xs
xsm
sm
md
lg

“คุณนาย เบเกอรี่" เศรษฐี ม.ต้น เริ่มชิ้นละ 5 บาท ปั้น 7 หลักต่อเดือน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เปิดใจ “น้องโฟกัส” สาวน้อยเจ้าของ “คุณนาย เบเกอรี่” พลิกวิกฤตเป็นโอกาส ขายโดนัท 5 บาทจนดังเปรี้ยง ช่วงพีคขายกว่าหมื่นชิ้นต่อวัน รับทรัพย์ 7 หลักต่อเดือน

วิกฤตโควิด ทำชีวิตพลิกเพราะโดนัท

ตอนอายุ 13 ปี ตัวเรากำลังทำอะไรกันอยู่...?

หลายคนก็คงปรับตัวกับการเรียนที่ก้าวจากชั้นประถม มาสู่ชั้นมัธยมต้น บ้างอาจจะทำกิจกรรมสนุกสนานตามวัย

แต่สำหรับ “น้องโฟกัส - ธันย์สิตา อริยะรุ่งรัตน์” เธอกลายเป็นเจ้าของร้าน “คุณนาย เบเกอรี่” ร้านขนมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ กับการขายเบเกอรี่ราคาเริ่มต้นเพียงชิ้นละ 5 บาท แต่สร้างรายได้ถึง 7 หลักต่อเดือน

ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นเมื่อราว 4 ปีที่แล้ว การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ครอบครัว “อริยะรุ่งรัตน์” ทำให้เสาหลักของบ้านอย่างคุณแม่ ต้องออกจากงานประจำที่ทำอยู่ มาหาอาชีพใหม่



น้องโฟกัสในวัยเพียง 13 ปี ได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และพยายามหาทางออก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัว

“ถ้าเป็นเมื่อก่อนนะคะ คุณแม่จะทำงานประจำค่ะ ก็คือเป็นพวกร้านถ่ายรูป ก็จะกระทบทั้งเรื่องรายได้ด้วยค่ะ แล้วก็เหมือนที่บ้านหนูรายได้จะมาจากคุณแม่เป็นหลัก ก็เลยกระทบกันทั้งบ้าน พอเกิดโควิดก็เลยทำให้ทั้งบ้านต้องมาช่วยกันแก้ปัญหาค่ะ

คุณแม่เขาจะชอบทำพวกขนมเป็นเหมือนงานอดิเรกค่ะ ตอนนั้นก่อนที่จะมีโควิด คุณแม่เขาก็จะทำขนมอยู่แล้ว แล้วหนูก็จะเอาไปขายที่โรงเรียนด้วย (เพื่อนๆ) เขาก็ชอบค่ะ สมัยที่หนูเอาไปขาย ส่วนมากหนูจะชอบเอาพวกทาร์ตไข่อะไรอย่างนี้ไปขายค่ะ เขาก็จะชอบอุดหนุนกัน



แต่ว่าพอมีโควิดเข้ามา แม่ออกจากงานประจำ ก็เลยกลายเป็นว่าเราต้องมาหางานใหม่ ทีนี้ก็เลยคิดว่าตอนนี้สิ่งที่เราทำเป็นก็อาจจะเป็นขนม ก็เลยให้คุณแม่ลองเอาขนมมาทำเป็นอาชีพหลักค่ะ ตอนนั้นยังไม่ได้ทำหน้าร้านค่ะ เราก็ต้องหาหน้าร้านเป็นหลักเป็นแหล่ง

ตอนนั้นหนูอยู่ประมาณช่วง ม.ต้นค่ะ ก็คือมันเป็นช่วงโควิดพอดี ก็เลยทำให้ที่โรงเรียนเขาจะเรียนเป็นออนไลน์กัน ก็ทำให้จะมีเวลาอยู่ที่บ้านเยอะขึ้นค่ะ ก็คือช่วยคุณแม่ชิมขนมแต่ละวัน ว่ารสชาตินี้พอจะขายได้หรือยัง ถูกปากเราหรือยัง

เหมือนคุณแม่เขาจะหาเรียนนู่น หาเรียนนี่ ค่อยๆ ปรับสูตรเป็นของตัวเองไปเรื่อยๆ ให้ถูกปากลูกๆ มากที่สุด เพราะคิดว่าถ้าถูกปากเรา ก็อาจจะถูกปากลูกค้า อย่างนี้ค่ะ”


[ จากแผงลอย สู่หน้าร้าน ]

เมนูแรกที่ตัดสินใจวางขายคือ ‘แพนเค้กญี่ปุ่น’ แต่ด้วยสถานการณ์ของเศรษฐกิจในตอนนั้น ทำให้ขนมตัวนี้ไม่ได้รับความนิยม จึงจำเป็นต้องหาเมนูใหม่มาทดแทน

“ตอนแรกหนูเคยขายเป็นแพนเค้กญี่ปุ่น แต่ว่าเหมือนราคามันจะสูงไปนิดนึง พอเป็นช่วงโควิดเนี่ย จะทำให้คนเลือกใช้จ่ายกันมากขึ้น ตอนนั้นหนูขายเป็นกล่องค่ะ ชิ้นละประมาณ 70 กว่าบาทถึง 100 กว่าบาทค่ะ

ตอนที่ขายแพนเค้กยอดขายน้อยค่ะ ส่วนมากเขาอาจจะไม่ใช้เงิน 100 บาท กับการซื้อขนมมื้อนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็อาจจะขายไม่ค่อยได้ค่ะ

ก็คิดว่างั้นเราอาจจะต้องหาขนมที่ตอบโจทย์คนมากกว่านี้ เลยเลือกเป็นพวกโดนัท เพราะว่าคุณแม่เขาจะชอบทำขนมให้กินหลายตัวใช่ไหมคะ แต่ว่าตัวที่จะชอบกินกันมากที่สุดก็คือพวกโดนัท

เราคุยกันว่าโดนัท หนูคิดว่ามันสามารถเล่นได้มากที่สุด คือเราสามารถแต่งหน้าทำรูปแบบได้มากค่ะ ก็เลยเลือกเป็นโดนัท ที่บ้านไม่เคยทำธุรกิจอาหารค่ะ อันนี้เป็นครั้งแรกเลย ตอนนั้นมีหน้าร้านที่อยุธยาเลยค่ะ”

โดนัท 5 บาท คนซื้อได้กำไร คนขายไม่ขาดทุน

หลังจากที่ตัดสินใจแล้วว่าจะลุยในเส้นทางเบเกอรี่ เมนูแจ้งเกิดของที่ร้านก็คือ “โดนัท” ในราคาชิ้นละ 5 บาท ที่บวกลบคูณหารแล้วว่าราคานี้ไม่ขาดทุน

“ประมาณหนู 13 ค่ะ ก็ประมาณ 3 - 4 ปีที่แล้วค่ะ ช่วงที่โควิดเข้ามา ตัดสินใจไม่นานค่ะ เพราะว่าเหมือนตอนนั้นเราไม่ได้มีงานเป็นหลักอยู่แล้วด้วย การเริ่มต้นอันนี้เราสามารถเริ่มได้เลย ก็คือถ้าสมมติว่ามันไม่เวิร์ก ก็อาจจะเริ่มตัวอื่นค่ะ

ตอนที่หน้าร้านเริ่มเป็นโดนัทค่ะ ก็คือเป็นตัวแป้งโดนัท แต่ว่าเราอาจจะทำให้รูปแบบแตกต่างค่ะ เริ่มต้นที่ 5 บาทเลยค่ะ แต่ว่าวันแรกที่ขายเนี่ย เหมือนพี่ที่ร้านก็กลัวเราจะไม่ได้กำไร เขาก็เลยเคยลองขาย 10 บาทให้

แต่ว่าก็คือ 10 บาทลูกค้าไม่ซื้อเลย เพราะว่ามันไม่ได้มีความแตกต่างกับขนมทั่วไปค่ะ เขาก็เลยขาย 5 บาทแบบที่เราตั้งใจไว้ เลยทำให้ลูกค้าซื้อเยอะขึ้น เราก็เลยคิดว่างั้น 5 บาท ควรจะเป็นราคาที่เราตั้งไว้เป็นมาตรฐานค่ะ

ไม่ขาดทุนค่ะ ก็คือเหมือนอย่างถ้าเราจะขายใช่ไหมคะ อย่างแรกเราก็ต้องได้กำไร แต่ว่ากำไรที่หนูได้อาจจะน้อยค่ะ อาจจะเป็นบาทนึงอะไรอย่างนี้ แต่หนูจะไปอาศัยที่ปริมาณมากกว่าค่ะ


[ โดนัท 5 บาท เมนูกู้วิกฤต ]

5 บาทก็คือเหมือนช่วยกันคิด เพราะว่าถ้าอย่างหนู หนูยึดจากหนูเป็นวัยนักเรียนอยู่ใช่ไหมคะ หนูก็คิดว่าเงินน้อยที่สุดอย่างน้อยที่เราจะเอามาโรงเรียน ก็อาจจะเป็น 5 บาท หนูก็เลยคิดว่า ถ้าตอนนั้นไม่ได้มองกลุ่มเป้าหมายเยอะมากขนาดนั้น ถ้าเราขายเด็กที่เดินผ่านไปผ่านมาแถวหน้าร้าน ก็น่าจะตอบโจทย์ พอใจแล้วค่ะ

เด็กแถวหน้าร้าน เขาก็รู้แล้วว่าร้านนี้ขายขนม 5 บาท เขาก็จะถือเหรียญมา 5 บาท ขอคุณแม่มาแล้วก็มาเคาะประตู จะไม่ค่อยได้คุยค่ะ แล้วก็ส่วนมากเขาจะซื้อเป็นพวกโดนัทอย่างนี้ค่ะ เขาจะชอบมาซื้อทุกวันค่ะ”

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ร้านขนมเจ้าเดียวที่มีในท้องตลาด แล้วเพราะอะไรล่ะ ที่ทำให้ลูกค้าติดใจกลับมาอุดหนุนกัน

น้องโฟกัสบอกว่า ที่ร้านนอกจากจะทำราคาไว้ถูกแล้ว ขนมทุกชิ้นยังใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ บวกกับรสชาติเกินคุ้ม จึงทำให้มีลูกค้าติดใจวนเวียนกลับมาซ้ำอีก

“ถ้าจุดเด่นหลักๆ หนูจะคิดว่าเป็นราคาค่ะ มันเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกค่ะ แล้วก็อีกอย่างก็คือจะเป็นรสชาติค่ะ อย่างบางคนเขาอาจจะมองว่า 5 บาท ในเมื่อมันราคาถูก รสชาติมันอาจจะไม่โอเคอย่างนี้ แต่ว่าจริงๆ แล้วเราใช้วัตถุดิบที่โอเค วัตถุดิบที่ดีแล้วก็เหมาะสม ก็เลยทำให้มีลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำค่ะ

หนูจะมีทั้งของหวานและของคาว ก็จะมีราคา 5 บาท 6 บาท ก็คือจะทำให้คนเข้าถึงได้ง่ายค่ะ ถ้าตอนแรกที่ตั้งไว้คือหนูอยากตั้งให้เป็นวัยนักเรียน แต่ว่าพอขายมาส่วนมากก็มีทุกวัยเลยค่ะ มีทั้งเด็ก มีทั้งผู้ใหญ่ อย่างช่วงวัยทำงานก็อาจจะซื้อไปจัดเบรก ทำโรงทาน หรือว่าซื้อไปรับประทานทั่วไปค่ะ

ตรงหน้าร้านจะเลยแยกโรงเรียนอาชีวะมาค่ะ ก็จะมีโรงเรียนอยู่แล้วด้วย แล้วก็เหมือนเส้นนั้นตรงอยุธยาก็จะมีชาวต่างชาติเดินผ่านเยอะค่ะ ตอนนั้นหนูวางขายหน้าร้านค่ะ แล้วก็จะมีไปออกขายตามตลาดนัดด้วย ให้คนเริ่มรู้จักค่ะ”



เป็นโชคดีของ คุณนาย เบเกอรี่ ที่ใช้เวลาเพียงแค่ช่วงเดือนแรกที่เปิดร้าน ก็กลายเป็นที่รู้จักใน จ.พระนครศรีอยุธยา ความฮอตยังไม่หยุดแค่นั้นเพราะได้รับเชิญไปออกรายการมามากมาย แถมยังกระแสดีไม่มีแผ่วมาจนถึงปัจจุบัน

“ขายไม่นานค่ะ ประมาณช่วงเดือนแรกที่ขาย อย่างหนูลงเพจในอยุธยาก่อน ก็คือให้กลุ่มเป้าหมายเป็นในโซนอยุธยา แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนมีรายการต่างๆ ผ่านมาเห็นค่ะ ก็เลยได้เชิญติดต่อไปออก เลยทำให้มีคนรู้จักมากขึ้นค่ะ

ก็ทำให้นอกจากจะมีลูกค้าในอยุธยาอยู่แล้ว จะมีลูกค้าต่างจังหวัดด้วย เขาบอกว่าเขาดูจากรายการนี้นะ เขาก็มาเพื่อซื้อขนมเลย มาจากหลายจังหวัดเลยค่ะ หลายๆ ภาคอย่างนี้ค่ะ

เหมือนที่ร้านตั้งแต่ตอนแรกที่เราเริ่มร้านมา ตอนนั้นหนูอายุ 13 เขาก็จะมองว่าเด็ก 13 ทำขนม เลยทำให้หลายๆ สื่อที่สนใจ ทำให้ทุกคนจะมีความสนใจมากขึ้น เขาอาจจะมองว่าเราอายุน้อย แล้วเราก็ได้ทำธุรกิจที่ปัจจุบันมันเติบโตค่อนข้างเยอะ อย่างนี้ค่ะ

ที่บ้านเวลาออกสื่อก็เลยจะให้หนูเป็นหลัก แต่จริงๆ ก็คือที่บ้านจะปรึกษากันตลอดในเรื่องของการทำขนมค่ะ ทุกอย่างก็จะมาจากไอเดียของที่บ้านทุกคนเลย”

ค่าวัตถุดิบขึ้น แต่ไม่ขึ้นราคา รับ 7 หลักเหนาะๆ ต่อเดือน

ด้วยเพราะเป็นธุรกิจครอบครัว ทำให้สมาชิกทุกคนในบ้าน มีส่วนร่วมด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งหน้าที่ของน้องโฟกัสหลังว่างจากการเรียน ก็จะมาเป็นลูกมือคุณแม่คอยช่วยทำ ช่วยชิม และช่วยคิดเมนูใหม่ๆ เพื่อวางขาย

“จะมีคุณพ่อคุณแม่ค่ะ หนูจะมีพี่น้องทั้งหมด 4 คนค่ะ หนูเป็นคนที่ 2 ค่ะ ก็ประมาณ 6 คน ถ้าอย่างขายหน้าร้าน คุณแม่เขาจะเป็นคนคิดสูตรขนมใช่ไหมคะ อย่างหนูกับพี่ชายก็อาจจะเป็นคนคอยทำเกี่ยวกับเรื่องการตลาดอย่างนี้ค่ะ เป็นคนคอยขาย ส่วนคุณพ่อจะเป็นคนคอย Support ตรงนี้ค่ะ

ถ้าตอนนี้หนูก็จะเรียนเป็นหลักค่ะ หนูจะเรียนจันทร์ - ศุกร์ แล้วก็เสาร์ - อาทิตย์ ถ้าหนูเคลียร์งานเรียบร้อย หนูก็จะเข้าไปช่วยคุณแม่ทำขนมเพิ่ม ก็คือเหมือนช่วยกันหาขนมใหม่ๆ คิดสูตรใหม่ๆ ไปลองกันชิมค่ะ

ตอนนี้หนูทั้งมีโดนัทที่ขายสำเร็จหน้าร้าน แล้วก็มีพวกแป้งแช่แข็ง อย่างโดนัทหนูก็จะมีหลายหน้า มีพวกทั้งของหวาน - ของคาว อย่างตอนนี้ก็จะมีพวกของสำเร็จ ที่พร้อมส่งทั่วประเทศด้วยค่ะ หรือว่าเป็นพวกเค้กต่างๆ ก็มีค่ะ

ถ้าอย่างที่ขายดีของที่ร้าน หน้าร้านนะคะ ก็จะเป็นพวกโดนัทไอซิ่งค่ะ เหมือนลูกค้าจะชอบมาซื้อเพราะว่าเราให้ไส้เยอะ ถ้าเป็นเด็กก็จะชอบพวกโดนัท ซื้อหน้าต่างๆ ถ้าเป็นผู้ใหญ่ส่วนมากเขาจะชอบซื้อของคาว ก็จะเป็นเบอร์เกอร์ค่ะ”


[ คาว - หวานมีครบ เริ่มต้นที่ 5 บาท ]

แม้วัตถุดิบในการทำขนมจะขึ้นราคา แต่ร้านนี้เลือกที่จะตรึงราคาโดนัทชิ้นละ 5 บาทไว้เหมือนวันแรก

“ไม่ได้ขึ้นเลยค่ะ ก็จะอยู่ที่ 5 บาท 6 บาทเหมือนเดิมค่ะ ตอนที่หนูตั้งราคาตั้งแต่ตอนแรก หนูก็ได้มีการเผื่อไว้แล้ว คือกำไรหนูจะได้ประมาณบาทสองบาท อย่างปัจจุบันที่ค่าวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ถ้าหนูยังขายราคาเดิมได้ ก็คือหนูยังได้กำไรอยู่ค่ะ อาจจะน้อยลงมานิดนึง แต่หนูจะไปอาศัยที่ปริมาณขายค่ะ

แฟรนไชส์ไม่ได้ทำค่ะ หนูจะขายเป็นหลักๆ คือของที่ร้านเลย มีส่งทั้งแป้งแช่แข็งและตัวสำเร็จค่ะ ตัวแป้งแช่แข็งก็คือเหมือนอย่างแป้งที่ร้านหนูจะมี 4 แบบใช่ไหมคะ แต่ว่าลูกค้าสามารถเอาไปทำได้หลากหลายหน้า

ก็คือเราจะสอนวิธีทำ วิธีทอด หรือว่าแนะนำวัตถุดิบต่างๆ แต่ว่าเรื่องราคา ลูกค้าสามารถเอาไปกำหนดได้เอง แล้วก็ตั้งชื่อร้านเองค่ะ เขาสามารถเอาไปทำเป็นแบรนด์เขาเองได้เลยค่ะ

แป้งแช่แข็งหนูจะเป็นถุงละ 50 ชิ้น มีทั้งหมด 4 แบบ หนูจะเปิดบิลที่ 300 ชิ้น ก็จะเป็นชิ้นละ 3.50 บาท การลงทุนก็จะลงทุนประมาณหลักพันกว่าบาท ก็สามารถสร้างอาชีพได้แล้วค่ะ”



ถามถึงรายได้ที่ได้รับต่อเดือนก็ไม่ธรรมดา เพราะโดนัท 5 บาทนี้ สามารถทำเงินได้ถึงหลักล้านต่อเดือน แถมช่วงเทศกาลก็ขายดีนับหมื่นชิ้นต่อวันเลยทีเดียว

“ถ้าหน้าร้านก็จะวันละ 200 - 300 ชิ้นค่ะ แต่ว่าถ้าเป็นช่วงพีคๆ หรือว่าช่วงเทศกาลอะไรอย่างนี้ หนูจะมีขายทั้งตัวแป้งสำเร็จ ตัวแป้งแช่แข็งด้วย ก็อาจจะขายได้เยอะหน่อยค่ะ ถ้าเป็นช่วงเทศกาล ทั้งรวมแป้งสำเร็จ แป้งแช่แข็งด้วย ก็อาจจะได้วันละหมื่นชิ้นก็มีค่ะ

ยอดขายค่อยๆ พัฒนาขึ้นค่ะ เหมือนอย่างมันพัฒนาจากการที่เราหารูปแบบการขายใหม่ด้วยค่ะ อย่างเมื่อก่อนหนูอาจจะขายแค่หน้าร้านเป็นหลัก แต่ว่าปัจจุบันก็จะมีทำแป้งแช่แข็งด้วย หรือว่ารับผลิตแป้งด้วยก็จะมียอดขายที่เพิ่มขึ้นค่ะ

ที่บ้านจะเน้นออนไลน์เป็นหลักเลยค่ะ แต่ว่าเราก็จะมีขายหน้าร้านด้วยค่ะ ถ้ารายได้ต่อเดือนนี่ประมาณ 7 หลักค่ะ เป็นยอดกลมๆ ค่ะ”

ประสบการณ์มี จะไม่ล้มเป็นรอบที่ 2

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า คุณนาย เบเกอรี่ เริ่มต้นมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นทำให้น้องโฟกัสได้เรียนรู้การทำงาน และการแก้ปัญหาในเชิงธุรกิจ ตั้งแต่คำนำหน้าชื่อยังเป็นเด็กหญิง

และในทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ เพราะหลังจากที่เจอการระบาดของไวรัสร้ายหลายระลอก ทำให้ร้านเบเกอรี่แห่งนี้ ผุดไอเดียทำ ‘แป้งแช่แข็ง’ ที่ต่อมาได้กลายมาเป็นอีกช่องทางสร้างรายได้หลักให้กับที่ร้าน

“ถ้าเป็นช่วงที่ท้อจะเป็นช่วงตอนที่โควิดมันกลับมาอีกรอบนึงค่ะ มันจะมีรอบ 1 รอบ 2 รอบ 3 ใช่ไหมคะ ถ้าอย่างตอนแรก เราขายเป็นหน้าร้านได้แล้ว แล้วพอมันกลับมาอีกรอบนึง ทำให้ตอนนั้นเครียดกัน เหมือนทำให้คนออกมาไม่ได้อีก คนไม่มีกำลังในการที่จะใช้จ่ายอีกรอบนึง

ทำให้ตอนนั้นเริ่มการขายแป้งแช่แข็งขึ้นมาค่ะ แต่ว่าไม่มีใครทำแป้งแช่แข็งเป็นเลย ก็เลยแค่มองกันว่าเราอยากลองทำ ลองเอาแป้งไปแช่ฟรีซดูไหม ลองแช่ฟรีซแล้วปรากฏว่ามันอยู่ได้ค่ะ จากนั้นก็เลยคิดว่างั้นขายออนไลน์น่าจะเป็นอาชีพหลัก ก็เลยทำให้เป็นรอบ 2 รอบ 3 จะเป็นตัวแป้งแช่แข็ง ที่ว่าเราแก้ปัญหาจากรอบแรกแล้ว หลังจากนั้นก็เลยมีปัญหาอีกเลยค่ะ

ส่วนมากก็อาจจะเป็นเรื่องการขนส่งขนม ถ้าเป็นตัวแป้งแช่แข็ง เราส่งจากทางเราไปแล้ว แต่ว่าขนส่งอาจจะอุณหภูมิไม่ถึง ก็ทำให้ตัวแป้งมีความเย็นไม่พอ พอถึงลูกค้าก็ทำให้สินค้าไม่ได้คุณภาพ เราก็จะเคลมให้เขาอย่างนี้ค่ะ

เราก็จะมาแก้ปัญหาเรื่องขนส่งต่อค่ะ ถ้าเป็นลูกค้าสั่งเซต 300 ชิ้นใช่ไหมคะ แล้วจะต้องเคลมทั้งหมดเลย ก็จะมีเสียหายเป็นหลักพันค่ะ เราก็ต้องมาปรับแก้กัน ว่าเราต้องหาวิธีการแบบไหน ที่จะทำให้ขนมไปถึงลูกค้าได้แบบมีคุณภาพ”



[ “แป้งแช่แข็ง” ไอเดียทำเงินช่วงโควิด ]

และนี่ก็ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวกลมเกลียวกันมากขึ้น ไม่ต่างอะไรกับขนมโดนัทที่วางขาย

“ที่ได้เรียนรู้ก็คือเหมือนหนูกับครอบครัวได้พูดคุยกันมากขึ้น เพราะว่าธุรกิจที่ทำมันเป็นธุรกิจครอบครัว ก็เลยทำให้ต้องมีการปรึกษากันค่ะ เลยทำให้กลับมาสนิทกันมากขึ้น ช่วยกันแก้ปัญหาทั้งในเรื่องของความสัมพันธ์และในเรื่องงานด้วยค่ะ

เวลาเจอปัญหาเหมือนเราล้มจากตอนที่คุณแม่ออกมาจากที่ประจำใช่ไหมคะ แต่ว่าก็ทำให้เรามองกันว่า ในเมื่อเราล้มแล้วเราสามารถทำเป็นร้านขนมขึ้นมาได้ ก็คิดว่าหลังจากนี้มันก็คงจะไม่ล้มไปมากกว่านี้แล้ว

ล้มครั้งนึงแล้วก็ยังลุกได้ ก็เลยคิดว่าหลังจากนี้ถ้ามันเกิดปัญหาอีก แล้วเรากลับมาช่วยกันแบบครั้งแรก ยังไงก็คิดว่าจะช่วยพยุงขึ้นมาได้ค่ะ ตอนนี้ทำขนมเป็นหลักเลยค่ะ ก็คือขนมเป็นอาชีพหลักของที่บ้านค่ะ

คุณแม่เขาก็จะทำขนมได้หลายๆ ตัว แต่ว่าถ้าหนูกับพี่ชายอยากได้ตัวไหนก็อาจจะช่วยกันค่ะ อาจจะบอกคุณแม่ว่าอยากได้แบบนี้ ถึงคุณแม่จะทำได้ไม่ได้ แต่ว่าเขาก็จะค่อยๆ ลองให้ถูกปากเราค่ะ

อย่างหนูกับพี่ชาย ก็จะดูผ่านช่องทาง Facebook ทาง TikTok อะไรอย่างนี้ค่ะ ว่ากระแสใหม่ๆ ที่คนกำลังฮิตเป็นแบบไหนกัน แล้วเราก็อาจจะเอามาปรับเปลี่ยน บอกคุณแม่ว่าขนมแบบนี้คุณแม่ลองทำดู แล้วเราก็ลองหารูปแบบใหม่ๆ รสชาติที่ถูกปากเราก่อนค่ะ



ถ้ากับพี่ชายห่างกัน 6 ปีค่ะ ก็เหมือนกลับมาสนิทกันมากขึ้นเพราะว่ามาทำธุรกิจด้วยกัน เหมือนเราต้องคุยกันมากขึ้นค่ะ ก็ทำให้ต้องแชร์ไอเดียกัน

การขายขนม ปกติจะมีแค่คุณแม่ที่สนใจเรื่องขนม แต่ว่าพอเหมือนทุกคนต้องมาขายขนมด้วยกัน ก็ทำให้เราก็ต้องหารูปแบบใหม่ๆ เกี่ยวกับขนมมาช่วยกันมาแชร์กัน ทำให้ปรึกษากันมากขึ้นค่ะ”

สาวน้อยวัย 17 ปี ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่าอาชีพใหม่อย่างการขายเบเกอรี่ จะพาให้ครอบครัวมาถึงทุกวันนี้ได้ และการมีชื่อเสียงก็ถือว่าเป็นกำไรที่ร้านได้รับ

“จริงๆ ตอนแรกหนูไม่คิดว่าจะได้ออกพวกรายการอะไรอย่างนี้เลยค่ะ เหมือนตอนแรกที่เราทำขนม หนูกับคุณแม่พอใจกันตั้งแต่ที่ทำขนมแล้วมีคนซื้อหน้าร้านตอนแรกแล้วค่ะ เราพอใจกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

แต่ว่าเหมือนปัจจุบันที่มีคนมาซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าคนรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือมันเป็นกำไรแล้วค่ะ ที่คนเข้ามารู้จักเรามากขึ้น ไม่ได้คิดไว้เลยค่ะ ตอนแรกแค่กะกันไว้ว่าเราทำขนมให้มันเป็นเหมือนอาชีพหลักของครอบครัว พยุงครอบครัวได้ก็โอเคแล้ว

แต่พอขายไปเรื่อยๆ ก็ทำให้มีลูกค้าเข้ามามากขึ้น ทำให้ธุรกิจมันโตขึ้นด้วย ก็ทำให้มันมั่นคงค่ะ ตอนนี้บางคนที่มาที่ร้านก็ยังนึกว่าหนู 13 อยู่ (ยิ้ม) แต่จริงๆ ผ่านมา 4 ปีแล้วค่ะ”



สำหรับอนาคตที่วางไว้ให้กับร้านขนมนี้ นอกจากการเตรียมรับทำสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น เธอยังมีแพลนจะลุยทำคอนเทนต์ลงทางแพลตฟอร์ม TikTok อีกด้วย

“มองอนาคตไว้ว่า อย่างปัจจุบันหนูก็อยากให้ร้านมันเติบโตได้มากขึ้นกว่านี้อีก อยากให้มันมั่นคงค่ะ ก็จะมีการเพิ่มเป็นการรับผลิตแป้ง เหมือนมีลูกค้ามาสั่งแป้ง แล้วเราก็จะเป็นฝ่ายผลิตให้อย่างเดียว

หรือว่าก็อยากจะมองการส่งแป้งสำเร็จทั่วประเทศ หรือว่าตัวแช่แข็งทั่วประเทศ อยากให้มันครอบคลุมมากขึ้นค่ะ ส่วนมากถ้าเขามาซื้อ ก็มีเหนือ ใต้ กลาง อีสาน ก็จะซื้อไปหมดเลย

ที่บ้านจะไม่ค่อยเก่งโซเชียลฯ เลยค่ะ ช่องทางหลักๆ ก็จะเป็น Facebook เป็นเพจร้านคุณนายเบเกอรี่ค่ะ ตอนนี้กำลังปรึกษากันที่จะทำช่องทาง TikTok เพิ่มขึ้นค่ะ ก็อาจจะมีในอนาคตค่ะ”

อย่าลังเล คิดแล้วต้องลงมือทำ

สิ่งที่ “ครอบครัวอริยะรุ่งรัตน์” ปลูกฝังในการทำธุรกิจให้กับลูกๆ มาเสมอ นั่นก็คือความจริงใจ และน้อมรับฟังทุกคำติชมจากลูกค้า เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพดีต่อไป

“ถ้าเป็นเรื่องธุรกิจ อย่างเรื่องขนม บางคนอาจจะมองว่า ปัจจุบันเรามีวัตถุดิบที่มากขึ้นใช่ไหมคะ ก็อาจจะกลัวว่าเราจะปรับลดวัตถุดิบ แต่จริงๆ คือเราไม่ได้ลดเลย ครั้งแรกที่เราให้ลูกค้ายังไง ปัจจุบันเราก็ยังให้ลูกค้าเหมือนเดิม ก็คือเราจะคุยกันว่าเราต้องจริงใจกับลูกค้าค่ะ

อย่างรสชาติ เรื่องความชอบ หรืออะไรอย่างนี้ เราอาจจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมนะคะ แต่เรื่องความอร่อย เราก็จะมองจากลูกค้าที่มาซื้อกลับเป็นหลัก ช่วงแรกๆ เหมือนบางวันรสชาติขนมเราอาจจะผิดแปลกไปใช่ไหมคะ ก็จะมีลูกค้ามาบอกแบบ… เหมือนเขาเคยมาซื้อแล้ว วันนี้รสชาติมันแปลกนะ

เขาก็จะบอกให้เรารู้ปัญหาค่ะ พอเรารู้เราก็ช่วยกันปรับ เพราะว่าเราอยากซื้อใจลูกค้า ให้ลูกค้ากลับมาซื้อเราเหมือนเดิมค่ะ เหมือนลูกค้าเขาเป็นลูกค้าประจำด้วยค่ะ เพราะเขาเห็นว่ารสชาติเราเปลี่ยน เขาก็เลยอยากที่จะบอกเรา เหมือนเขาก็อยากจะมาซื้อเราเหมือนเดิม เราก็เลยมีความรู้สึกว่าเราก็อยากจะขายเขาเหมือนเดิมด้วย

จริงๆ ที่บ้านไม่ค่อยได้พูดอะไรกันมากค่ะ เหมือนที่บ้านเราจะไม่ค่อยพูดอะไรกันซึ้งๆ (ยิ้มเขิน) หรือว่าคุยอะไรกันอย่างนี้มากค่ะ แต่ว่าก็เหมือนจะให้เรียนรู้จากทุกครั้งที่เกิดปัญหา

อย่างทุกครั้งที่เหมือนลูกค้ามาบอก Feedback อะไรอย่างนี้ คุณแม่เขาก็จะสอนเป็นเรื่องๆ ไป พอลูกค้าเขามาบอกเราก็ต้องรับฟังเขานะ เราต้องจริงใจกับเขานะ เราต้องห้ามมองว่าเราถูกแล้ว แต่ว่าเราก็ต้องฟังเขาก่อน เพราะว่าลูกค้าเขาเป็นคนที่เอาเงินมาซื้อขนมเรา เขาทำให้เรามีทุกวันนี้ คุณแม่ก็จะยึดลูกค้าเป็นหลักค่ะ”



[ สมดุลทุกด้าน ทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ]

ในตอนนี้ น้องโฟกัส กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในการก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ ย่อมเป็นเรื่องของการเรียนที่มาก่อนเป็นอันดับแรก

และถึงแม้จะมีเรียนติดต่อกันถึง 7 วัน แต่สาวน้อยก็ยังแบ่งเวลามาทำหน้าที่ช่วยธุรกิจของครอบครัว ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ตอนนี้หนู 17 หนูอยู่ ม.6 แล้วค่ะ ก็คือกำลังเป็นช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วย แล้วก็หนูจะเรียนจันทร์ถึงอาทิตย์เลยค่ะ เพราะว่าเสาร์ถึงอาทิตย์หนูมีเรียนพิเศษ แต่ว่าหนูเรียนถึง 16.00 น.

หลังจากนั้นก็จะเป็นช่วงเวลามาคุยกับที่บ้านว่าเรื่องขนมเอายังไง หรือว่ามีพี่ชายที่เขาอยู่ที่บ้านอยู่แล้ว เขาก็จะเหมือนเป็นหัวคิดสมัยใหม่ คอยบอกคุณแม่ด้วย อย่างหนู หนูกลับมาเย็นก็อาจจะเป็นคนรอชิมขนม ว่าตัวนี้โอเคไหม แล้ววันต่อไปก็ลองให้พากันขายดูค่ะ

จริงๆ หนูจะไม่ได้มาสายขนมค่ะ แต่ว่าหนูจะชอบเป็นสายวิทย์ฯอย่างนี้มากกว่า ที่มองก็จะเป็นสายแพทย์ค่ะ แต่ก็ยังคุยกับที่บ้านไว้ว่า หนูอาจจะเรียนสายแพทย์เพื่อเป็นความมั่นคงอีกอันนึง แล้วก็คอยทำขนมไปด้วย ให้เหมือนควบคู่กัน

สามารถช่วยกันได้เวลาเกิดปัญหาค่ะ เพราะเราเจอโควิดมาแล้วด้วยรอบนึง ทำให้มองว่าทุกอาชีพมันเกิดการสั่นคลอนได้เหมือนกันหมดเลย ก็เลยคิดว่าถ้าเรามีหลายอาชีพในบ้านน่าจะดีค่ะ”



ความสำเร็จในวันนี้ เจ้าของร้านวัย 17 ปี ขอยกเครดิตให้กับทุกคนในบ้าน ที่ได้มีส่วนร่วมสร้างธุรกิจที่กลายเป็นอาชีพหล่อเลี้ยงทุกชีวิตมาตั้งแต่เริ่มต้น ระยะเวลาตลอด 4 ปีของ คุณนาย เบเกอรี่ และ น้องโฟกัส ก็เรียกได้ว่าทั้งคู่เติบโตมาพร้อมกัน

“ถ้าเป็นเรื่องความภูมิใจ ก็น่าจะภูมิใจกับที่บ้านเป็นหลักค่ะ จริงๆ ที่มีทุกวันนี้ได้ เพราะว่าเป็นการที่เราคุยกันค่ะ ไม่ว่าเราจะมีไอเดียอะไร หรือว่าอย่างหนูกับพี่ชาย อาจจะติขนมรสชาติอย่างนี้ๆ คุณแม่เขาก็พร้อมที่จะปรับให้หมด

หรือว่าเวลาคุณแม่เขาติเรื่องโน้นเรื่องนี้ หนูกับพี่ชายก็พร้อมที่จะปรับ มันเป็นเหมือนภูมิใจว่าเรารับฟังซึ่งกันและกัน ก็เลยทำให้สามารถพัฒนาขนมได้เรื่อยๆ ทำให้พัฒนาร้านจนเป็นทุกวันนี้ค่ะ

ตอนที่หนูขายตอนแรก ด้วยวัยอายุที่มันยังน้อยด้วยค่ะ ทำให้การขายหรือว่าการอะไรอย่างนี้ หนูก็อาจจะยังคุยกับลูกค้าไม่เป็น ถ้าเวลาลูกค้าโทร.มา หนูก็จะยังพูดคุยไม่ค่อยเข้าใจ

เหมือนเป็นการสื่อสารที่เราไม่เคยด้วย แล้วเราก็ไม่คิดว่าเราจะต้องมาสื่อสารกับลูกค้าในวัยนั้นด้วย บางครั้งอาจจะสื่อสารผิดพลาด ทำให้งานมันผิดพลาด แต่คุณแม่เขาก็จะสอนว่าไม่เป็นไร ก็เหมือนให้เราเริ่มใหม่ได้ เขาก็จะสอนอยู่เรื่อยๆ ค่ะ

หนูไม่ได้มองว่าชีวิตวัยรุ่นหายค่ะ ถ้าอย่างตอนเริ่มทำขนม ตอนนั้นก็ประมาณ 13 จริงๆ ทุกครั้งเหมือนมันเป็นการได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จากตอนแรกที่ไม่เคยได้ลองขายของออกตลาดนัดอะไรอย่างนี้ ก็ได้ลอง ก็เลยทำให้เหมือนได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นไปในตอนนั้นแล้วค่ะ”



CEO วัย 17 ปี สะท้อนถึงการทำงานที่ผ่านมาของตนเอง การเริ่มต้นด้วยอายุที่ยังน้อย ทำให้มีโอกาสในการลองผิดลองถูกได้มาก และสิ่งสำคัญคือการตัดสินใจด้วยความเด็ดขาด ไม่ลังเล และรีบลงมือทำ

“การที่เราเริ่มธุรกิจตั้งแต่หนูอายุน้อย หนูรู้สึกว่ามันทำให้เราเกิดข้อผิดพลาดได้มากขึ้นค่ะ พอพลาดแล้วเราก็รีบลุกขึ้นมาปรับแก้ไขใหม่ ด้วยช่วงวัยอายุที่มันยังน้อยอยู่ด้วย ก็ทำให้การเรียนรู้มันค่อนข้างมากขึ้นค่ะ

ถ้าเป็นคำแนะนำนะคะ หนูคิดว่าถ้าเราคิดอะไรแล้วเราไม่ควรลังเล เราควรเริ่มลองทำเลย ก็คือเหมือนการลองทำเลย มันจะมี 2 ทางใช่ไหมคะ มันจะมีดีหรือไม่ดี อย่างน้อยถ้ามันไม่ดี เราก็จะได้รู้ว่างั้นสิ่งนี้คงไม่เวิร์ก เราจะได้มองทางอื่น คิดแล้วก็ได้ลองทำเลยค่ะ ถ้ามันดีไม่ดีเราก็จะได้ค่อยๆ หาทางปรับแก้ไป”

สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : Facebook “KhunNai Bakery Ayutthaya”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น