเอวาให้เป็นเสือโคร่งที่เชื่อง ไม่ดุร้าย ทั้งยังมีนิสัยขี้เล่นซุกซน เข้ากับคนง่าย ทั้งยังเป็นมิตรกับเด็กๆ แตกต่างจากภาพลักษณ์ นักล่าแสนดุร้ายของเสือโคร่งทั่วๆ ไป
“เป็นพี่เลี้ยงมือ 1 ค่ะ ก็รู้สึกดีใจ ที่น้องไว้ใจเรา ซึ่งจะมีมือรอง กันไว้ในตอนที่เราหยุดงาน หรือเราป่วย เราไม่สบาย ลากะทันหัน มีมือรอง หรือเรียกอีกอย่างหนึ่ง คือบัดดี้ค่ะ เจ้าหน้าที่คนอื่น ก็จะมีดูแลในเสือตัวอื่นๆ ก็คือจะมีเป็นเมนหลักของตัวอื่นๆ ด้วยค่ะ
เติบโตมาด้วยกัน การให้อาหารน้อง ในทุกๆ วัน ทำให้เขารู้ว่า เราเป็นคนให้เขากินในทุกๆ วัน แล้วช่วงเวลาที่เราพัก ก็เข้าไปหา ไปเที่ยวหาน้อง ไปเล่นกับน้องบ่อยๆ ทำให้สนิทมากกว่าคนอื่น”
นอกจากการเป็นพี่เลี้ยงมือ 1 แล้ว เธอยังเป็นผู้หญิงคนเดียวในโซน Tiger Show อีกด้วย เธอเริ่มงานตั้งแต่ 9โมง ถึง 2 ทุ่มครึ่ง ซึ่งในแต่ละวันหลังโชว์ ก็มีช่วงเวลาได้พัก สัปดาห์หนึ่งทำงาน 6 วัน หยุด 1 วัน เพราะเธอให้เหตุผลว่า ต้องอยู่กับสัตว์จนคุ้นเคยกัน เลยหยุดเยอะไม่ได้
“เป็นผู้หญิงคนเดียว ที่ฝึกเสือในจุดนี้ ในจุด Tiger Show ค่ะ นอกนั้นก็จะเป็นเจ้าหน้าที่ตำแหน่งอื่น ที่เป็นผู้หญิงนะคะ แต่อยู่ในจุดนี้ อะไรอย่างนี้ค่ะ ก็คือเกิดจากความชื่นชอบล้วนๆ เลยค่ะ ชอบจริงๆ แล้วก็ตั้งใจจริงๆ ก็เลยแบบอยากจะมาทำงานตรงนี้
คือในจุด Tiger Show มีเสือและสิงโตทั้งหมด 17 ตัวค่ะ เจ้าหน้าที่ที่ดูแล มีทั้งหมดประมาณ 8-10 คน บทบาทที่ได้มาเป็นพี่เลี้ยงเอวา ก็เพราะว่า เนื่องจากว่า โบว์เข้าใกล้เขาได้มากที่สุด แล้วก็อยู่กับเขาบ่อยที่สุด แล้วก็ด้วยความที่เป็นคนได้แสดงเอวา ออกแสดงน้องในรอบโชว์แต่ละรอบ 3 รอบ ในแต่ละวัน ก็เลยได้เป็นพี่เลี้ยงของเอวาค่ะ”
บางคนเห็นสัตว์ตัวใหญ่ๆ อาจจะรู้สึกกลัว โดยเฉพาะเสือ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักล่าแสนดุร้าย แต่ไม่ใช่สำหรับเธอคนนี้ เพราะเธอมองน้องเอวา เป็นเหมือนแมวตัวใหญ่แค่นั้น
“คือเราได้เห็นเขาในตู้กระจก ในตัวอาคาร Tiger World แล้วเราก็ยืนมอง มองไปมองมา เขาเหมือนแมวขนาดใหญ่ค่ะ ดูการที่เขาเล่น การลงเล่นน้ำ หรือว่าการนอน การเดินไปเดินมา ดูพฤติกรรมเขา แล้วมันชอบ มันสนใจจริงๆ ก็เลยพยายามมาทางสายนี้ให้ได้ค่ะ”
เธอยอมรับว่า แรกๆ ก็ยังมีความกลัวอยู่บ้าง เพราะเสือยังไงก็คือเสือ แต่ความน่ารักของน้องเอวา ก็กลบความน่ากลัวไปซะหมด
“เสือยังไงก็คือเป็นเสือ แรกๆ ก็มีความกลัวนิดนึง แต่ความน่ารักมันนำความกลัว ก็เลยอยากมาจุดจุดนี้ค่ะ เห็นว่าแบบอุ๊ย..มันน่ารักจังเลย ทำยังไงถึงจะได้มาอยู่กับน้อง ได้มาทำงานใกล้ๆ น้องๆ ได้มาดูแลน้องค่ะ ก็คือกลัว ก็แอบกลัวนิดนึงค่ะ ในช่วงแรกๆ เพราะตอนนั้นเรายังไม่รู้จักเขา เขาก็ไม่ได้รู้จักเรา”
เห็นอยู่กับเสืออย่างเชี่ยวชาญขนาดนั้น จริงๆ แล้วเธอก็บอกว่า ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับด้านสัตว์มาโดยตรง เธอเรียนจบมาทางด้านธุรกิจการค้าและบริการ สาขาการจัดการ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.เชียงใหม่
แต่สิ่งที่ทำให้เบนเส้นทางชีวิต มาอยู่ในเส้นทางนี้ ก็เพราะว่า ในช่วงตอนที่มาฝึกงาน เธอได้เห็นสัตว์น่ารักๆ มากมาย จึงอยากลองมาทำดู
“ก็คือจบมหา’ลัยปุ๊บ ก็มาทำที่นี่เลย เรียนเกี่ยวกับธุรกิจค่ะ มันเบนเพราะว่าตอนมาฝึกงาน ที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีค่ะ ก็คือตอนนั้นกำลังคิดอยู่ว่าฝึกงานที่ไหนดี แล้วก็ไม่อยากทำพวกเอกสารแบบจ๋าๆ เลย ไม่อยากนั่งอยู่ในออฟฟิศ ก็เลยลองมาฝึกที่สวนสัตว์ดูบ้าง ก็เลยเลือกเป็นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
แต่ด้วยสายงาน เรียนการจัดการมา ก็ยังได้ทำเกี่ยวกับเอกสาร แต่ในช่วงพัก หรือเวลาแบบว่าง ก็ยังมีเดินไปดูโซนนั้น โซนนี้ เดินไปเที่ยว เดินไปดูหน้างาน ก็เลยได้มาเจอโซนนี้ Tiger Show ก็เลยชื่นชอบ อยากเข้ามาทำงานตรงนี้ค่ะ”
แม้จะไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์มาโดยเฉพาะ ด้วยความที่ในรักสัตว์ และความชอบอยากที่จะทำงานตรงนี้ เธอก็พยายามศึกษาหาความรู้ให้กับตัวเองอย่างเต็มที่ รวมไปถึงความรู้จากพี่ๆ ในที่ทำงาน ที่ให้คำแนะนำ จนสามารถพัฒนาศักยภาพตัวเอง สามารถขึ้นมาเป็นพี่เลี้ยงมือ1
“ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับการดูแลสัตว์มาโดยตรงค่ะ ด้วยความที่ไม่ได้เรียนมาสายตรง ในเรื่องของการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ ก็คือจะต้องมีคุณสมบัติเกี่ยวกับการแสวงหาความรู้ ในเรื่องของด้านนี้ ให้หนักกว่าคนอื่นๆ เพราะว่าไม่ได้จบมาสายตรง
โบว์เริ่มมาจากการเป็น เด็กฝึกงานในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีค่ะ หลังจากนั้น ก็หาช่องทางที่สามารถเข้ามาทำงานที่นี่ได้ เริ่มจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว
แล้วก็เป็น MC ในจุด Tiger Show อยู่แล้ว เราอยาก เรามีใจรักเกี่ยวกับสัตว์ ก็เลยขอโอกาสจากเขา เพื่อมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกเสือ สิงโตค่ะ
เริ่มต้นก็คือ พยายามเอาความรู้จากพี่ๆ ในโซน พี่คนที่หนึ่ง คนที่สอง คนที่สาม แล้วก็มารวบรวม รวมกัน แล้วก็พัฒนาศักยภาพของตัวเองเรื่อยๆ ก็สามารถทำได้ค่ะ”
อ้อนเหมือนแมว ซนเหมือนเด็ก
นอกจากหน้าตาน่ารัก บ้องแบ๊วแล้ว สิ่งหนึ่งที่แฟนๆ อย่างเราไม่ค่อยได้เห็นคือความขี้อ้อนของน้องเอวา ที่พี่เลี้ยงเล่าให้ฟังว่า นอกจากคนจะยกให้เป็นเหมือนแมวตัวใหญ่แล้ว ความอ้อนของน้อง ก็ยังเหมือนแมวด้วย ซึ่งการอ้อนของน้อง ก็คือจะเป็นการเอาหัวมาถูกๆ ตามตัวพี่เลี้ยง
แต่ความอ้อนที่ว่านี้ ส่วนใหญ่น้องจะแสดงให้เห็นแค่ตอนที่อยู่ 2 ต่อ 2 กับพี่เลี้ยงเท่านั้น ซึ่งโมเมนต์นี้ เธอก็บอกว่า มักจะได้เห็นอยู่บ่อยๆ
“สิ่งหนึ่งที่คิดว่า FC หรือว่าชาวเน็ตไม่เห็น นั่นก็คือการอ้อนของน้องค่ะ เพราะส่วนตัวแล้วคิดว่า การอ้อนของน้อง จะไม่เกิดขึ้นเวลามีคนมองมากๆ หรือว่ามีคนดูเป็นจำนวนมาก จะเป็นการอ้อนที่เรากับเขาจะได้ยิน แล้วก็จะรู้กัน 2 คน
ก็คือเขาจะเข้ามาใกล้เรา เข้ามาหาเราใกล้ๆ แล้วก็จะเอาหัวมาถูตามตัวเรา แล้วก็ทำเสียงร้องออกมา ซึ่งในคลิป เคยอัดคลิปไว้ ต้องอยู่กับน้อง 2 ต่อ 2 ก็มีลงเพจในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ใน TikTok อยู่ค่ะ
ก็จะเห็นเฉพาะตัวพี่เลี้ยงเอง ที่เข้าไป เวลาอยู่ในกรง คอกกัก เวลาได้เข้าไปเช็กสุขภาพเขา หรือว่าเช็กพฤติกรรม เช็กอารมณ์ในช่วงเช้า ก่อนเข้างานอะไรอย่างนี้ค่ะ ได้เข้าไปหาน้องในทุกๆ เช้า ก็จะอ้อนทุกเช้าเลยค่ะ”
เสียงที่น้องมักจะร้องออกมาตอนที่อ้อนพี่เลี้ยง ก็จะไม่ใช่เสียงคำรามเหมือนกับเสือทั่วไป แต่จะเป็นเสียงคล้ายๆ กับวัวร้องนั่นเอง
“เหมือนแมวอ้อนค่ะ แต่เสียง ด้วยความที่เป็นเสียงเสือ มันจะเป็นเสียงทุ่มกว่า บางคนเห็นใน TikTok ชาวเน็ต หรือว่า FC น้อง เขาก็จะบอกว่า เสียงคล้ายๆ วัวร้องเลย ก็ใช่ค่ะ เสียงคล้ายๆ วัวร้องค่ะ”
ตลอดระยะเกือบ 4 ปี ที่ดูแลกันมา สิ่งที่พี่เลี้ยงชอบ และประทับมากที่สุด เธอบอกว่า ก็คงเป็น การที่น้องเอวาอ้อนผู้ดูแล เพราะส่วนมากจะไม่มีใครได้เห็น เพราะน้องมักแสดงออกแค่เวลาอยู่กับเธอเท่านั้น
“สิ่งที่ชอบมากที่สุด และคิดว่าน่ารักมากที่สุด ก็คือการอ้อนผู้เลี้ยงนี่แหละค่ะ ที่เล่าไปว่า ส่วนมากจะไม่มีใครได้เห็น ตอนน้องอ้อนพี่เลี้ยง หรือว่าอ้อนผู้ดูแล ในช่วงเวลาที่เราได้อยู่กันแบบ 2 ต่อ 2 ในกรงคอกกัก เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกชอบมากที่สุดค่ะ
เพราะว่าตอนช่วงที่น้องเจอนักท่องเที่ยวเยอะๆ ทำให้น้องเดินไปเดินมา ดูนักท่องเที่ยว แบบตื่นเต้น คล้ายๆ แบบน้องตื่นเต้นๆ แต่พอได้อยู่กัน 2 ต่อ 2 น้องจะสงบมากกว่า รู้สึกนิ่งมากกว่า แล้วก็ขี้อ้อนค่ะ”
นอกจากนิสัยขี้เล่น ความอ้อน ความน่ารัก พี่เลี้ยงคนสนิท เธอยังบอกอีกว่า เอวายังมีมุมดื้อนิดๆ เหมือนกับเด็ก ชอบเล่นซุกซน ชอบเล่นเละเทะ เหมือนกับเด็กทั่วไป
“ความดื้อของน้องเอวาก็คือ เวลาปล่อยให้ได้เล่นค่ะ ก็คือเขาจะซนแบบ สถานที่คือค่อนข้างเละเลยค่ะ หมายถึงว่า เวลาปล่อยวิ่งเล่นในสวนแสดง ก็คือได้วิ่งรอบบนพื้นทราย กระจาย ก็คือด้วยความซนอย่างนี้มากกว่าค่ะ
ถ้าถามว่าดื้อกับพี่เลี้ยงไหม ไม่ค่อยดื้อค่ะ แบบดื้อไม่ฟังอะไรแบบนี้ แต่จะดื้อแบบซุกซนอย่างนี้มากกว่าค่ะ เหมือนเด็กดื้อค่ะ”
เธอบอกอีกว่า บางช่วงก็ต้องปล่อยให้น้องมีเวลาส่วนตัว เช่น ช่วงกินอาหาร กับช่วงเล่นของเล่น ก็ไม่ควรไม่ยุ่ง ให้น้องได้เล่น ได้กินอย่างเต็มที่
“ในส่วนที่เขาดื้อนะคะ ด้วยความที่เสือก็ยังคงเป็นสัตว์นักล่าค่ะ แต่เขาจะมีอยู่ช่วง 2 เวลาที่ดื้อนะคะ นั่นก็คือช่วงเวลาที่เขากินอาหาร ที่เขาจะต้องการเซฟโซน
เวลาเสือกินอาหาร เวลาผู้ฝึกเอาอาหารไปให้ ก็คือเราจะไม่เข้าไปยุ่ง หรือว่าเข้าไปใกล้น้อง เพื่อให้น้องมีเวลาเซฟโซน ในการได้กินอาหารของตัวเองค่ะ
เพราะเขาค่อนข้างที่จะหวงของ แล้วก็อีกเวลาหนึ่งก็คือ ช่วงเวลาที่เขาเล่นของเล่นค่ะ เล่นของเล่นก็คือ เป็นการให้ของเล่นตามธรรมชาติตามที่ได้บอกไป คือต้องการเซฟโซน จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับน้องค่ะ”
เสือทะเล้น ทำหน้างอนก็เป็น
ภาพที่เห็น หลายคนอาจจะมองว่า คุณหนูเอวา มีหน้าแบ๊วเพียงมุมเดียว แต่พี่เลี้ยงขอยืนยันเลยว่า ต้องมาดูด้วยตนเองเพราะเอวามีหลายหน้า
อย่างคลิป หรือภาพ ที่มีคนแห่แชร์ไปทั่วโซเชียลฯ กับโมเมนต์ ที่น้องกำลังทำหน้างอน หรือเมินพี่เลี้ยง เรียกเท่าไหร่ก็ไม่หัน จนชาวโซเชียลฯ แห่แซว ว่าสงสัยโดนดุ งอนถึงขั้นไม่มองหน้า
โมเมนต์นั้น เธอก็บอกว่า ที่เห็นนั้นคืองอนจริงๆ ด้วยความที่พี่เลี้ยงอยากถ่ายภาพคู่ แต่ด้วยความที่อยู่กับพี่เลี้ยงบ่อยจนอาจจะเบื่อ ก็เลยมีงอแง แกล้งพี่เลี้ยง ไม่อยากให้ถ่ายบ้าง
“ก็งอนจริงค่ะ ก็คืออยากเก็บภาพน้อง โมเมนต์อยู่ด้วยกันอย่างนี้ค่ะ ก็มีงอแง ไม่อยากถ่ายแล้วบ้าง แล้วบางทีอยู่กับพี่เลี้ยงบ่อย จนเบื่อพี่เลี้ยง อะไรอย่างนี้ค่ะ”
พี่เลี้ยงคนสนิท เล่าถึงความงอนของน้องให้ฟังอีกว่า ถ้าตอนไหนที่เรียกชื่อ แล้วไม่หันหน้ามา ตอนนั้นแหละ คือน้องเริ่มมีความงอนแล้ว แม้น้องจะได้ยินเสียงพี่เลี้ยงเรียก ก็จะทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน และจะแค่เหล่ตามามองเท่านั้น
“งอนในที่นี้ของเขาคือ ถ้าปกติว่าเรียกชื่อเขา เรียกเอวาๆ มา เขาก็จะหันหน้ามาหาเรา แต่ตามรูปที่เห็น ก็คือเรียก แล้วก็ไม่ยอมหันหน้ามาหา แล้วก็เรียกแล้วทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน แต่เขายังกระดิกหู เหมือนทำให้เรารู้ว่า เขาได้ยินนะ แต่เขาไม่สนใจอะไรแบบนี้ค่ะ
งอนของเขา ก็เหมือนเขาจะทำตัวแบบไม่สนใจเรา แต่เขายังมีแอบมองด้วยหางตา เหล่มาหาเรา แล้วก็เวลาเราเรียก จะทำเหมือนไม่สนใจ หรือแบบทำตัวนิ่ง หันหน้าไปทางอื่น ไม่สนใจพี่เลี้ยงอย่างนี้ค่ะ”
ส่วนวิธีการง้อที่ทำให้น้องหายโกรธ หรือหายงอน พี่เลี้ยงก็บอกว่า เหมือนกับเด็กๆ ทั่วไปเลย ก็คือจะเอาของเล่นมาล่อ หรือบางทีก็จะง้อด้วยการให้อาหารน้อง ซึ่งแค่นี้ ก็ทำให้น้องหายงอนได้แล้ว
“ง้อเหรอคะ ก็อาจจะเอาของเล่นมาให้น้องเล่น บางทีใจดีหน่อย ก็แบบเพิ่มเนื้อ เพิ่มอาหารให้น้อง เอาเนื้อ เอาอาหารมาให้น้องสนใจ แล้วก็เอาของเล่น บางครั้งก็ของเล่น ของเล่นในที่นี้คือ ของเล่นตามธรรมชาติค่ะ จะเป็นขอนไม้บ้าง ต้นกล้วยบ้าง รูปมะพร้าว หรือว่าลูกฟักทอง
ง้อก็หายค่ะ หรือบ้างครั้ง บางช่วงเวลา เขาอาจจะอยู่กับเรานานๆ เขาอาจจะเบื่อเรา เขาอาจจะต้องการเซฟโซน ก็จะมีเวลาให้เขาได้อยู่กับตัวของเขาเอง หรือว่าอยู่กับบัดดี้ของเขา ก็คือลูน่าอีกตัว ให้เขาอยู่กันเอง มีเวลาเซฟโซนให้กับเขาบ้าง ก็คือต้องดู แล้วแต่สภาพพฤติกรรม แล้วก็อารมณ์ของน้องอีกทีค่ะ”
แม้น้องเอวา จะมีนิสัยขี้เล่นและซุกซน แต่ก็มักจะเดินมาหานักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเด็กๆ ให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด แล้วก็เชื่องกับพี่เลี้ยง รวมถึงคนดูแลคนอื่นๆ เวลาออกมาแสดงก็แสดงได้ดี และเชื่อฟังพี่เลี้ยงเป็นอย่างดี
เช็กอารมณ์ กระดิกหางถี่ ดีใจพร้อมเข้าหา
สำหรับทริกในการเป็นพี่เลี้ยงน้องเอวา คือต้องรู้วิธีเข้าหา ต้องเข้าจากด้านหลัง ไม่จู่โจมจากด้านหน้า ไม่ให้น้องตกใจ และบางช่วง ก็ต้องปล่อยให้เขามีเวลาส่วนตัวด้วย
สิ่งที่เธอทำในทุกเช้าก็คือ ต้องตรวจเช็กสุขภาพร่างกาย ดูอารมณ์ ดูพฤติกรรม ดูบาดแผล วิธีการคือเข้าไปลูบจับผิวน้อง สังเกตว่าน้องเล่นกับเราเป็นปกติไหม ดุใส่เราไหม ร่าเริงไหม
“วิธีสังเกตอารมณ์ของเขา 1. จะเป็นการเดินค่ะ การเดินในกรงคอกกัก เป็นพฤติกรรมที่สามารถทำให้เห็นว่า ตอนนี้น้องรู้สึกยังไง 2. ดวงตาค่ะ ม่านตา แล้วก็ 3. จะเป็นการขยับหางของน้องค่ะ การเช็กอารมณ์ มันจะมีวิธีการดูของพี่เลี้ยงค่ะ ว่าสามารถเช็กยังไง แต่ดูตรงไหนก็คือดูผ่าน 3 อย่างนี้”
วิธีเช็กอารมณ์ของเอวา เธอบอกว่า ถ้ากระดิกหางถี่ แปลว่าเอวารู้สึกดีใจ ที่เราเข้าใกล้ นั่นแปลว่าน้องพร้อมที่จะออกไปเจอผู้คนแล้ว แต่ถ้าเขาไม่พร้อมให้เข้าใกล้ หางก็จะนิ่ง จะมีม่านตาดำใหญ่
“กระดิกหาง มันมีความถี่ของการกระดิกหางอะไรแบบนี้ด้วยค่ะ อารมณ์ของเขา ถ้าถี่ ก็เหมือนสัตว์เลี้ยงของเรา เขาอาจจะรู้สึกดีใจ ที่เราเข้ามาใกล้
ก็คือถ้าเอามือไปลูบคลำก็คือ ได้ลูบ ได้สัมผัสเขามาตั้งแต่เด็ก แล้วเขาก็ไว้ใจเราค่ะ ก็คือสามารถลูบเขาอย่างนั้น แล้วมันอาจจะมีเสียงออกมาที่แบบ เสียงที่เขาบอกว่า คล้ายๆ เสียงวัวร้อง ที่ชาวเน็ตว่า ออกมาเป็นบางช่วง บางช่วง ทำสีหน้าที่มันแบบฟินๆ ถ้าสังเกตจากในคลิปนะคะ
ถ้ายังไม่อยากให้เข้าใกล้ ก็จะมีดูม่านตาค่ะ ถ้าม่านตาใหญ่ ม่านตาสีดำอะค่ะ ใหญ่ แล้วก็การมองของเขา แล้วก็อาจจะมีเสียงอะไรที่เขาส่งออกมา แล้วก็หางที่นิ่ง ประมาณนี้ค่ะ วิธีการดู”
อย่างที่บอกว่า เธอไม่ได้เป็นพี่เลี้ยง ดูแลแค่น้องเอวาเท่านั้น สัตว์ตัวอื่นๆ อย่างสิงโต เธอก็รับหน้าที่พี่เลี้ยงด้วยเช่นกัน ซึ่งเธอบอกว่า สัตว์แต่ละชนิด ก็มีความยากแตกต่างกันไป แต่เราแค่ดูแล และใส่ใจเขาให้เต็มที่ เขาก็จะเชื่องกับเราแล้ว
“แต่ละตัวนิสัยก็จะแตกต่างกันไปค่ะ ก็คือจะมีตัวอื่นที่นิ่งกว่านี้ หมายถึงว่า ที่แบบไม่ซนเท่าเอวากับลูน่า มันก็มี ก็คือเราต้องรู้จักนิสัยเขา ของแต่ละตัว ว่าแต่ละตัว มีนิสัยเป็นยังไง ทุกตัวมีความยากทั้งหมด แต่เราแค่ดูแลเขาให้เต็มที่ สำหรับในทุกๆ ตัวนะคะ
อารมณ์ดุร้ายของน้อง ก็คือตอนกิน ก็คือไม่เข้าใกล้ ตอนเล่นของเล่นไม่เข้าใกล้ แล้วก็ในช่วงติดสัตว์ค่ะ หรือวัยเจริญพันธุ์ ที่จะมีเวลาเซฟโซนให้น้อง ให้อยู่กับตัวเอง จะไม่ค่อยเข้าไปยุ่ง หรือเขาต้องการเวลาของตัวเอง อะไรอย่างนี้ค่ะ
ระหว่างโชว์ ก็ไม่มีเสี่ยงค่ะ เพราะว่า action ที่โชว์ เป็นแนวแบบพฤติกรรมตามธรรมชาติ แล้วเอามาประยุกต์ใช้ในการแสดงค่ะ ไม่มีเสี่ยงต่อผู้โชว์”
สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพเพิ่มเติม : Facebook “เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีChiang Mai Night Safari”, “Patcharee Pipatwongchai”, Instagram @b.patchar_e,
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **