แฉ “หมอดูฮวงจุ้ย” ชื่อดัง หลอก “สูบเงิน” ปรับฮวงจุ้ย “จนหมดตัว” หลายฝ่ายสงสัย หากคิดเป็นเหตุผล ก็ไม่น่าตกเป็นเหยื่อ 2 กูรูพฤติกรรมมนุษย์ ช่วยวิเคราะห์มุมมองคนที่ “ติดกับดัก” แห่ง “ความเชื่อ”
“เชื่อ” แล้ว เท่าไหร่ก็ “ยอม”
“ศรัทธาราคาแพง” พูดแบบนี้ก็คงไม่เกินไป สำหรับเคส “คุณยาย”วัย 77 ปี กับลูกสาว ที่ถูก “หมอดูฮวงจุ้ย” ชื่อดัง หลอกเอาเงินกว่า “66 ล้าน” เรียกได้ว่า “โดนสูบ”กันจนหมดตัวเลยทีเดียว
เริ่มแรกบอกว่า “บ้าน” ที่อยู่อาศัยทุกวันนี้ จะทำให้ป่วยเป็นมะเร็งได้ หากอยากแก้ต้องเอา“สิงห์” กับ“ กิเลน” มาตั้งไว้ ซึ่งคุณยายสั่งซื้อไป เป็นเงินกว่า “2.6 ล้าน” ไม่พอยังต้องตั้ง“ศาลพระภูมิแบบจีน” ด้วย เงินออกไปอีก “4.7 ล้าน”
แถมมีการแนะให้ทำ “สุสานคนเป็น” เพื่อต่อชะตา โดยให้ไปซื้อที่ดินอีก 4.5 ล้าน และต้องสั่งหินแบบพิเศษ มาทำป้ายหลุมศพ รวมๆ โดนไปอีก “44 ล้าน” เพราะถ้าไม่ทำ หมอดูรายนี้บอกว่า คุณยายอาจจะ “ตาย” ได้
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด ที่ซินแสรายนี้แนะให้ทำ สรุปรวมๆ คือคุณยายโอนเงินให้ “หมอดูฮวงจุ้ย” คนเดียวกันนี้ ไปทั้งหมด 74 รอบ รวมเป็นเงิน “65.8 ล้านบาท!!”
{ต้องออกมาแฉ เพราะสูญเงินกว่า “66 ล้าน”}
แต่หลังจากโอนเงินไป กลับไม่ได้ของตามที่สั่ง ทางครอบครัวนี้เลยอยากจะ “ขอเงินคืน” แต่หมอดูก็บ่ายเบี่ยง บอกว่าของมีแล้ว แต่ติดที่ขั้นตอนนำเข้า ทำให้คุณยายกับลูกรู้แล้วว่า น่าจะโดนหลอก
การที่เราจะมูฯ อะไรสักอย่าง ไม่ใช่เรื่องผิด แต่นี้มันทำให้ถึงกับ “สูญเงินกว่า 66 ล้าน” ลองให้นักวิชาการด้านปรัชญา จาก ม.ธรรมศาสตร์ อย่าง “โจ้” รศ.ดนัย ปรีชาเพิ่มประสิทธิ์ ช่วยวิเคราะห์ว่า อะไรทำให้คนยอมจ่ายได้ขนาดนั้น? จึงได้เข้าใจพฤติกรรมมนุษย์มากขึ้นอีกมุม
“ถ้าพูดโดยหลักการกว้างๆ ก่อนเนอะ มันก็คือเรื่องศรัทธา ถูกไหม คนเราถ้าศรัทธาเนี่ย มันบริจาคได้ทุกอย่าง ใช่ไหมครับ”
หาก “คน” เกิดความ “อ่อนแอทางจิตใจ” จากปัญหาต่างๆ ที่ทำให้ชีวิตดูไม่มีทางออก เราจะยอมทำทุกวิถีทาง เพื่อมาเยียวยาจิตใจ และนี่คือจุดกำเนิดของ “ความเชื่อ” หรือแม้แต่ “ศาสนา” เองก็ตาม
“คนที่เขาหาช่อง ที่รู้จุดอ่อนของมนุษย์เราเนี่ย ก็จะเอาสิ่งนี้มาเสริมความมั่นใจใช่ไหม คุณมีทุกข์แบบนี้ คุณเอานี่เสริม คุณมีปัญหาแบบนี้ เอาไอ้นั่นเสริม มันก็ไปตอบโจทย์เขาพอดี”
{“รศ.ดนัย” นักปรัชญาศาสนา ม. ธรรมศาสตร์}
เพราะงั้น ก็ไม่ต้องแปลกใจ ถ้าเห็นคนยอมจ่ายหลายหลักเพื่อ “มูเตลู” เพราะเขา “เชื่อ” ว่า สิ่งที่กำลังทำ มันคือ “ทางออกของปัญหา” ที่กำลังเจออยู่
หรือไม่ก็ทำไปเพราะว่า “กลัว” จาก “คำทำนายทายทัก” ของเหล่า“หมอดู-ซินแส” หรือแม้แต่ “พระ-นักบวช” ที่เข้ามา “ฉวยโอกาส” จากความอ่อนแอของจิตใจมนุษย์
ลองมองในมุมนักมานุษยวิทยา อย่าง “ต้น” อภินันท์ ธรรมเสนา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ดูบ้าง เขาให้ข้อสรุปว่า...
“ความเชื่อ มันเป็นเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก”
โดยเฉพาะ “ความกลัว” ที่เป็นอารมณ์พื้นฐานของคน และเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ผลักให้เราตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง “แบบไม่ต้องคิด” คนพวกนี้จึงมักจะทักให้เรากลัวก่อน เพื่อดำเนินการหว่านล้อมให้ได้ผลต่อไป
อย่า “ศรัทธา” จน “เสียศูนย์”
ถ้าให้แนะนำจากเคสความเชื่อเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญาศาสนา ได้แต่บอกว่า “อย่าศรัทธาจนเสียศูนย์”เพราะถึงเรื่อง “การมูเตลู” หรือ “ทำบุญ”จะเป็น “ความเชื่อส่วนบุคคล” ที่ถ้าใครทำแล้ว “สบายใจ”ไม่เดือดร้อนคนอื่น สุดท้ายจะจ่ายเท่าไหร่ก็ถือเป็นสิทธิของคนคนนั้น
แต่ถ้าดูเคสนี้เป็นตัวอย่าง อาจต้องขอให้เพิ่มคำเตือนไปด้วยว่า “ศรัทธาต้องมีปัญญากำกับ”และเวลาเจอปัญหาอะไร ขอให้ตั้งสติอยู่ใน “หลักเหตุและผล” ก่อน ให้ได้มากที่สุด
“เวลาเราเจอปัญหาแบบนี้ เราต้องแก้ด้วยหลักเหตุหลักผลก่อน ใช่ไหมครับ เช่น สมมติว่าป่วย แทนที่จะใช้ฮวงจุ้ยแก้ อาจจะต้องดูว่า เราดูแลร่างกายดีหรือยัง”
เอาจริงๆ ก็ถือเป็นหลักการง่ายๆ ที่ทุกคนน่าจะเข้าใจ แต่ถามว่าทำไมยังเจอเคสอย่างนี้ที่ “หลงศรัทธาจนหมดตัว” เกิดขึ้นให้เห็นเรื่อยๆ ไม่จบสิ้นเสียที “ต้น” นักมานุษยวิทยา จึงช่วยอธิบายให้เห็นภาพชัดยิ่งขึ้น
“ความเชื่อเนี่ย มันอยู่เหนือเหตุผล เพราะฉะนั้น คนที่มีความเชื่อมากเนี่ย ก็เพราะเหตุผลมันอ่อน”
{“อภินันท์” กูรูด้านมานุษยวิทยา}
และอย่างที่บอก “ความเชื่อ” เป็นเรื่องของ “อารมณ์และความรู้สึก” ซึ่งเป็นเรื่อง “ปกติ” ที่คนมักจะใช้อารมณ์นำเหตุผลอยู่แล้ว เพราะการตัดสินใจด้วยความรู้สึกมันง่ายกว่า
“และอีกอย่าง เราเชื่อว่าไอ้ความรู้สึกเรา มันเป็นเหตุผลแบบนึง”
ยกตัวอย่าง เวลาเราชอบใครสักคน ต่อให้คนอื่นบอกว่าเขาไม่ดียังไง เราก็ยังจะเลือกอยู่กับเขา ซึ่งความชอบแบบนี้แหละ ที่เจ้าของความรู้สึกมักจะมองว่ามันคือ “เหตุผล” แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ใช่เหตุผลแบบ “ตรรกะ”ที่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างที่ถูกที่ควร
ดังนั้น เหตุและผลจะกลับมา ก็ต่อเมื่อเขา “เดือดร้อน” กูรูช่วยหยิบตัวอย่างมาวิเคราะห์ให้เข้าใจง่ายๆ จากเคสนี้ นั่นก็คือการออกมาแฉเกิดขึ้น เพราะหมอดูรายนี้ไม่ส่งของให้ ตามที่เคยตกลงกันไว้
ในทางกลับกัน หากไม่มีกรณีแบบนี้เกิดขึ้น แปลว่าหมอดูคนนี้ก็จะยังมีหนทางสูบเงิน จากคุณยายและลูกสาว ผ่านการปรับฮวงจุ้ยได้อีกเรื่อยๆ หรือเปล่า?
“คุณยายเขาเริ่มเดือดร้อนละ เขาถึงมาเริ่มตั้งคำถาม แต่วันใดที่คุณยายรู้สึกว่า เขาไม่เดือดร้อน เขาจะจ่าย 100ล้าน เขาก็ทำได้”
ด้านนักปรัชญา กูรูอีกรายนี้ก็มองไปในทิศทางเดียวกันว่า “มันยาก” ถ้าจะหวังให้คนที่ “ติดกับดักความศรัทธา” ไปแล้ว รู้ได้ด้วยตัวเองว่า “เท่าไหร่ถึงจะพอดี” อย่างที่บอก เมื่อศรัทธาแล้ว เท่าไหร่ก็พร้อมจ่าย ฉะนั้น “คนใกล้ตัว” จึงสำคัญมากในการช่วยดึงสติ
“บางทีมันก็ต้องมีกัลยาณมิตรด้วยนะ ถ้าเราอยู่ในภาวะหน้ามืดใช่ไหม กำลังอ่อนแอ กำลังหลงงมงาย กัลยาณมิตรสำคัญ ก็คือต้องมีคนช่วยตักเตือน”
ถึงแม้เขาจะฟังเราหรือไม่ อย่างน้อยก็พอจะเป็นแรงต้าน ไม่ให้ถลำลึกไปมากกว่านี้ แต่สุดท้ายทางแก้ที่ดีที่สุดคือ ควรหาวิธีเยียวยาจิตใจให้มั่นคง แล้วจะไม่ตกเป็น “เหยื่อ” อย่างง่ายดาย
“แต่ละคนต้องพัฒนา สร้างความมั่นใจ สร้างความมั่นคงในตัวเองให้ได้”
ดูโพสต์นี้บน Instagram
@livestyle.official ..."เหตุและผล" จะกลับมา ก็ต่อเมื่อเหยื่อ "เดือดร้อน"... . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #หมอดู #ฮวงจุ้ย #ซินแส #สายมู #มูเตลู #ดูดวง ♬ original sound - LIVE Style
สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
ขอบคุณภาพ : Facebook “บิ๊กเกรียน”
** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **