xs
xsm
sm
md
lg

นักฆ่า 30 วิ!! “โซดาไฟ” เสี่ยงตายถ้าใช้ไม่เป็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อุทาหรณ์!! แค่ “ล้างห้องน้ำ” กลายเป็นโศกนาฏกรรมดับ 3 ศพ เพราะ “ไอระเหย” จาก “โซดาไฟ” กูรูวิเคราะห์ “ใช้ไม่เป็น” ให้ระวัง อาจสร้าง “แก๊สพิษ” ที่ฆ่าเราได้ใน 30 วิ

สลด..ดับ 3 เพราะล้างห้องน้ำ

กลายเป็นเรื่องเศร้ารับวันแม่ เมื่อพบ "ศพ 3 แม่ลูก” ดับคาห้องน้ำ คาดมาจากของใกล้ตัวอย่าง “โซดาไฟ” โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับครอบครัว “ตำรวจหญิงวัย 60” ที่อยู่บ้านกับลูกสาว 2 คน คนพี่อายุ 34 คนน้องอายุแค่ 25 ปีเท่านั้น

เพื่อนของลูกสาวเล่าว่าผู้เป็นแม่ ฝากให้เธอไปซื้อ “โซดาไฟ” เพื่อจะราดท่อในห้องน้ำตันอยู่ และหลังซื้อมาให้เธอก็ออกไปทำธุระข้างนอกแต่เมื่อกลับมาอีกครั้ง กลายเป็นว่าเหมือนไม่มีใครอยู่บ้าน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปตรวจดู แล้วก็พบทั้ง 3 นอนหมดสติอยู่ในห้องน้ำ

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า การเสียชีวิตของ3แม่ลูกเป็น “อุบัติเหตุ” จากการสูดดม “ไอระเหย” ของ “โซดาไฟ” หรืออาจเป็น “ก๊าซไข่เน่า” ที่ออกมาจากท่อระบายน้ำ

คุณแม่น่าจะเทโซดาไฟ ลงท่อในห้องน้ำ แล้วปิดประตูห้องน้ำขณะตัวเองอยู่ด้านใน ทำให้สูดดมไอระเหยเข้าไปเต็มๆ จนสลบ จากนั้นลูกสาวทั้งสองก็เข้ามาช่วย แต่ก็สลบไปเหมือนกัน แล้วก็กลายเป็นเรื่องเศร้าอย่างที่เห็น



“โซดาไฟ” หรือ “โซเดียมไฮดอกไซด์ (Sodium Hydroxide)” ที่ทุกคนคุ้นเคยว่า มันคือสารที่เราเอาใช้ล้างท่อระบายน้ำเวลาตัน ซึ่งจริงมันก็นับเป็น “สารอันตราย” ที่อยู่ใกล้ตัวเรามากๆ

 เพราะถ้า “ผิวหนัง” เราสัมผัสกับมันตรงๆ ก็จะเกิดอาการ “แสบร้อน”,“ระคายเคือง” หรือ “ผิวหนังไหม้อย่างรุนแรง” ได้ และถ้า “เข้าตา” ก็เป็นไปได้ตั้งแต่ “ระคายเคือง” จนถึงขั้น “ตาบอด” เลยทีเดียว

 แต่ถ้าเข้า “ปาก” หรือ“ระบบทางเดินหายใจ” นี่ยิ่งหนักใหญ่ โดยอาจเกิด “อาการอาเจียน”, “กระเพาะถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรง” หรือ “หายใจลำบาก” “กล่องเสียงบวม” ซึ่งอาจนำไปสู่การอุดตันของทางเดินหายใจ



แต่เคสที่เกิด ในข่าวบอกว่ามาจาก “การสูดดม” ทีมข่าวจึงติดต่อหา “อ.อ๊อด” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้มาช่วยตอบคำถามว่า“ไอระเหย” จากโซดาไฟมันอันตรายขนาดไหน?

อาจารย์เคมีรายนี้อธิบายว่า “ไอระเหย” ของโซดาไฟที่เป็นอันตราย มันเกิดจาก “โซดาไฟ”ไปทำปฏิกิริยากับ “สารฟอกขาว”อย่างพวก “น้ำยาล้างห้องน้ำ”หรือ “น้ำยาฟอกผ้าขาว” ซึ่งสิ่งที่ได้ออกมาคือแก๊สพิษ อย่าง “ก๊าซคลอรีน”
“เป็นแก๊สพิษที่เมื่อสูดดมเข้าไป จะทำให้หมดสตินะครับ”



                                         {“ดร.วีรชัย”อ.ประจำภาควิชาเคมี ม.เกษตรศาสตร์}

กับประเด็นที่ 2 ที่อาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับโซดาไฟโดยตรง คือ “ก๊าซไข่เน่า”หรือ “ไฮโดรเจนซัลไฟด์” มันคือก๊าซที่เกิดจากสิ่งปฏิกูลต่างๆ ทั้งตาม “บ่อเกรอะ”หรือ “ท่อระบายน้ำ”ซึ่งมันก็เป็นก๊าซพิษเช่นกัน

อาจเป็นไปได้ว่า หลังจากใช้โซดาไฟทำความสะอาดแล้ว “ก๊าซไข่เน่า” ที่มีอยู่จำนวนมากในท่อหรือบ่อเกรอะ ก็ “ฟุ้งกระจายออก” มาทันที

“ก๊าซไข่เน่า ในบ่อเกรอะเนี่ยเกิดขึ้นได้ตลอด แต่ส่วนใหญ่มันจะอยู่ข้างล่าง มันจะมีน้ำหนัก มันจะไม่ฟุ้งขึ้นมาข้างบน เว้นแต่ว่าจะมีปริมาณเยอะ แล้วมันพร้อมที่จะดันขึ้นมา”

ซึ่ง “ก๊าซพิษ”ทั้ง 2 ตัว ไม่ว่า “ก๊าซคลอรีน” หรือ “ก๊าซไข่เน่า” หากมี “ความเข้มข้นสูง” ก็สามารถทำให้คนที่สูดดม “หมดสติได้ในเวลาแค่ 30 วินาที”                



                                {“โซดาไฟ” กับ “สารฟอกขาว” ทำให้เกิด “ก๊าซคลอรีน”}

ก๊าซอันตราย ตายได้ใน 30 วิ

“โซดาไฟ” เป็นอันตรายใกล้ตัวเรามากๆ หากใช้กันไม่ระวัง เพราะอย่างที่บอกว่า ถ้าไปผสมกับ “น้ำยาล้างห้องน้ำ” มันก็จะทำเกิด “ก๊าซพิษ” ที่สามารถฆ่าเราได้

ความน่ากลัวคือ ทั้ง 2 อย่างเป็นของที่ใช้ทำความสะอาดห้องน้ำเหมือนกัน กูรูด้านเคมีรายเดิมบอกว่า มีหลายครั้งที่คนไม่รู้เอา “โซดาไฟ” ไปผสมกับน้ำยาล้างห้องน้ำ จนเกิดเหตุคล้ายๆ แบบนี้ แต่เคสนี้หนักสุด เพราะมีการสูญเสียเกิดขึ้น

แต่ข้อดีของแก๊สพิษ 2 อย่างทั้ง “ก๊าซคลอรีน” และ “ก๊าซไข่เน่า” คือ “มันมีกลิ่น” ไม่เหมือน คาร์บอนมอนอกไซด์ ที่เราไม่รู้ตัวว่า กำลังสูดดมมันอยู่ เพราะมันไม่มีสี-ไม่มีกลิ่น

“เพราะงั้น ถ้าสมมติ เฮ้ย..เราได้กลิ่น คุณต้องเปิดประตูให้ระบาย ให้มีอากาศเข้า”



สมมติถ้าล้างห้องน้ำอยู่ แล้วได้กลิ่น “ฉุน” เหมือนกลิ่นคลอรีนในสระน้ำ ก็รีบเปิดประตู หรือพยายามทำให้ อากาศถ่ายเทให้ได้มากที่สุด เพราะนั่นแหละ เรากำลังสูด “ก๊าซคลอรีน” อยู่

และถ้าเรายังทนสูดต่อไป ก็จะเกิดอาการ ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน แสบจมูก แสบช่องปาก แน่นหน้าอกอย่างรุนแรง หรือหนักๆ ก็อาจไปถึง “ระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ” ส่งผลเสียชีวิตได้ในทันที

ส่วน “ก๊าซไข่เน่า” ก็คล้ายกัน “ดร.อ๊อด” อธิบายว่า กลิ่นของมันก็ตามซื่อ คือเหมือนกับไข่เน่า หรือนึกไม่ออกก็ให้นึกถึง เวลาเราเดินผ่านตามแหล่งน้ำเสียต่างๆ

โดยความรุนแรงต่อร่างกาย หากความเข้มข้นต่ำ อาจทำให้ระคายเคืองตา หายใจติดขัด หรือคลื่นไส้เวียนหัวและอาเจียน แต่ถ้าความเข้มข้นสูง อาจไปถึงขั้น “หมดสติได้”



ปัญหาคือ ถ้าดมก๊าซพวกนี้จนหมดสติ หากอยู่ในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเท อาจมีคนมาช่วยชีวิตได้ทัน แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ปิด ที่ก๊าซพวกนี้จะฟุ้งกระจาย ไปแทนที่ออกซิเจนจนหมด มันจะทำให้ร่างกายที่เราหายใจเอาก๊าซเหล่านี้เข้าไป แทนที่ออกซิเจน

“ร่างกายจะขาดออกซิเจน เลือดจะจับออกซิเจนไม่ได้ สมองไม่ได้รับออกซิเจน สมองตายก็เรียบร้อย สมองไม่สั่งการ ร่างกายก็หยุดทำงาน เสียชีวิต”

วิธีที่จะไม่เกิดเหตุสลดซ้ำรอยแบบนี้ขึ้นอีก ขณะทำความสะอาดห้องน้ำ อย่างแรกคือควรเปิดประตูไว้ ให้อากาศถ่ายเท และหมั่นสังเกตว่า มีกลิ่นแปลกปลอม หรืออาการผิดปกติกับร่างกายหรือเปล่า

สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Liveขอบคุณภาพ : เฟชบุ๊ก “Weerachai Phutdhawong”
ขอบคุณข้อมูล :
rama.mahidol.ac.th, pobpad.com, rahaoil.com, minearc.com



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น