xs
xsm
sm
md
lg

“หมูเด้งฟีเวอร์” บ้านๆ ทรงพลังระดับโลก!! การตลาดโซเชียลฯ ที่สื่อนอกต้องจับตามอง [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฮิปโปฯ แคระซนๆ ตัวนึง กลับสร้างไวรัลไปทั่วโลก มองเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่จริงๆ แฝงไปด้วยกลยุทธ์การตลาดที่ควรค่าแก่การเรียนรู้ เหมาะกับยุคสร้างกระแสผ่านโซเชียลฯ และนี่คือตัวอย่างแบรนด์บ้านๆ แต่ทรงพลัง จนสื่อนอกต้องขอเกาะกระแส





ไวรัลระดับโลก ทุกสำนักข่าวขอตามติด

กลายเป็นซุป’ตาร์ระดับโลกไปแล้ว สำหรับ “เจ้าหมูเด้ง”ฮิปโปน้อยสุดฮอต ที่ล่าสุดมีหน้าหรา โชว์ความน่ารักน่าชังออกสื่อต่างประเทศแบรนด์ใหญ่ๆ แทบจะครบทุกสำนักแล้ว

เริ่มตั้งแต่ “นิตยสาร TIME” ที่ชมว่า น้องคือตำนาน คือที่สุดในช่วงเวลานี้ ทั้ง “นิตยสาร Forbes” ที่ถึงกับต้องเล่าที่มาที่ไปของความฮอต
 
 

 
 มาจนถึง “สำนักข่าว BBC” ที่พูดถึงประเด็นไวรัลฮิปโปน้อย กับราคาที่ต้องจ่าย คือความเสี่ยงที่น้องจะถูกหยอกแบบแรงๆ ถูกนักท่องเที่ยวสาดน้ำ โยนกล้วย ปาของใส่ เพียงเพราะอยากเล่นด้วย แต่ไม่รู้วิธีดีๆ

นอกนั้นก็มีอัปเดตอีกเรื่อยๆ ในสื่อต่างประเทศ ทั้ง Reuters, CNN, AP, AFP, The Guardian, ANN, The Economic Time, CNBC, People, The Independent ฯลฯ เรียกได้ว่า ครองพื้นที่สื่อนานาชาติ แบบลิสต์ยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว






แม้แต่ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปวง K-Pop ชื่อดังอย่าง “หนิงหนิง” (NINGNING) วง “เอสป้า” (Aespa) จากค่าย SM Entertainment ยังแอบตกเป็นทาสความน่ารักของเจ้าหมูเด้ง ถึงกับลุกขึ้นมาโพสต์ภาพ ผ่าน Stories IG ส่วนตัว จนกลายเป็นอีกหนึ่งแรงกระเพื่อม

 

ผลักให้กระแส “หมูเด้งฟีเวอร์” ยิ่งแรงขึ้นอีก จากการที่ฐานแฟนของหนิงหนิงออกปากว่า การมาคอนเสิร์ตที่ไทยรอบนี้ คือในวันที่ 28 - 29 ก.ย.ที่จะถึง มีภารกิจต้องทำเพิ่ม คือต้องแวะไปดูความน่ารักตัวเป็นๆ ของซุป’ตาร์สวนสัตว์ตัวนี้ให้ได้เลย ยิ่งผลักให้ฐานแฟนของหมูเด้ง เพิ่มขึ้นอีกราวๆ 3เท่าตัว

รันทุกวงการ แม้แต่คอกีฬา ที่เอารูปน้องไปตัดต่อเป็นมีม อย่างสโมสรฟุตบอล “บาเยิร์น มิวนิค” ทีมดังจากเยอรมนี ที่ใช้มีมภาพหมูเด้งดีใจ ตอนประกาศผลบอลศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024 นัดแรก 9-2 ประตู พร้อมแปะแคปชั่นภาพว่า “เมื่อหมูเด้งเช็กผลบอลเมื่อคืน”

พอๆ กับทีมบาสฯ ดังอย่าง “ฟีนิกซ์ ซันส์” ที่ใช้ภาพหมูเด้งไปทำมีม ในศึก NBA อเมริกา แปะแคปชั่นขำๆ ว่า “Moo Deng Energy” มาจนถึงทีมฮอกกี้น้ำแข็ง ก็มีตัดต่อภาพน้องใส่เสื้อแข่ง สกรีนชื่อ “DENG(เด้ง)”

ยังไม่รวมแฟนอาร์ทอีกเยอะแยะ จากทั้งศิลปินไทย-ญี่ปุ่น-เกาหลี ที่มาวาดหยิกแกมหยอก ไปกับกระแสเจ้าฮิปโปน้อย

  
 
 
 
 
 
 
 
 

ฮอตเกินต้าน ถึงขนาดแบรนด์ต่างๆ ต้องขอจองตัว ล่าสุด “นันยาง”ออกมาเปิดให้พรีออเดอร์ รองเท้าช้างดาว “รุ่นหมูเด้ง”แล้ว



แม้แต่วงการขนม ร้านเค้กร้านดังอย่าง “ร้านเวทย์มนต์”ยังต้องทำเค้กหน้าน้องหมูเด้ง ออกมาขายตามคำขอลูกค้า





แม้แต่วงการขาหมู ก็พลอยได้รับอานิสงส์ดีๆ ไปด้วย เพราะหลายๆ คนเห็นน้องหมูเด้งแล้ว เกิดรู้สึกอยากกินขาหมูขึ้นมา เรื่องนี้ทาง LINE MAN ออกมาเผยสถิติเองว่า ยอดค้นหาคำว่า “ข้าวขาหมู”บนแอปฯ เพิ่มขึ้น 50% ภายใน 1 สัปดาห์
มาแรงจนพุ่งแซงเมนูฮิตอย่าง “ชาบู” กับ “ซูชิ” เป็นประวัติการณ์

ที่น่าสนใจคือ แม้แต่บิวตี้บล็อกเกอร์ ยังมี “เทรนด์แต่งหน้าแบบหมูเด้ง”รวมถึงเสื้อผ้าแบรนด์ดังแนวสตรีทสุดกวนอย่าง “RIP N DIP (ลิปแอนด์ดิป)”ยังขอออกคอลเลกชั่นเสื้อรูปน้องหมูเด้ง เปิดให้แฟนๆ พรีออเดอร์ เตรียมส่งมาขายที่ไทยแล้วด้วย



เกิดมาเพื่อดัง กู้วิกฤตเขาเขียว

ย้อนกลับมาที่ทาง “สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” เจ้าของหมูเด้งเอง ก็ทำเสื้อยืดหน้าน้อง ออกมาขายแล้วเหมือนกัน 

เริ่มจากล็อตแรก 700 ตัว ที่หมดภายในพริบตา ตามมาด้วยพรีออเดอร์รอบ 2 และกำลังจะมีเสื้อฮาวาย กับกางเกงลายน้องออกมาเพิ่มอีก

ล่าสุด ทางสวนสัตว์กำลังจะจดเครื่องหมายการค้า กับจดลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อรักษาสิทธิ์ของตัวเอง



ถ้าจะบอกว่าน้องหมูเด้ง คือ “ซุป’ตาร์ผู้ช่วยกอบกู้วิกฤตของสวนสัตว์” ก็คงเป็นคำพูดที่ไม่ผิดจากความเป็นจริงเท่าไหร่นัก ถ้านับจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ปรากฏการณ์ฟีเวอร์ครั้งนี้ ถือว่าพลิกทุกอย่างจนไม่เห็นเค้าเดิม

คือความฮอตของน้อง สามารถสร้างเงินให้ได้เฉียด 13 ล้าน ภายใน 19 วัน จากบัตรเข้าชมสวนสัตว์ที่ขายให้นักท่องเที่ยว และคาดว่าจะมียอดคนมาเที่ยวทั้งปี ตั้งแต่ช่วง ต.ค.66 - ก.ย. 67 มากกว่า 1 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินก็คือ มากกว่า 200 ล้านบาท

และเพื่อให้กระแสความคลั่งไคล้ในความน่ารัก น่าเอ็นดูของหมูเด้ง ไม่เลือนหายไป ทางสวนสัตว์ยังเอาใจแฟนๆ ทั่วโลก ด้วยการเปิดระบบ Live Streaming ผ่านเว็บ zoodio.live ให้มา “ตามติดชีวิตเจ้าหมูเด้ง” อย่างใกล้ชิดได้ตลอด 24 ชั่วโมงด้วย




ถามว่าอะไรที่ทำให้ “เจ้าฮิปโปแคระ” ตัวนึง กลายเป็นซุป’ตาร์ ที่ดังเปรี้ยงปร้างระดับโลกได้ขนาดนี้ คงต้องย้อนกลับไปในวันที่เกิดไวรัลแรก ณ สวนสัตว์เขาเขียว จ.ชลบุรี หลังจากน้องหมูเด้ง ลืมตาดูโลก ในวันที่ 10 ก.ค.ได้ไม่นาน

พอเริ่มซนได้ น้องก็กลายเป็นเจ้าฮิปโปตัวตึง ทั้งดีด ทั้งเด้ง วิ่งสวบ งับขาพี่เลี้ยงให้วุ่น จนทำให้เจ้าตัวน้อย เพศเมีย วัย 2 เดือนตัวนี้ กลายเป็นที่พูดถึง ด้วยนิสัยขี้เล่น ขี้เหวี่ยง ขี้โวยวาย ตามประสาฮิปโปเด็ก แต่ก็ยังคงความตะมุตะมิ น่าเอ็นดูเอาไว้ได้

จนเป็นที่มาของการตั้ง account บนโซเชียลฯ ให้น้อง ทั้งในแฟนเพจ และ TikTok ในชื่อ “ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง” ติดแฮชแท็ก#หมูเด้ง #hippo #ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง จนหลายคลิปมียอดเข้าชมทะลุหลักล้าน และกลายเป็นไวรัล

และหนึ่งในนั้น คือคลิป “หมูเด้งไทยแท้ 100%” จากเหตุการณ์เพลงชาติขึ้น แล้วน้องยืนนิ่ง แทนที่จะวิ่งซนตามปกติ จนถูกหยิบไปแซวว่า น้องคือไทยแท้ 100%

ดังไกลไปในหลายประเทศ ถึงขนาดที่ว่า แฮชแท็ก #หมูเด้ง ในภาษาไทย กลายเป็นเทรนด์บน content ต่างชาติด้วย




เฟมัสจน “ฮิปโปฯ แคระ” ทั่วโลกได้เกิดด้วย

ไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ แต่คือกลยุทธ์การตลาดแบบ “Organic Marketing”ที่ทรงพลังคือมุมมองจาก “Wisesight”บริษัทเทคโนโลยี ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาด บอกไว้

เพราะจากการวิเคราะห์ข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ระหว่างวันที่ 20 ส.ค. - 16 ก.ย.67 พบว่าแฮชแท็ก #หมูเด้ง มี Engagement สูงถึง 8,873,794 ครั้ง จากจำนวนโพสต์ทั้งหมด 6,778 โพสต์ เรียกได้ว่า ยอดการมีส่วนร่วมและเข้าถึง พุ่งทะลุเพดานเลยทีเดียว

ส่วน TikTok ถือเป็นแพลตฟอร์ม ที่สร้าง Engagement ได้สูงสุด เฉลี่ยอยู่ที่ 24,103.59 ครั้งต่อโพสต์ ซึ่งถึงจะมีจำนวนโพสต์น้อย แต่ Engagement กลับสูงที่สุด

ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เหนือความคาดหมาย จนจุดกระแสความสนใจใน “ฮิปโปโปเตมัสแคระ”ได้ทั่วโลก ส่งให้หลายๆ ประเทศ เริ่มออกมาโปรโมตซุป’ตาร์ของตัวเอง

เริ่มจาก “ญี่ปุ่น”ที่นำเสนอฮิปโปฯ โอซาก้า อย่าง “เนมุเนมุ”ออกมา ต่อด้วย “พี่โทนี่”แห่งสวนสัตว์เบอร์ลิน
ที่ทางสถานทูตเยอรมนี ขอส่งเข้าประกวดเพิ่ม[เนมุเนมุ จากญี่ปุ่น]
[พี่โทนี่ แห่งสวนสัตว์เบอร์ลิน]

หรือแม้แต่ในไทยเอง ก็เริ่มเผย “ญาติเจ้าหมูเด้ง”ออกมาเพิ่มเรื่อยๆ มีทั้ง “น้องหมูด้วง”วัย 5 เดือน จากสวนสัตว์ขอนแก่น และ “น้องคากิ”วัย 8 เดือน จากสวนสัตว์อุบลฯ กับอีก 3 ตัว ณ สวนสัตว์เชียงใหม่ คือ “ซูโม่” “ขนุน” และ “แก่นคูณ”ดีกรีน้าสาวของเจ้าหมูเด้ง[น้องหมูด้วง]

[น้องคากิ]

[ซูโม่]

[แก่นคูณ]

ลองให้นักการตลาดชื่อดัง อย่าง “ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย” ช่วยวิเคราะห์ อาจารย์มองว่า นี่ถือเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกและเป็นปรากฏการณ์ของไทย ที่ไม่น่าจะเคยมีมาก่อน

เพราะ “หมูเด้ง” ถือว่าเป็นเด็กที่มีความเป็นซูเปอร์สตาร์ในตัวสูง ไม่ว่าจะหน้าตาที่น่ารัก ทั้งตา ทั้งจมูก บวกกับนิสัยชอบเล่นกล้อง ที่ทำให้ใครเห็นก็ต้องเอ็นดูจนอยากอุ้ม

“หมูเด้งเล่นกล้อง อยู่กับสื่อเป็น อยู่กับคนเป็น แล้วมันทำให้คนรู้สึกน่ารัก มองว่ามันไม่ใช่ฮิปโปฯ มันเหมือนเป็นเด็ก เหมือนที่เขามองว่าหมีน้องเนย มันไม่ใช่หมีมาสคอตนะ มันเป็นคนนะ”

[ธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย]
พึ่ง “Social Marketing” จากฐานแฟน

นอกจากความน่ารักเฉพาะตัวของ “น้องหมูเด้ง” แล้ว สิ่งที่ทำให้โด่งดังไปทั่วโลกได้ ก็มาจากอิทธิพลของโซเชียลฯ ในยุคนี้ด้วย เป็นยุคที่ไม่ใช่แค่เฉพาะคนเท่านั้นที่ดังได้ แต่สัตว์ก็เป็นซุป’ตาร์ได้ฮอตไม่แพ้กัน

“คนเสิร์ชผ่าน TikTokเยอะด้วยนะตอนนี้ Gen Z ใช้ TikTokเสิร์ชมากกว่า Google แล้วนะบรรดาสำนักข่าวเลยไปเล่นคือเมื่อก่อนสำนักข่าวระดับโลก มันไม่ได้เล่นเรื่องพวกนี้ไง

คุณดู BBC เล่นเหรอเรื่องนี้สำนักข่าวญี่ปุ่นอะไรอย่างนี้แล้วมันไม่ได้เล่นแค่อย่างเดียวนะ ส่งคนไปด้วยนะมาถึงเขาเขียวเลย”

สิ่งที่จะทำให้กระแส หรือความนิยมของเจ้าหมูเด้ง สุดน่ารักตัวนี้อยู่ได้นาน นักการตลาดชื่อดังก็แนะว่า “ฐานแฟน” หรือคนที่รักในตัวหมูเด้ง จะต้องพยายามสร้างคอนเทนต์ ให้อย่างต่อเนื่อง เพราะหมูเด้งดังด้วยตัวเองไม่ได้ จะต้องมีคนสร้างกระแสให้ตลอดเวลา

“ผมคิดว่าน่าจะอยู่สักประมาณหลายเดือนอยู่เหมือนกันนะแต่ในระดับโลก เราก็ไม่รู้ว่ามันนานขนาดไหน แต่ในประเทศไทย เขาเขียวได้ประโยชน์ เขาเขียวต้องพยายามสร้างคอนเทนต์อะไรขึ้นมาเรื่อยๆ”




แนะว่าการสร้างคอนเทนต์ หรือโปรโมตตัวน้องหมูเด้ง ต้องตั้งอยู่บนความเหมาะสมไม่ให้ดู over marketing เกินไป เพราะอะไรที่ over คนจะวิจารณ์เยอะ

ถ้าเป็นไปได้ ต้องให้คนที่รักและชื่นชอบในตัวหมูเด้ง ช่วยสร้างคอนเทนต์ น่าจะดีกว่าทางสวนสัตว์ทำ จะได้ไม่ดูโฆษณาตัวเองจนเกินงาม

“แต่ว่าถ้าเกิดทำมากไป จับหมูเด้งใส่ชุดโน้นชุดนี้ มันจะเป็นการทรมานสัตว์ไง มันจะมีองค์กรพวกนี้อยู่ คือพูดง่ายๆ อย่าหากินมากเกินไป ต้องพอดี ต้องให้คนอื่นเป็นคนทำ สวนสัตว์ก็ต้องได้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าทำแล้ว สวนสัตว์ไม่ได้ประโยชน์”

ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ยังวิเคราะห์อีกว่า จากนี้ “น้องหมูเด้ง” จะสามารถสร้างรายได้ให้เจ้าของได้อีกแน่นอนพร้อมกับแนะช่องทางการสร้างรายได้เพิ่มอีกว่า นอกจากการขายเสื้อ ขายของที่ระลึก หรือการบัตรเข้าชมแล้ว

ถ้าเป็นไปได้ลองไลฟ์สดในTikTok ให้คนที่ยังไม่มีโอกาสได้มาดูตัวเป็นๆ เข้ามาชม เชื่อว่าน่าจะมีคนมาส่งของขวัญ สร้างรายได้ ผ่านช่องทางนี้ให้ด้วยพร้อมกับย้ำไปถึงสวนสัตว์ด้วยว่า พอมีการสร้างรายได้ ก็อย่าลืมนำรายได้บางส่วนไปพัฒนาความเป็นอยู่ของสัตว์ด้วย จะดีมาก

ที่สำคัญ ประเทศไทยควรช่วยผลักดันให้กลายเป็นจุดขาย โดยเฉพาะจุดดึงดูดเด็กๆ ยุคใหม่ ทั้งนี้“เจ้าหมูเด้ง” ยังถือเป็นการ marketing ประเทศไทยอย่างนึง

เพราะนอกจากจะช่วยกระตุ้น ให้ผู้คนรักสัตว์มากขึ้น ยังน่าจะช่วยให้เด็กๆ และคนยุคนี้ ละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์
แล้วไปเสพความน่ารักที่สวนสัตว์ แบบตัวเป็นๆ ให้ใจฟูได้ด้วย






ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)






@livestyle.official ...ความฮอตของน้อง สร้างเงินให้ได้เฉียด 13 ล้าน ภายใน 19 วัน จากบัตรเข้าชมสวนสัตว์ที่ขายให้นักท่องเที่ยว และคาดว่าจะมียอดคนมาเที่ยวทั้งปี คิดเป็นเม็ดเงินถึงมากกว่า 200 ล้านบาท!! นี่แหละตัวอย่างการตลาดแบบ “Organic Marketing” @khamoo.andthegang @kkopenzoo... . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #หมูเด้ง #hippo #ขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง #หมูเด้งจะเด้งกี่โมง #ฮิปโป #hippopotamus #ฮิปโปแคระ #น้องหมูเด้ง #สวนสัตว์เปิดเขาเขียว #khaokheowzoo #khaokheowopenzoo #สารคดี #สารคดีสัตว์โลก ♬ original sound - LIVE Style


สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : นลธวัช กาญจนสุวรรณ์




** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น