xs
xsm
sm
md
lg

“ไทย = สถานที่ชุบตัวธุรกิจจีน?” เจาะเคส “โฆษณาซื้อ-ขายสัญชาติกลางเมือง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โฆษณาจีนโผล่กลางเมือง “ซื้อ-ขายสัญชาติ ย้ายประเทศ 100%” เมื่อ “ไทย” ไม่ใช่แค่แหล่ง “โกยเงิน กินรวบ” ของ “ธุรกิจจีน” แต่กำลังเป็น “ที่ชุบตัว” ของเศรษฐีหน้าใหม่จากจีน

โจ่งแจ้งมาก โฆษณากลางเมือง

กลายเป็นเรื่องทั้ง “งง” ทั้ง “อึ้ง” อยู่ๆ ก็มี “ป้ายโฆษณาขนาดยักษ์”เป็น “ภาษาจีน”โผล่ขึ้นกลาง แถวถนนรัชดา แต่ที่พาช็อกมากกว่านั้นคือ เนื้อหาภาษาจีนบนป้ายที่แปลได้ว่า “ซื้อพาสปอร์ตย้ายประเทศ 100%”

แถมยังบอกอีกว่า “30 วันได้สัญชาติที่สอง ปลอดภัยเป็นความลับ ทำเสร็จก่อนค่อยจ่ายเงิน” และยังมี ราคากับสัญชาติที่ขายด้วย อย่างอินโดนีเซีย 30,000 บาท, วานูอาตู 70,000 บาท, กัมพูชา 100,000 บาท และตุรกี 150,000 บาท


                                            {ป้ายโฆษณา “ซื้อ-ขาย สัญชาติ” โผล่กลางถนนรัชดา}

ล่าสุดป้ายนี้ได้ถูกรื้อไปแล้ว แต่ก็ไม่วายมีป้ายโฆษณาคล้ายๆ กันไปโผล่ที่ “ปราจีนบุรี” ซึ่งก็โดนรื้อไปแล้วเช่นกันนอกจากเรื่อง “ทุนจีน” ที่กำลังทะลักเข้าไทยแล้ว ตอนนี้ยังถึงขั้นใช้ไทยเป็นแหล่ง “ซื้อ-ขายสัญชาติ” กันเลยที่เดียว

                                                  {โฆษณาแบบเดียวกันที่ ปราจีนบุรี}

“ผศ.ดร.ชาดา เตรียมวิทยา”อาจารย์คณะศิลปะศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หัวหน้าทีมวิจัยเรื่อง “การตั้งถิ่นฐานของชาวจีนรุ่นใหม่” จะมาช่วยวิเคราะห์ภาพที่เกิดขึ้นให้เห็นชัดๆ

เริ่มด้วยเรื่องการ “ซื้อ-ขายสัญชาติ” ของคนจีนกันก่อน ซึ่ง “รัฐบาลจีน”ไม่สนับสนุนให้คนจีนถือ 2 สัญชาติ ถ้าจะมีมากกว่า 1สัญชาติ ต้อง “ยกเลิกสัญชาติจีนออก” แล้วถ้าเป็นแบบนั้นทำไมคนจีน ยังต้องการเป็นคนสัญชาติอื่นล่ะ?

ก็เพราะ “ผลประโยชน์ทางธุรกิจ” ไง นอกจากการถือครองสัญชาติในประเทศนั้นๆ จะได้สิทธิ์เรื่องครอบครองที่ดิน บ้าน หรือความสะดวกในการทำธุรกิจแล้ว
ตอนนี้ “เศรษฐกิจจีน” อยู่ในช่วง “ชะลอตัว”ทำให้ ธุรกิจต่างๆ ในจีนโตช้า แต่รัฐาลจีนเองก็มี “นโยบายสนับสนุนธุรกิจต่างชาติ” ซึ่งจะเพิ่มสิทธิพิเศษต่างๆ ให้
ทำให้ “นักธุรกิจจีน” ที่เป็นคนจีนแท้ๆ ออกมานอกประเทศ “เปลี่ยนสัญชาติ” แล้วก็กลับไปลงทุนในประเทศจีน ในฐานะ “นักธุรกิจต่างชาติ” เพื่อที่ได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ

“ที่เขาอยากจะเปลี่ยนสัญชาติเนี่ย เพราะว่าการที่ว่าพอเป็นคนต่างสัญชาติเนี่ย ถ้าเกิดเขากลับไปลงทุนในประเทศจีนเนี่ย โดยที่เขาเป็นคนจีนอยู่แล้ว เขาอาจจะได้สิทธิประโยชน์อะไรมากขึ้น”

“การซื้อ-ขาย” สัญชาติของคนจีนไม่ได้มีแค่สัญชาติบนป้ายโฆษณา แต่ยังมีการแอบ “สวมสิทธิ์คนตาย” และ “บุคคลทุพพลภาพ” เพื่อให้ได้ “สัญชาติไทย” อีกด้วย


                                   {“ดร.ชาดา” หัวหน้าทีมวิจัย “การตั้งถิ่นฐานของชาวจีนรุ่นใหม่”}  

แหล่ง “ชุบตัว” ของ “นักธุรกิจจีน”

แต่ทำไมต้องเป็นที่ “ไทย” เราจะรู้สึกว่าตอนนี้ “ทุนจีน”หลายๆ อย่างทะลักเข้ามาบ้านเราอย่างหนัก จนเหมือนว่า “ไทยกลายเป็นHUB ของธุรกิจจีน” ไปแล้ว ซึ่ง “ดร.ชาดา” บอกว่า “ไม่ใช่แค่ไทยที่เดียว”

“ที่ว่าเข้ามาเป็นHubมันก็มีประเทศอื่นๆ ด้วย ในละแวกนี้ก็มีทั้งลาว มีทั้งกัมพูชา”

แต่ที่ “ธุรกิจจีน” หลายเจ้าเลือกบ้านเราเป็นหลัก เพราะโครงสร้างพื้นฐาน ถนนหนทาง ระบบการสื่อสาร ดีกว่าประเทศรอบๆ บ้านเรา
อีกทั้งยังมีความปลอดภัยกว่า ไม่ต้องกลัวโดนจับไปทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์ แบบในฟิลิปปินส์ หรือทำธุรกิจอยู่ดีๆ ทหารก็ยึดอำนาจ และยึดธุรกิจไปหมดแบบพม่า เรียกได้ว่า“ไทย” มีเสถียรภาพสูงกว่าเพื่อนบ้าน



แต่ปัญหาของทุนเหล่านี้คือ ไม่มีเม็ดเงินที่ตกมาถึงประเทศที่ ทุนจีนเหล่านี้ไปอยู่เลย“ดร.ชาดา”ยกตัวอย่างว่า มี “นักธุรกิจจีน” คนหนึ่งทำธุรกิจน้ำหอม ส่งขาย “กัมพูชา”เป็นสินค้าที่ผลิตในไทยและจดทะเบียนว่าเป็น “สินค้าไทย”

โดยวัตถุดิบทุกอย่าง “นำเข้ามาจากจีน” แม้กระทั้ง “ซอง” ใส่สินค้า ยังนำเข้ามาจากจีน เรื่องพวกนี้จะทำให้ “คนไทยเสียโอกาส” ที่แน่ๆ คือการ “จ้างงาน”
เรื่องที่น่าตกใจเรื่องหนึ่งคือ ในภาคธุรกิจอย่าง “อสังหาริมทรัพย์”ที่เป็นบริษัทจีน “เซลล์แมน”ทั้งหมดเป็น “เด็กจีน” ที่เรียนอยู่ในไทย และยังสิ่งที่น่าตกใจกว่านั้นคือ...

“มันมีโรงงานนึง ที่แม้กระทั่ง รปภ.ยังเป็นคนจีนเลยค่ะ ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นคนจีน เพราะจะต้องคุยรู้เรื่อง เวลาคนมาติดต่อ และคนมาติดต่อส่วนใหญ่เป็นคนจีน”

“การกินรวบ” แบบนี้คือ ปัญหาที่หลายประเทศเจอ จากการเข้ามาของทุนจีน และถ้ามองให้ลึกว่านั้น นอกจากเงินที่นักธุรกิจเหล่านี้หอบกลับไป การที่ธุรกิจเหล่านี้เข้ามาในบ้านเรา จดทะเบียนว่าเป็นของที่ผลิตใน “ไทย”

หรือการที่เจ้าของธุรกิจได้สัญชาติอื่น ที่ไม่ใช่จีน ทำให้การจะขายสินค้า หรือย้ายไปยังประเทศที่ 3 อย่าง “ยุโรป” หรือ “อเมริกา” มันก็ทำได้ง่ายกว่า “การถือสัญชาติจีน”

พูดง่ายๆ ไทยไม่ได้ถูกใช้เป็นHubทางธุรกิจอย่างเดียว แต่เป็นการ “ชุบตัว” ของเหล่านักธุรกิจจีน จากการ “จดทะเบียนบริษัทในไทย” หรือมา “ซื้อ-ขายสัญชาติ” เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำเงินของเหล่า “นักธุรกิจจีนหน้าใหม่”



การโล้สำเภายุคใหม่

ภาพของ “ทุนจีน” ที่ทะลักออกมานอกประเทศ และการพยายาม “แสวงโอกาส” การเติบโตทางธุรกิจในประเทศต่าง สิ่งนี้เรียกได้ว่ามันคือ “การอพยพของคนจีนรุ่นใหม่”

“ดร.กุลนรี นุกิจรังสรรค์” ผู้เชี่ยวชาญจีนศึกษาและชาวจีนอพยพใหม่ จาก สถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้ทีมข่าวเข้าใจว่า...
 ปัจจัยที่ให้เกิดการ “อพยพของคนและทุน” ที่เป็นการโล้สำเภาระลอกใหม่ครั้งนี้ คือเรื่อง “ภายในประเทศจีน” และ “ความเอื้อประโยชน์” ของประเทศปลายทาง
 “เรื่องแรกก็จะเป็นการแข่งขันในประเทศจีนเอง ในทุกมิติเขามีการแข่งขันที่สูงค่ะ”

เพราะเมื่อคุณต้องต่อสู่กับคนราว “1.4 พันล้านคน” ทำให้เรื่องงาน การเรียน ธุรกิจ หรือแม้แต่การหาคู่ครองเป็นสิ่งที่ต้องแข่งขันกันสูงมาก
อีกเรื่องคือ ตอนที่เศรษฐกิจจีนโตมากๆ ทำให้เกิดคนจีนหลายคน ยกระดับชีวิตมาเป็น “ชนชั้นกลาง” หรือ “เศรษฐีหน้าใหม่” เยอะขึ้น แต่เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว คนเหล่านี้ก็มองไม่เห็นอนาคตที่ตัวเองจะเติบโตได้ในประเทศจีน จึงออกมาแสวงหาโชคในต่างประเทศ



และ “นโยบายของไทย” เองก็เอื้อ ทั้งการทำวีซ่าที่ “ไม่ยุ่งยาก”และ “ใช้เงินน้อย” หรือเป็นเรื่องการลงทุนผ่าน “สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)”ที่รัฐบาลก็มีนโยบายสนับสนุนอยู่แล้ว อีกเรื่อง การปรับตัวทางวัฒนธรรมที่ไม่ต่างกันมาก ทำให้ไทยกลายเป็นที่หมายตาของ “ชาวจีนอพยพใหม่”

แต่การย้ายเข้ามาละรอกใหม่นี้ มันก็จะต่างยุค อากง-อาม่า ที่โล้สำเภามาสยาม ณ ตอนนั้น แม้เป้าหมายจะคล้ายกันคือ “การมีชีวิตที่ดีกว่า” แต่ทัศนคตินั้นต่างกัน
“(การอพยพของคนยุคก่อน) เหตุผลที่เขามา ก็เพราะความลำบากในประเทศเขา เขาเรียกว่า หนีร้อนมาพึ่งเย็น หรือหนีตายมาแสวงโชคในไทย”

ผู้อพยพยุคนั้น จะมีความผูกพันกับพื้นที่ และอยู่รวมกับชมชุนเดิม จนกลืนเป็นเนื้อด้วยกัน แล้วกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในที่สุด แต่คนจีนรุ่มใหม่ที่เข้ามานั้นต่างออกไป เหตุผมมีหลากหลาย ทั้งเรียนต่อ มาใช้ชีวิตหลังเกษียณ และมา “ลงทุน”ซึ่งเป็นส่วนมาก


                                                {การอพยพยของคนจีนรุ่นเก่า เพื่อ “ชีวิตที่ดีกว่า”}

“คือกำเงินมาลงทุนในต่างประเทศ มีเป้าหมาย อยากมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม อยากรวย ทำยังไงจะรวยได้เร็ว ก็ต้องออกมาแสวงโชคต่างประเทศ”

ซึ่งเราจะไม่เห็นการอยู่อย่างกลมกลืนกับคนในชุมชนเดิม จาก “คนจีนรุ่นใหม่” เห็นได้ชัดจากเรื่องการขอ “สัญชาติ” ในรุ่นอากง-อาม่า การที่อยากได้ “สัญชาติไทย” เพราะพวกเขาจากเป็น “พลเมืองไทย” แต่ในคนจีนยุคใหม่ไม่ใช่

“การเปลี่ยนสัญชาติ ของเขา มันจะเป็นการเปลี่ยนเพื่อผลประโยชน์บางประการ หรือเปลี่ยนเพื่อให้ตอบโจทย์การทำธุรกิจ เพื่อให้เขาถือครองกรรมสิทธิ์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น จะเป็นในมิตินั้นมากกว่า”

สกู๊ป : ทีมข่าวMGR Live
ขอบคุณภาพ : la.kmitl.ac.th, เฟซบุ๊ก “Pai Charudul”,เพจเฟซบุ๊ก “ติ่งข่าว เวิร์คพอยท์” , “50+”



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น