xs
xsm
sm
md
lg

เจาะชีวิต "ฉีเส้าเฉียน" ผ่านซีรีส์ในตำนาน "กระบี่ไร้เทียมทาน" รุ่งโรจน์สุดใน 5 ทศวรรษ!! [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เรียกได้ว่า “ไร้เทียมทาน” ทั้งผลงานและชีวิตจริงเลยทีเดียว สำหรับเส้นทางของ “ฉีเส้าเฉียน” นักแสดงฮ่องกงระดับตำนาน ที่จะอยู่ในใจแฟนๆ ตลอดไป และนี่คือมิติความเป็นเขา กับเบื้องหลังความสำเร็จที่น่าสนใจ ผ่านมุมมองกูรูบันเทิงเอเชียอย่าง “เก้ากระบี่เดียวดาย”








จาก “หนุ่มตลาดหุ้น” สู่ “ซุป’ตาร์ฮ่องกง”

กลายเป็นข่าวเศร้า เมื่อดวงดาวที่ส่องประกายในวงการบันเทิงเอเชีย ดับแสงลงไปอีกดวง กับการจากไปในวัย 73 ของ “ฉีเส้าเฉียน” นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง เจ้าของบทบาท “ฮุ้นปวยเอี๊ยง” ในซีรีส์ระดับตำนานอย่าง “กระบี่ไร้เทียมทาน”

ถึงคนรุ่นใหม่จะไม่คุ้นเคยความโด่งดังของชายคนนี้เท่าไหร่ แต่เชื่อเลยว่าคนวัย 40+ โดยเฉพาะคอซีรีส์กำลังภายใน
แทบไม่มีใครไม่รู้จักเขาคนนี้


และเพื่อให้ได้อินกับความยิ่งใหญ่ระดับตำนานกันมากขึ้น ทางทีมข่าวเลยขอให้ “กูรูวงการบันเทิง” ฝั่งจีน ฮ่องกง และไต้หวันยุคเก่า อย่าง “อาร์ม - ริทธิเมธ ทับสุวรรณ” เจ้าของเพจดังที่ชื่อ “เก้ากระบี่เดียวดาย” ช่วยย้อนเวลา เล่าแง่มุมน่าประทับใจเกี่ยวกับนักแสดงมากฝีมือที่เพิ่งจากไปรายนี้

มิติชีวิตที่น่าสนใจมุมแรกคือ “ฉีเส้าเฉียน” ถือว่ามีชีวิตค่อนข้างแตกต่างจากนักแสดงคนอื่นในยุคเดียวกัน คือประมาณยุค 60’s-70’s เทียบกันแล้ว คนในวงการสมัยนั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีฐานะเท่าไหร่ แต่ตัวเขาเองกลับมีคุณพ่อเป็นนักธุรกิจ มีการศึกษาที่ดี แถมยังเคยทำงานในตลาดหุ้นมาก่อน

[ “อาร์ม - ริทธิเมธ ทับสุวรรณ” แห่งแฟนเพจ “เก้ากระบี่เดียวดาย” ]

ด้วยค่านิยมในยุคนั้นแล้ว ก็ถือว่าเป็นงานที่มั่นคงกว่างานในวงการบันเทิง แต่หนุ่มวงการตลาดหุ้นคนนี้ ดันมีหัวใจชื่นชอบงานแสดง บวกกับเพื่อนๆ ที่ชมว่าเค้าหล่อ น่าจะเหมาะกับสายบันเทิงมากกว่า

สุดท้ายฉีเส้าเฉียนเลยตัดสินใจเบนเข็ม มาสู่เส้นทางการแสดง ด้วยการสมัครเรียน ที่โรงเรียนสอนการแสดงอย่าง “ชอว์ บราเดอร์ (Shaw Brothers)” ในปี 1972 จนในที่สุดก็ได้กลายมาเป็น นักแสดงประจำภายใต้การดูแลของค่ายนี้

“แต่ว่าในช่วงยุคแรกๆ ที่แกแสดงภาพยนตร์ ยังไม่ได้ โด่งดัง เท่าไหร่นะฮะ เพราะว่าในยุคนั้น มันมีทั้ง ตี้หลุง, เดวิด เจียง ซึ่งเป็นดาราดังของ ชอว์ บราเดอร์ ยุคนั้นอยู่ แกก็จะได้รับบทสมทบ อย่างมากก็เป็นแค่พระรอง”



ถูกลืมบน “จอเงิน” โด่งดังบน “จอแก้ว”

ผลที่ได้จากการมุ่งสู่เส้นทางดวงดาว ในช่วงชีวิตก้าวแรกๆ ของฉีเส้าเฉียน คือคำว่า “ยังไม่ประสบความสำเร็จ” ในสาย “ดาราจอเงิน” เขาเลยเบนเข็มทิศชีวิตตัวเองอีกรอบ มาเอาดีด้านการเป็น “ดาราบนจอแก้ว” แทน

พอดีกับช่วงนั้น ที่ทางสถานีโทรทัศน์ RTV เริ่มมาบุกทำซีรีส์แนวกำลังภายในเยอะขึ้น เลยดึงนักแสดงจากชอว์ บราเดอร์มา และหนึ่งในนั้นก็คือ ฉีเส้าเฉียน ภายใต้แรงผลักดันของ “เซียวเซิง” ผู้กำกับ และ “อึงเอ็ง” คนเขียนบท ที่เลือกให้เขามารับบท “จอมยุทธ์ฮุ้นปวยเอี๊ยง” บทพระเอกใน “กระบี่ไร้เทียมทาน”

และหลังจากที่ออนแอร์ไป ละครเรื่องนี้ก็ได้รับความนิยมสุดขีด ทำให้เรตติ้งของทาง RTV เอาชนะช่องคู่แข่งอย่าง TVB ได้แบบขาดรอย แถมยังผลักให้ฉีเส้าเฉียน และกระบี่ไร้เทียมทาน โด่งดังเป็นพลุแตกไปพร้อมๆ กัน

“ตัวละครฮุ้นปวยเอี๊ยง ตอนแรกเป็นเหมือน underdog ก็คือ บทที่โดนคนดูถูกมา มันทำให้คนดูเอาใจช่วย แล้วสุดท้ายพอ ฮุ้นปวยเอี๊ยง เก่งขึ้นมา คนดูก็รู้สึกสนุก”


เจ้าของเพจดัง กูรูบันเทิงเอเชียช่วยวิเคราะห์ต่อ ถึงแรงผลักเบื้องหลังหลายๆ อย่าง ที่ทำให้ซีรีส์ท่องยุทธภพเรื่องนี้ ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นตำนาน

“รวมถึงคิวบู๊ เพราะว่าในสมัยก่อน TVB ส่วนใหญ่เค้าจะถ่ายในสตูดิโอ เพื่อในการควบคุม budget ควบคุมค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำ แต่ว่าตัวของกระบี่ไร้เทียมทาน ส่วนใหญ่จะถ่ายข้างนอก แทบจะไม่มีถ่ายในสตูดิโอเลย มันก็เลยเป็นอะไรที่ มันดูสมจริงขึ้นมา ค่อนข้างที่จะเยอะครับ

เพราะในยุคนั้น มันไม่ได้มีโซเชียลมีเดีย ยุคนั้นมันมีแค่โทรทัศน์ ถ้าเราจะรอตามข่าวนักแสดง ก็อ่านจากนิตยสาร หรือหนังสือพิมพ์เท่านั้น

แต่ว่าความโด่งดังของกระบี่ไร้เทียมทานดังมาก แล้วก็เรียกว่าดังนาน เพราะในยุคก่อน มันไม่ได้มีละครเยอะเหมือนในยุคปัจจุบัน คนดูไม่ได้มีทางเลือกเยอะ”



เซอร์ไพรส์คนดู ปรากฏการณ์ “กระบี่ไร้เทียมทาน”

พอซีรีส์ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นที่พูดถึงทั่วบ้านทั่วเมือง จากเดิมที่เคยวางกำหนดฉายไว้ 30 ตอน ทาง RTV เลยขยายมาเป็น 60 ตอน แถมยังต้องถ่ายไป ออนแอร์ไป

จากตอนแรกที่ฉีเส้าเฉียน วางแผนไว้จะถ่ายทำแค่ 30 ตอน แล้วไปรับงานภาพยนตร์ต่อ เลยกลายเป็นกระทบตารางชีวิตไปหมด บวกกับประเด็นตกลงค่าตัวที่ยังไม่ลงตัว

เลยทำให้พระเอกของเรื่องต้องโดดกองถ่ายบ้าง แอบดอดไปรับงานที่ไต้หวันบ้าง จนสุดท้าย ผู้จัดต้องตัดสินใจงัดแผนใหม่ออกมาใช้ เพื่อให้การถ่ายทำดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่นที่สุด


“ก็เลยมีการเปลี่ยนนักแสดงนำมาเป็น กู้ กวานจง ในยุคนั้น แล้วก็เปลี่ยนโดยใช้วิชาไหมฟ้า พอสำเร็จวิชาไหมฟ้าเสร็จ ก็เปลี่ยนนักแสดงเป็นอีกคนนึง

เรียกว่าเป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้ชมในยุคนั้นมาก เพราะว่าการเปลี่ยนนักแสดงนำ ระหว่างที่ละครกำลังประสบความสำเร็จ มันไม่ค่อยมี ยกเว้นว่า นักแสดงจะเสียชีวิต

ผมว่าส่วนนึง มาจากตัวเสน่ห์ของนักแสดงนำ ภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ พอเค้าเปลี่ยนนักแสดงนำ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เพราะว่าผู้ชมจะติดภาพไปแล้ว”



ยุครุ่งโรจน์ ยากหาใครเทียบ

ยุคกระบี่ไร้เทียมทาน ถือได้ว่าเป็นช่วงที่รุ่งโรจน์ที่สุด ในเส้นทางการแสดงของฉีเส้าเฉียนเลยก็ว่าได้ เพราะในปี 1983 ทางชอว์ บราเดอร์ ก็หยิบเอากระบี่ไร้เทียมทานมาสร้างเป็นหนังใหม่ และดึงฉีเส้าเฉียนมาแสดงอีกรอบในเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งก็ยังประสบความสำเร็จโด่งดังเป็นพลุแตกเหมือนเดิม

และหลังจากนั้น งานแสดงของฉีเส้าเฉียนก็มีออกมาให้ดูไม่ขาดสาย ด้วยบุคลิกของเขา จะชอบถูกป้อนบทจอมยุทธ์, บทตัวร้าย หรือไม่ก็บทเจ้าพ่อให้เสียเป็นส่วนใหญ่


[ ร่วมฝากผลงานไว้กับวงการบันเทิงไทย ]

แถมยังเคยได้ร่วมงานกับทีมหนังไทย ในเรื่อง “เพชรตัดหยก” และเรื่อง “พยัคฆ์ยี่เก” คู่กับ “สรพงศ์ ชาตรี” ส่วนละครไทยก็มีเหมือนกัน คือเรื่อง “แสงเพลิงที่เกริงทอ”

จนกระทั่งปีนี้ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ฉีเส้าเฉียนก็ยังมีภาพยนตร์เข้าฉายถึง 3 เรื่อง เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงที่มีผลงานอย่างต่อเนื่องยาวนานนับ 5 ทศวรรษ และยังเป็นนักแสดงที่ผู้คนในวงการ ยกย่องให้เป็นตำนานไปแล้วด้วย

“แกเป็น 1 ใน 2 นักแสดง ซึ่งตัวของผู้กำกับ ผู้สร้างภาพยนตร์ เทียนฉีเหวิน บอกว่าแกเป็นนักแสดง 2 คนในฮ่องกง ที่เข้าฉากหรือว่าเข้ากองถ่ายไม่ต้องถือบท เพราะแกทำการบ้านมาหมดแล้ว รู้หมดอยู่แล้วบทที่แกต้องแสดงมีอะไรบ้าง”

ตำนานแห่งยุทธภพ ทั้ง “ความรัก” และ “ผลงาน”

ด้านชีวิตส่วนตัวของฉีเส้าเฉียน ก็ถือได้ว่าเป็นคนที่ใช้ชีวิตค่อนข้างคุ้มอยู่เหมือนกัน คือเขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะ ชอบเที่ยว และมีภรรยาอยู่หลายคน พูดง่ายๆ คือเรื่อง “สุรา-นารี” ไม่มีเว้นว่าง ไม่ต่างอะไรจากชีวิต “จอมยุทธ์มากฝีมือ” ที่ชอบรับบทเท่าไหร่นัก

โดยตลอดระยะเวลาการท่องยุทธภพในวงการบันเทิง ยาวนานนับ 5 ทศวรรษของฉีเส้าเฉียน เจ้าของเพจดังอย่าง “เก้ากระบี่เดียวดาย” ก็ขอคอนเฟิร์มเลยว่า เขาเป็นนักแสดงที่เรียกได้ว่า คือหนึ่งในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์และวงการโทรทัศน์ ทั้งในฮ่องกงและเมืองไทย



“ความสำเร็จของฉีเส้าเฉียน นับว่าเป็นประวัติศาสตร์ แล้วก็ยังนับว่าจนถึงปัจจุบัน ละครเรื่องอื่นอาจจะมีการรีเมคไปหลายครั้งแล้ว แต่กระบี่ไร้เทียมทาน ไม่มีใครรีเมคเลย ทั้งๆ ที่ผ่านมาแล้ว 45 ปีแล้ว

นั่นก็บ่งบอกถึงความสำเร็จว่า ต่อให้รีเมค คุณก็จะสู้ของเดิมไม่ได้ ถึงแม้ว่าของเดิม อย่างเรื่องระบบการถ่ายทำ มันจะค่อนข้างโบราณมาก แต่ด้วยความสำเร็จของมัน และเป็นสิ่งที่มันไม่สามารถทำซ้ำได้อีกแล้วในยุคถัดไป

ก็คิดว่าไม่มีใครเอามาทำซ้ำ เพราะว่าถ้าทำ ก็คงยังจะมีคนพูดถึงชื่อ ฉีเส้าเฉียน อยู่ ก็นับว่าเป็นดาราฮ่องกง ที่คงอยู่ในความทรงจำของผู้ชมในยุคนั้น และตลอดไปครับ”





ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)






@livestyle.official ...ร่วมรำลึกถึง “ตำนานแห่งกำลังภายใน” กับเบื้องหลังความสำเร็จที่น่าสนใจ ผ่านมุมมองกูรูบันเทิงเอเชียอย่าง “เก้ากระบี่เดียวดาย”... . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ #บันเทิงเอเชีย #ฉีเส้าเฉียน #กระบี่ไร้เทียมทาน #ฮุ้นปวยเอี๊ยง #จีน #ฮ่องกง #normantsui #xushaoqiang ♬ เสียงต้นฉบับ LIVE Style


สกู๊ป : ทีมข่าว MGR Live
คลิป : นลธวัช กาญจนสุวรรณ์
ขอบคุณภาพ : หอภาพยนตร์, เฟซบุ๊ก "Arm Ritthimate Tubsuwan", “ภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย-Moouanbooks” และ “Thai Movie Posters”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น