xs
xsm
sm
md
lg

“รอยสัก ≠ ก้าวร้าว” ไวรัล “ข้าราชการตัวลาย” เสน่ห์เจ้าหน้าที่สีกากี มารยาทดี ยิ้มแย้ม รับใช้ประชาชน [มีคลิป]

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจาะชีวิต “ยุ้ย-สุทธิดา” เจ้าหน้าที่ทำบัตร ที่ชาวโซเชียลฯ แห่ชื่นชม อาชีพที่จับพลัดจับผลูได้มาทำ กับจุดเริ่มต้นสักเต็มตัว ฝ่าเรื่องโดนเหยียดสารพัด อะไรที่ทำให้เด็กนอก ลูกนายพล หันกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย หลังจากไปกว่า 20 ปี พร้อมความฝันที่เธอหอบกลับมา





รอยสักไม่ได้วัดความดี-ไม่ดี

“รอยสักไม่ได้วัดความดีไม่ดี ไม่ได้วัดบุคคลนั้นเป็นใครยังไง มันอยู่ที่ความรู้สึกของคนรอบข้างมากกว่า แล้วก็กิริยาท่าทาง เพราะฉะนั้นคนมีรอยสักต้องคิดก่อนเลยว่าคุณจะสักไปตลอดชีวิตคุณ คุณต้องรู้ตัวเองว่าคุณจะไปทางไหน ไม่ใช่เด็กๆ เห็นแม่งเท่วะ”

“ยุ้ย-สุทธิดา ราชรัตนารักษ์” วัย 49 ปี เจ้าหน้าที่ทำบัตรประจำตัวประชาชนที่ว่าการ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ทำหน้าที่คอยให้บริการประชาชน พร้อมกับแจกรอยยิ้มอันสดใส พูดจาสุภาพ แถมยังเอาใจใส่ประชาชนในทุกขั้นตอน จนคนที่มาใช้บริการแถวนั้น อดไม่ได้ที่จะพากันเอ่ยปากชื่นชมผ่านโซเชียลฯ กันอย่างล้นหลาม จนทำให้เจ้าหน้าที่คนนี้ กลายเป็นไวรัลบนโลกโซเชียลฯ ที่หลายคนอยากรู้จัก

เพราะถ้าดูดีๆ แล้ว ลุคภายนอกของเธอ ที่มีรอยสักแทบจะเต็มไปทั้งตัว หลายคนอาจจะมองว่า ดูจะขัดกับสิ่งที่กำลังทำ แม้ว่าใครที่เห็นครั้งแรก อาจจะรู้สึกแปลกๆ หน่อย แต่ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยดึงดูดคนที่มาใช้บริการได้เป็นอย่างดี เพราะเธอพูดคุยด้วยความเป็นกันเอง และนอกนอกจากทำบัตรแล้ว เธอยังมีหน้าที่เป็นล่ามอีกด้วย เพราะพูดได้ถึง 4 ภาษา


“ตอนนี้ก็ทำงานอยู่ที่ห้องฝ่ายทะเบียนและบัตร เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ในเรื่องของงานทะเบียนทุกอย่าง ตั้งแต่เกิด ยันเสียชีวิต บัตรประชาชนก็จะเป็นในส่วนของรับผิดชอบตัวพี่เองนะคะ แล้วก็ล่าม การมาจดทะเบียนสมรสอะไรต่างๆ ก็คือชาวต่างชาติเยอะมาก

เพราะว่า อ.ปราณบุรี มันใกล้กับหัวหิน สามร้อยยอด มีชาวต่างชาติมาใช้ชีวิตบั้นปลายค่อนข้างเยอะ พี่ก็เลยได้ใช้ภาษาที่พี่เรียนมาด้วย การทำบัตรประชาชน ทุกคนคิดว่ามันเป็นอะไรที่เล็กๆ แต่เปล่าเลย ทุกอย่างมันเริ่มต้นที่บัตรประชาชน

ทำงานที่นี่ประมาณปีครึ่งได้แล้วค่ะ กันยานี้ก็น่าจะได้ 2 ปีได้แล้ว ก็สอบเข้าค่ะ มีการเปิดรับสมัครถูกต้องเลย มีการสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ ความสามารถพิเศษ พี่ทำในส่วนของอาสาซะเยอะ งานล่ามอาสา งานท่องเที่ยวบ้าง หรือไม่ก็ของตำรวจท่องเที่ยวนะคะ หรือไม่ก็ของหมู่บ้านเรา อำเภอตำบลอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่เป็นของสามร้อยยอด”

ส่วนประเด็นที่คนตั้งคำถามว่าทำไมมีรอยสัก ถึงทำงานราชการได้ ซึ่งพี่ยุ้ยเอง ถึงจะทำในส่วนงานราชการ แต่ก็เป็นเพียงพนักงานราชการสัญญาจ้างรายปีเท่านั้น




“รอยสักทำงานราชการไม่ได้ ตัวพี่เองเป็นลูกจ้างส่วนราชการนะ ต้องเข้าใจอย่างนี้ก่อน แล้วงานราชการพลเรือนเขาจะมีกฎบังคับตายตัว ว่าคุณห้ามรอยสัก

แต่หากเป็นข้าราชการโดยแท้ อย่างเช่น ทหาร ตำรวจ หรือบางสายอาชีพนะคะ อันนั้นแน่นอน ห้ามแม้แต่กี่เส้น ก็ว่ากันไป แต่อันนั้นก็เป็นตามกฎที่มีกันมาเนิ่นนาน อย่างพลเรือนอย่างพี่ พี่สมัครสอบเข้ามา เรื่องวิสัยทัศน์มากกว่ามั้งเนาะ เจ้านายของเรา ที่รับเราเข้ามา ท่านนายอำเภอหรือหัวหน้าฝ่าย อาจจะเคยเห็นเราทำงานมาก่อน มีโปรไฟล์ดี เขาก็เลยมองข้ามเรื่องรอยสักไป

อีกอย่างเขาจะไม่เคยเจอพี่หรอกที่ร้านเหล้า ร้านอะไร เขาจะเจอเราอีกรูปแบบนึง ซึ่งมันก็แปลกอยู่แล้วค่ะ มันก็เลยกลายเป็นว่า เออน่าสนใจนะ เขาก็เลยกล้าที่จะวัดกับเรา ว่างานเราจะทำได้จริงอย่างที่เราพูดกับเขาหรือเปล่า

อย่างพี่จะไปสอบราชการจริงๆ ไม่ได้ แต่ตอนนี้พี่อายุเยอะแล้ว พี่มาได้ถึงขนาดนี้ พี่ก็ถือว่าเจ้านายพี่ หรือผู้ที่อยู่ในนี้ เขาเริ่มเปิด เพราะฉะนั้นอย่าทำให้คนมีรอยสักจะต้องเปรอะเปื้อนคำว่า aggressive หรือว่าลักษณะของความก้าวร้าว อย่าทำ เมื่อมีรอยสักแล้วจงยิ้ม

คิดให้มาก คิดให้เยอะ หมายความว่า คิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่แค่นั้นแหละ ตามใครได้ มีไอดอลได้ แต่จะไปทำตามไอดอลได้ไหม ถ้าเราไม่ใช่ตัวของคนกลุ่มนั้น เราไม่ได้อยู่ในพื้นฐานแบบคนคนนั้น เราไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ตัวเรา เมื่อก่อนพี่ก็แบบ เฮ้ย...ฉันหากินฉันได้อยู่แล้ว วันนึงเห็นไหม ไม่มีอะไรที่มันแน่นอน

เพราะฉะนั้นดูแลตัวเอง ดูแลความรู้สึกตัวเอง คิดเอาไว้เยอะๆ ดูประสบการณ์คนอื่น ดูคนนี้ไม่ดีอย่าทำ อันนี้เรื่องจริง ไฟร้อนอยากจับ จับไปเลย เดี๋ยวมันก็ร้อนเอง พี่จะเตือนด้วยความที่พี่เจออะไรมาบ้าง คนดูถูก พี่เจอทุกอย่างมา แต่ว่าบุคลิกของเรา พี่เดินในกรุงเทพฯ นะ ไม่มีคนพูดภาษาไทยกับพี่ แม้แต่แท็กซี่ เห็นไหมดูสิ

ไม่ใช่เดินไป กูมีรอยสัก กูเปรี้ยววะ กูดูดบุหรี่วะ อะไรอย่างนี้ เฮ้ย..อันนั้นแม่งถ่อย มันไม่ใช่อะ คนมีรอยสัก คุณก็น่ารักได้ สวัสดีสวยๆ ได้ คุณถอนสายบัวได้ คุณก้มกราบ หมอบคลานได้ คุณร้อยมาลัยได้ ทำอะไรที่มันตรงข้ามกับตัวเองมากที่สุด เป็นสิ่งที่ดี แล้วก็ต้องทำสิ่งที่ดีด้วย เขาว่าเราไม่ดี เราทำให้ดี มันใช้เวลาไม่นานหรอก”


อาชีพที่จับพลัดจับผลูได้มาทำ

เจ้าหน้าที่คนนี้ เธอเล่าด้วยรอยยิ้มให้ฟังว่า จริงๆ แล้ว อาชีพ “เจ้าหน้าที่ทำบัตร” ที่หลายคนกำลังชื่นชมอยู่ตอนนี้ เป็นอาชีพที่เธอจับพลัดจับผลูได้มาทำ ซึ่งก่อนหน้านั้น เธอไปใช้ชีวิตเป็นช่างสัก อยู่เมืองนอกนาน 20 กว่าปี

“พี่อยากหางาน แล้วพี่อยากไปลองทำดู พี่ทำได้หมด พี่ทำร้านอาหารพี่ก็ทำ ไปโปรโมทโรงแรมพี่ก็ทำ ทำมาทุกอย่าง เพราะในโซนนี้มันไม่ใช่กรุงเทพฯ แล้วนะ เราต้องทำอะไรเป็นหลายๆ อย่าง ไปลงสวน ไปถอนถั่วก็ทำ ไปเก็บผลไม้ พี่ก็ทำเป็นทุกอย่าง เป็นเกษตรกร

วันไหนว่างเสาร์-อาทิตย์ ได้ตังค์สัก 300 - 400 บาท ช่วยเขาปลูกถั่วขาย ได้ความสุข ได้ข้าว ได้ปลา ได้เงินด้วย ไปลงสวน ทำตรงที่เขาลากอวนมา ทุกอย่างเป็นเงินหมด เพราะพี่ไม่ได้มีพื้นฐานอะไร พี่บอกเลยพี่เหลือ 0 พี่ไม่เหลืออะไรเลย ทุกวันนี้พี่ก็กินข้าววัดอยู่นะคะ จริง เรื่องปกติ แต่พี่ก็อยู่กับลูกได้ ดูเขาเติบโต

20 กว่าปีที่ผ่านมา พี่ไม่ได้อยู่เมืองไทยเลย พอเรียนจบทำงานบางส่วน เป็นพวกงานโฆษณา งานโรงแรมทุกอย่าง พี่มีรอยสักคือแก่แล้วนะ 30 ปี แล้วนะ ไม่ใช่ว่ามีตอนหนุ่มสาวนะคะ เรียนจบแล้วพี่ก็ชอบงานบริการอยู่แล้ว สอบงานโรงแรม ไปทำงานพวกครีเอทีฟ เราอยู่ในกลุ่มงานพวกนี้มา ซึ่งทุกคนก็จะมีความสุดโต่งอาจจะเยอะนิดนึง พี่จะเป็นคนแบบนี้ค่ะ กลางๆ แต่ว่ามีความเป็นตัวเองมาแต่ไหนแต่ไร มาเริ่มสัก แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำ เพราะว่าที่บ้านเป็นข้าราชการหมดทุกคน ในระดับที่แบบไม่น่าเชื่อ พี่ก็แบบเลี้ยวซ้ายออกมาเลย พี่มีพี่น้องอีกคนนึง

พ่อพี่ก็เป็นนายพล พี่ชายพี่ก็เป็นนายทหาร คุณแม่ก็เคยเป็นคุณครู ทุกอย่างมันตรงกันข้ามกับพี่ทุกอย่าง โปรไฟล์ของพี่ขุดรากขึ้นมาเป็นทหารทั้งบ้านเลย ซึ่งทุกท่านก็เสียชีวิตไปแล้ว แต่พี่ชายพี่ยังอยู่นะ เขาก็ยัง backup พี่อยู่เรื่อยๆ คอยดูแลเราไกลๆ เพราะเขาแต่งงานไปเขาก็จะแยกไป แต่พี่จะเป็นแนวสุดโต่งไปเลย แต่ก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะกลับมาในโซนงานนี้ แล้วก็ไปเมืองนอกไปเป็นช่างสัก เก็บทักษะ ไปประกวดงาน แล้วก็เริ่มสักเยอะขึ้นในร่างกายตัวเรา

พี่จบ ปวส. เพาะช่างนะคะ แล้วก็ไปจบที่บ้านสมเด็จฯ (มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา) Vision Art แล้วก็ไปเรียนเมืองนอก เป็นสายอาชีพทางด้านธุรกิจการพูด แล้วก็จิตวิทยาเบื้องต้น จากเยอรมันนี”


เมื่อถามถึงเสียงชื่นชมจากโซเชียลฯ เธอก็บอกว่า ก็พอรับรู้ และดีใจที่คนชื่นชม จนตอนนี้ มีคนแห่มาใช้บริการกันเยอะมาก และดูเหมือนว่า เธอไม่ได้แค่ทำหน้าที่เจ้าหน้าที่ทำบัตรเท่านั้น แต่เรียกได้ว่า ชาวบ้านแถวนั้นให้ความไว้ใจ ถึงขั้นให้สอนการบ้านเด็กๆ ด้วย

“พี่ก็แอบดีใจเนอะ ตอนนี้เดินไปไหนคือคนเยอะมาก หลักร้อย พ่อแม่พี่น้องรักๆ นะคะ แต่ว่าตอนนี้พี่ไม่มีน้องมาช่วยฝึกงานนะ พี่จะต้องนั่งทำงาน 3 โต๊ะ ทำบัตรปุ๊บ สแกนปุ๊บ ปล่อยบัตรปุ๊บ หันไปดูแลเครื่อง ลั้นลาหรรษากับทุกๆ คน ที่นี่เหมือนซีรีส์เล็กๆ อำเภอเราทำได้ทุกอย่าง มาแจ้งภรรยาหาย มีคนหาย ทำการบ้านไม่ได้ น่ารักมากเลยนะทำการบ้านไม่ได้ ป้าๆ ช่วยผมหน่อย การบ้านมาเป็นตั้งเลย ก็มีนะคะ

ภูมิใจมากตรงนี้ พี่มีความฝันว่าอยากให้ที่ทำงานเป็นจุดจุดนึง ซึ่งเมื่อก่อนเป็นข้าราชการจะต้องแตะไม่ได้ ทีมงานทุกคนตั้งแต่หัวหน้าพี่ ยันนายอำเภอ พูดได้เลยนะว่าน่ารักมาก พี่ภูมิใจมากที่พี่ผ่านมาหลายๆ พี่ได้เจ้านายที่ดี พี่ได้เพื่อนร่วมงานน่ารัก แล้วก็ได้ไปทำงานในส่วนที่ได้ช่วยเหลือจริงๆ หรือว่าอยู่ที่สามร้อยยอดก็แล้วแต่ ได้ไปทำงานเกลี้ยกล่อมคนติดยา ถึงขนาดต้องทำตัวเป็นคนบ้า ติดยา ไปกล่อมให้เขาไปรักษาก็เคยทำนะ

คืองานราชการมันมีหลายระบบ แต่พี่ภูมิใจตรงที่เขาสามารถที่จะเดินมาหาเรา ป้าสอนการบ้านหนูหน่อย สอนภาษาผมนิด ป้าครับผมจะไปอย่างนี้ เมียผมเป็นอย่างนี้แล้วผมจะทำยังไง มาแต่งงานก็ celebrate กันไป จริงๆ ที่นี่น่ารักมาก ถ้าทำเป็นซีรีส์ได้ทุกวันฮา

มีแบบเสพมา แล้วเต็ม มากระโดดขึ้นโต๊ะ เดินมาเต้น (หัวเราะ) ใช่ที่นี่ร้อยพันเรื่องเลยแต่ละวัน มีแบบฟูมฟายหลังหย่า ตีกันหน้าอำเภอ เมียใหม่เมียเก่า สนุกสนาน เพราะเรามองในแง่บวก

นั่งคุยร้องไห้กอดกันหน้าอำเภอ เยอะแยะ พี่ไม่รู้นะตัวพี่ไม่ใช่สายปลัดโดยตรง แต่เขาเชื่อฟังคำลูกน้องนะ คือ harmony ไงคะในการทำงาน มันก็เลยทำให้บรรยากาศน่าอยู่ ถึงแม้มันจะเครียด ถึงแม้มันจะโดนกดดัน แต่เราก็มีความสุขที่จะทำทุกอย่าง”


หน้ายิ้ม ใจต้องเย็น

เจ้าหน้าที่ทำบัตรคนนี้ เธอเล่าด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มว่า ห้องทะเบียนและบัตร จะเน้นเรื่องความสะดวกสบายของประชาชนเป็นหลัก และอยากสร้างความประทับใจที่ดีให้มาผู้มาใช้บริการทุกเพศทุกวัย และปฏิบัติกับทุกคนด้วยความเท่าเทียม

เธอจึงจะพูดคุยด้วยความเป็นกันเอง โดยเฉพาะเด็กๆ จะต้องใจเย็น มีจิตวิทยา ผู้สูงอายุจะต้องช่วยชี้ ช่วยบอก บางครั้งก็มีพูดจาหยอกล้อ หยอดมุกให้ทุกคนได้สนุกสนาน เพื่อคลายความกังวลใจ

และจุดถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวประชาชน จะมีโต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมเครื่องสำอาง หวี หนังยางรัดผมวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ เพื่อให้บริการประชาชนได้จัดแต่งทรงผม แต่งหน้าให้เรียบร้อย ก่อนถ่ายภาพทำบัตร เพื่อให้ได้ภาพในบัตรประชาชนที่ดีที่สุด ซึ่งเธอก็จะค่อยๆ อธิบาย จนกว่าจะเข้าใจ เพราะเธอเชื่อว่า ข้าราชการที่ดี ต้องก้มหัวให้กับประชาชน

“ชุดกากีแหละที่ต้องก้มหัวให้ประชาชน ใครไม่ทำแบบนั้น แปลว่าคนนั้นไม่ใช่ข้าราชการ พวกพี่เป็นคนขายบริการนะ อย่าไปเชื่อนะคะว่าราชการแตะต้องไม่ได้ คนนั้นไม่ใช่ข้าราชการ คนนั้นเป็นกาฝาก

คนที่สวมชุดกากีเป็นชุดที่ให้ทุกคนย่ำได้ เพราะเราเป็นดินให้ย่ำ ในหลวงท่านเคยบอกเอาไว้ คนที่สวมชุดกากี คือสีของดิน ในเมื่อคุณสวมแล้วจงบริการเขาให้ดีที่สุด ให้มันเทียบเท่ากับเงินที่เขาให้เราซื้อข้าว ข้าวหนึ่งช้อนเนี่ยเป็นบุญคุณเราตลอดชีวิตนะ อันนี้คือในส่วนของพวกพี่ทำงาน ถึงค่าตอบแทนมันจะน้อย”

นอกจากคนทำงานที่ต้องมีใจรักบริการแล้ว พี่ยุ้ยก็มองว่า การปลูกฝังในด้ารการบริการที่ดีในระบบขององค์กร ก็เป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่นที่ อ.ปราณบุรี เธอก็บอกว่า เป็นบรรยากาศการทำงานที่มีแต่ผู้คนน่ารัก โดยเฉพาะหัวหน้าองค์กร ที่ยอมฟังลูกน้อง เมื่อมีปัญหา ก็ต้องร่วมมือกันหาทางออก

“ใจรักบริการส่วนนึงก็มาจากเราด้วย หน่วยงานด้วยใช่ แต่บางคนมันก็อยู่ที่ส่วนบริการ แต่ไม่บริการนะ (หัวเราะ) อยู่ที่ตัวบุคคลด้วย แม้ว่าตอนนั้นคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ เหมือนเขาเดินเข้ามายังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร ถามเขาคำนึงว่ามีอะไรให้ช่วยไหมคะ คุณโอเคไหม คำนี้นะบางคนร้องไห้ออกมาเลยนะ

ตรงนี้คือหน้าที่ของเราด้วย มันก็เป็นการเติมเต็มความสุขให้เราด้วยนะ ถ้าเราคิดดีๆ ในสมองมันก็จะหลั่งสารบางอย่างมา ออร่าเราก็จะออกมา คุณหน้าตาน่าเกลียดยังไง คุณก็จะดูดี คุณไม่สวยยังไง คุณก็จะดูดี อันนี้พี่เชื่อเรื่องนี้มากเลย พี่เป็นคนไม่สวย พี่ก็เลยพยายามทำให้ความรู้สึกของคนที่มองเราให้สวยเท่านั้นเอง รอยยิ้มเนี่ยแหละ

แล้วแต่องค์กร ที่นี่จะเป็นลักษณะเราคุยกันนะ คุณทำอะไรได้ เราก็จะดันไป อะไรที่เราไม่ไหวจริงๆ เราก็จะดันให้เจ้านายไป ที่นี่น่ารักมาก”


แม้เธอจะดูเป็นมิตรกับทุกคน เพราะด้วยรอยยิ้ม ที่พร้อมทักทายผู้คนอยู่เสมอ แต่เธอก็ยอมรับว่า มีอุปสรรคในการทำงานอยู่บ้าง เพราะการดีลกับคนหมู่มาก เป็นอะไรที่ยากมาก อีกอย่างคือ เมื่อมีคนรัก ก็ต้องมีคนเกลียด ดังนั้น เธอจึงพยายามบอกกับตัวเองว่า อะไรปล่อยได้ก็ปล่อยไป

“ยังไม่เคยเจอแรงๆ เพราะส่วนมากเจอคนแก่ พี่ก็หวัดดีค่ะ ท่าเราไปแล้วอันดับแรก เขาเห็นอย่างนี้ เขาก็หัวเราะแล้ว มีคนรักมีคนชอบ มีคนเกลียด พี่ก็เลยไม่เป็นไร มันก็ไม่ถึงกับดีมาก ก็แอบด่าเหมือนกัน

อย่างวันก่อนจะมีเรื่องกับชาวต่างชาติ ชาวต่างชาติเขาจะด่าเราเสียๆ หายๆ เลยเขามาหย่า แต่ยังไม่อยากหย่า พี่ก็บอกว่าถ้ายังไม่อยากหย่า เขาก็ด่าเรา ว่าเราทุกอย่าง พี่เดินออกนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่จะต่อยให้แน่ ในเมื่อคุณไม่สุภาพกับฉัน พี่ก็เดินหนีไป สมัยนี้พี่ก็ยืนยิ้ม อ๋อไม่เป็นไรค่ะ ทุกอย่างโอเค เขาอยากได้ ก็จบกันไป

ยากพอสมควร เพราะเราไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร เพราะยิ่งเป็นคนที่ต่างวัฒนธรรมเราด้วยแล้ว ถามว่าเราจะเอาเราเป็นตัวหลักไม่ได้แล้ว เราต้องมองรอบด้าน คุยกันว่ามาทำอะไร พี่จะประเมินก่อน เขาจะมาแต่งงาน มีความสุขแน่นอน ก็คุยเล่นได้ เขาอาจจะมาหย่า ก็ไปคุยเล่นกับเขาไม่ได้ ก็จะซีเรียส

ประเมินก่อน ประเมินด้วยสายตา ประเมินด้วยกิริยาของเขา อย่างเคสนั้นพี่ก็เดินออกไป ไปเข้าห้องน้ำ ล้างมือ ก็โอเค เขาก็ยอมมาขอโทษพี่ เพราะพี่ไม่โวยวายใส่ ไม่ต้องรีบ เราไม่ต้องการชนะหรอก แต่ว่าเราไม่อยากจะไม่สบายใจ ตัดปัญหาซะ อะไรวางได้ ปล่อยได้ ถือก็หนัก หนักเกิน เพราะว่าถ้าเราปะทะไป เรื่องมันก็จะไม่จบไม่สิ้น”

แน่นอนว่าด้วยลุคที่ขัดกับหน่วยงานที่ทำอยู่ แต่เธอมีดีในตัวเอง จึงสามารถฝ่าด่านพิชิตใจองค์กร เข้ามาทำงานที่นี่ได้ แถมเธอยังเป็นอีกหนึ่งคน ที่ทำให้หน่วยงานราชการ เปิดมุมมองให้กว้างขึ้นอีกกับคนมีรอยสักด้วย


ซึ่งนอกจากจะมีใจด้านบริการ ที่เธอมีคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว สิ่งหนึ่งที่เธอบอกก็คือ การทำงานด้วยหัวใจแบบไม่ fake

“อยู่ที่เราทำงาน พี่ก็ทำตามสไตล์ที่พี่เป็น ด้วยความที่เราไม่ fake ไม่ต้องไปโกหกตอแหล ว่าเป็นคนเรียบร้อย เป็นคนห้าว เอาที่เราเป็น อาจจะด้วยอายุของพี่ด้วย ที่ผ่านอะไรมามากมาย เราก็พอจะทราบได้ว่าอะไรสมควรไม่สมควร การวางตัวการใช้อะไรหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่คุณแต่งตัวดี ไม่ใช่แค่รอยสัก คุณพูดจาไม่เพราะ ก็ไม่น่ามองถูกไหม

อันดับแรกคือกิริยามารยาท การใช้ความนอบน้อม บางคนจะมองว่าก้าวร้าวไหมคนที่ชอบรอยสัก ชอบความเจ็บปวดไหม มันก็อยู่ที่แต่ละคน ไม่มีใครชอบความเจ็บปวด อันนี้เขาเรียกว่าความเจ็บปวดที่สวยงาม มันเป็นศิลปะของตัวเราซึ่งมันจะตายไปกับเรา

ทุกอย่างไม่มีความตายตัว ทุกอย่างต้องใช้ศิลปะในการเปลี่ยนชีวิต อันนี้อาจแสดงออกมาในลักษณะรูปธรรม แค่อยากใช้ศิลปะในการพูด การแต่งตัว พี่ก็เลยทำให้เขาเห็น เราก็พอทำงานได้ในสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝัน”


โควิดทำชีวิตพัง แต่ไปต่อได้เพราะลูกชาย

อย่างที่บอกไปว่า ก่อนหน้านั้น เธอใช้ชีวิตอยู่กับสามีต่างชาติ และลูกชายน่ารักอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คน ที่ประเทศเยอรมันนี ด้วยการเป็นช่างสัก

เรียกได้ตอนนั้น อาชีพช่างสักของเธอสร้างชื่อเสียง และเงินทองให้ตัวเองมากมาย จนถึงจุดอิ่มตัว ในปี 2018 เธอจึงตัดสินใจว่าจะกลับมาใช้ชีวิตช่วงบั้นปลาย อยู่ที่เมืองไทยบ้านเกิด ด้วยการแพลนว่า จะกลับมาทำธุรกิจเล็กๆ กับครอบครัว

แต่แล้ววิกฤตโควิด-19 ก็ทำให้ชีวิตที่เธอวาดฝันไว้ พังทลายลงมาต่อหน้าต่อหน้า ไม่ใช่แค่วิกฤตนี้เธอนั้น เธอยังเจอเรื่องเลวร้าย สามีนอกใจ จนตอนนี้ต้องใช้ชีวิตอยู่ลำพังกับลูกชาย 2 คน

“ช่วงวิกฤต พี่กลับมาปุ๊บ 3-4 เดือน โควิดก็มาเลย มันทำให้อะไรหลายอย่างเปลี่ยนแปลงเยอะมาก พี่ไม่ได้โทษว่า พี่เป็นคนดีเสมอ แต่มันมีอะไรรอบข้างประกอบเยอะ แล้วอีกอย่างนึงพี่กลับมา พี่อายุเยอะแล้วนะ พี่ต้องหางานทำ เพราะเงินหมดเหลือ 0 บาท ขอข้าววัดกิน จากที่รายได้ แค่วันเดียวไปเลย เพราะพี่ไปลงทุนธุรกิจที่เมืองจีนกับสามี แล้วก็จบ โควิดรอบ 2 มา พี่ไม่เหลืออะไรเลย อยู่อย่างนั้นมาเป็นปีๆ ไปขอข้าววัดกิน ไม่มีใครช่วยเหลือ

ทุกอย่างที่วาดฝันไว้ว่า จะเปิดร้าน จะทำธุรกิจ ด้วยเงินก้อนนึง ก็คือขายทุกอย่างทิ้งหมดเลย คิดว่าจะมาเริ่มต้นใหม่ คราวนี้สามีพี่ก็เริ่มรับไม่ได้ เขาก็ช็อก เริ่มกดดันจากรอบข้าง สังคมวัฒนธรรม ทุกอย่าง

ความฝันของพี่คืออยากจะเปิดธุรกิจ ทำ Booking จากเมืองนอก เข้ามาไทย ก็จะมีธุรกิจเลี้ยงดูลูกไป แต่โควิดมา จบ ไม่เหลือเลย”


แม้ว่าจะผ่านเรื่องราวที่ทำให้ท้อแท้มามากมายในชีวิต เธอก็พร้อมลุกขึ้นสู้เพื่ออนาคตที่ดีของลูกชาย ซึ่งเธอบอกว่า ทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามา ก็พยายามมองในแง่บวกเสมอ

“ก็ผิดหวังอยู่ ร้องไห้อยู่นาน สงสารลูก มองที่ลูก อันนั้นคือชีวิตของเราข้างหน้า เพราะเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ สุดท้ายก็คือมองลูก พี่ลุกขึ้นทันที พี่หยุดร้องไห้ พี่บอกตัวเอง ค่อยๆ เสาะหา ก็ได้รับกำลังใจ เพราะว่าพ่อแม่พี่เสียหมดแล้ว พี่เลยไม่มีใคร ดีที่สุดคือตัวเรา ให้กำลังใจตัวเอง

ใครก็บอกว่าสู้ดิ ลุกดิ คุณทำไม่ได้หรอก รอให้มันหายบ้า หายเครียดสักพักนึง เดี๋ยวเขาจะลุกขึ้นสู้เอง แต่ว่าไอ้ข้างๆ เรา ชีวิตนี้มันมีเราแค่คนเดียว เพราะฉะนั้นต้องเก่ง ต้องไปกันให้รอด พี่ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่พี่มีความสุขตอนนี้ ตอนนี้แหละคือสุขที่สุด

ขอบคุณวันนี้ที่มีงานทำ ตื่นเช้ามาขอบคุณทุกวันว่าฉันตื่น มีคนข้างๆ ที่น่ารักก็พอแล้ว มีข้าวปลากิน ฝนตกไม่รั่ว วันนึงถ้าถึงจุดๆ นี้แล้วจะรู้ว่า พี่เจออะไรมาบ้าง พี่เคยมีรถใหญ่ มีฮาเล่ มีทุกอย่างมาหมด แต่เรามีตรงนั้นคือพี่ไม่เคยเป็นหนี้ บ้านพี่จะไม่เป็นหนี้ ไม่มี ไม่กิน ไม่เอา ไม่สร้างหนี้

และแม้จะไม่ได้ชีวิตที่ดูจะสนุกสบายเหมือนเมื่อก่อน แต่เธอกลับบอกว่า ทุกวันนี้การได้ใช้ชีวิตอยู่กับลูก ไม่ต้องไปฟาดฟันกับใคร คือชีวิตที่มีความสุข และตามหามาตลอดชีวิตแล้ว

“ไม่ต้องฟาดฟันกับใคร มีความสุขจริงๆ ไม่เคยสุขเท่านี้มาก่อน พี่ไม่ต้องคิดอะไรเยอะมาก พี่ได้ยิ้มทุกวัน ได้สนุก ได้ดูแลลูก ได้ใช้ชีวิตตัวเองที่สงบบ้าง นี่คือสิ่งที่ต้องการมาทั้งชีวิต คือสงบด้วยการที่กลับบ้านไป แล้วเรามีเวลาอ่านหนังสือ แล้วเรามีความสุข เรามีเป็ด มีไก่ ปลูกผักกินเอง ไม่ต้องเข้าตลาดได้ พี่ไปขอข้าวข้างบ้านได้ พี่ได้ปลาตัวใหญ่ นี่เรื่องจริง

อันนี้ทุกคนบอกอยากทำอย่างนี้บั้นปลาย ไม่มีใครทำสำเร็จหรอก เพราะเขายังยึดติด พี่ไปโดนความลำบากมาไง เราก็เลยต้องอยู่กับมัน แล้วก็อยู่กับธนาคารผักของพี่ พี่มีความสุขมาก

แต่ว่าพี่เป็นห่วงลูกมากกว่า มันจะใช้ชีวิตยังไงถ้าไม่มีฉัน ถ้ากูตายไปวันนึงกลับบ้าน มันจะอยู่ยังไง เพราะเรามีกัน 2 คน ญาติพี่น้องก็ไม่มี อีกอย่างนึงพี่กลัวเราติดต่อเขาไป พี่กลัวว่าเขาคิดว่าเราจะยืมเงิน มีช่วงนึงที่ร่วงเลย แต่เราฮึดขึ้นมา นอนริมทาง คุ้ยขยะ โดนมาหมด กลับมาเมืองไทยโดนมาเยอะเลย ไม่อยากพูด แต่มาได้ขนาดนี้ ก็โอเคแล้ว”


จุดเริ่มต้นรอยสัก เพราะโดนเหยียดสารพัด

แม้เธอจะเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะมาก แต่กว่าเธอจะตัดสินใจ ให้มีรอยสักบนร่างกายตัวเอง ก็อายุประมาณ 30 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งจุดเริ่มต้นรอยสักของเธอจริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าเพราะความชื่นชอบเท่านั้น แต่เธอสักไว้เพื่อป้องกันตัวเอง จากการโดนเหยียดสารพัด

“คนพวกนี้เขาเหยียดเราเลย เพราะฉันเป็นผู้หญิงไทย พี่โดนตราหน้าที่เมืองนอก พี่โดนผู้ชายเดินมาจับหน้าอก เดินมาจับก้น ผู้หญิงหัวดำเนี่ยเขาจะบอกเลย ผู้หญิงพวกเธอ บางคนเขาไม่สนใจหรอก เป็นลูกใคร มีเงินแค่ไหน เพราะคุณผมดำ แล้วยิ่งรู้มาจากเมืองไทยเรียบร้อย ประเทศไทยเขาไม่รู้จัก เขารู้จักประเทศพัทยา ประเทศภูเก็ต

พี่ป้องกันตัวเองเลย ตอนนั้นพี่มีเรื่องขึ้นศาลนะ ด้วยเหตุที่พี่ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ พี่เป็นคนใจดีมาก เป็นครั้งแรกพี่ใช้มวยไทย แม่ไม้ทุกอย่างพี่เรียนมา พี่จัดหนักไปเลย จมูกเบี้ยว ดั้งหักกันไปเลย

พี่ร้องไห้ไป พี่ไม่ไหวแล้ว เลยคิดในใจว่า ฉันต้องทำอะไรเพื่อป้องกันตัว คนพวกนี้มันจะมีกลุ่มที่มองผู้หญิงไทยแบบนั้น แล้วก็จะใช้การสักของพี่เนี่ย เหมือนด่านป้องกัน เขาจะมองเราเลยว่า เขาไม่กล้าเข้าใกล้ พวกนี้เขาจะกลัวยากูซ่า เขาจะกลัวคนที่มีรอยสัก ยิ่งผู้หญิงแกร่งขึ้นด้วย

นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่พี่สักเยอะ สักที่โน่นคือป้องกันเรา ไม่ใช่คนออกมาจากคุกนะคะ คนสักจะต้องมีเงินเท่านั้น รอยสักนึงเหยียบแสนเหยียบล้าน พี่เคยสักหลังคนที่โน่น พี่แลกฮาเล่ได้คันสองคัน พี่ทำงานเป็นรายชั่วโมงนะ”


สารพัดเรื่องราวที่เธอเคยโดนกระทำรุนแรงทั้งด้านร่างกาย และจิตใจมา เธอจึงมีความฝันอันแน่วแน่ว่า อยากเป็นล่ามช่วยเหลือคนอื่น ซึ่งตอนนี้เธอก็กำลังเรียนต่อเกี่ยวกับด้านกฎหมาย เพื่อต่อยอดความฝันนี้ให้สำเร็จ

“ตอนนี้ตัวพี่เองก็มาเรียนในเรื่องนิติศาสตร์ของ มสธ.(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) นะคะ ก็ลงเรียน ความฝันของพี่คืออยากเป็นล่ามภาษา ซึ่งปัจจุบันก็ทำอยู่ ตอนนี้ตัวพี่เองก็ยังเป็นล่ามอาสาอยู่

เอาตัวเองให้รอด แล้วพาตัวเองไปถึงจุดนั้น วันนั้นพี่อาจจะเป็นล่ามที่มีรอยสัก เป็นอะไรที่ทำที่บ้านได้ แล้วก็เกี่ยวกับงานกฎหมาย พี่จะช่วยเหลือ พี่เคยเจออะไรมามากมาย คนที่ไม่ทราบกฎหมายมากมาย เขาไม่กล้าเข้าถึง

พี่ก็เป็นชาวต่างชาติที่อยู่ที่นั่น เราก็เป็นต่างด้าวคนนึงที่นั่น ซึ่งทรมานมากเลย คือหันซ้ายหันขวาพึ่งใครไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นตอนนี้พอพี่ได้เรียน พี่ก็อยากเป็นส่วนนึงเพื่อที่จะช่วยเหลือเขาด้วย ได้ตังค์ด้วย ก็คงไม่ธุรกิจจ๋ามาก ก็ดำเนินชีวิตพอได้ 

เราก็อายุเยอะแล้ว ตอนนี้เงินเกษียณพี่หายสิ้น ต้องดูแลตัวเอง ต้องเก็บต้องสะสม ภาคภูมิใจตอนนี้ว่าเราไม่อดตายนะ ถึงมันจะเป็นค่าตอบแทนที่แทบจะน่าตกใจกับงานที่เราทำ ก็อยู่ได้ มีความสุข

ตอนนี้พี่ก็ต้องทำงาน ใช้ชีวิตให้ได้ อยู่ให้ได้นานที่สุด พี่สามารถทำอะไรได้ แปลเอกสารได้ พี่ก็ปูทางให้ลูกอีกที พี่มาเรียนนิติศาสตร์ก็เพราะตรงนี้แหละ ซึ่งมันพลิกมาเลย”




หลงใหลในศิลปะบนเรือนร่าง จนต้องเปิดร้าน

พี่ยุ้ยช่วยเล่าประสบการณ์ ตลอดระยะเวลาที่ทำอาชีพช่างสักมากว่า 10 ปี อาชีพนี้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ง่ายๆ เพราะนอกจากการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ชำนาญ เธอต้องไปเรียนเพิ่มอีกหลายด้าน

“เรียนเกี่ยวกับ anatomy cover ทุกอย่าง การใช้กล้ามเนื้อ การบิดกล้ามเนื้อ ซ้ายขวา ก็เรียนมา พี่ก็ใช้ตัวนี้มาผสมผสาน ด้วยการ drawing บนร่างกาย

สมมติเขาอยากสักอะไรสักอย่างนึง ไปเอากระดาษมาให้พี่ เขาบอกฉันอยาก copy แต่พี่ develop แล้วเอาความเป็นสไตล์เราใส่ไปตามกล้ามเนื้อของเขา ซึ่งถูกใจ พี่ก็เริ่มต้นจากตรงนั้น แล้วก็ไปเรียน เพราะที่นู่นเราต้องเรียนนะ ไม่ใช่อยู่อยู่ไปเปิดร้านเลยไม่ได้ ภาษาอังกฤษต้องได้

ไปเรียนเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจการเปิดร้าน ไปเรียนเรื่องเกี่ยวกับการทำความสะอาดพื้นฐาน ก็คือเหมือนอนามัยบ้านเรา พี่สอบได้ใบเทียบเท่ากับผู้ช่วยพยาบาล พี่สามารถที่จะฉีดยา ฉีดน้ำเกลือได้ พี่ได้เรียนแล้วก็อบรมในการใช้ห้อง ใช้เครื่องมืออุปกรณ์ เจาะ กรีด ผ่า พี่ทำหมด พี่มีใบเซอร์ทุกตัว

มันไม่ใช่มาเปิดตามร้านตลาด ไม่มีใครเป็นหลักประกัน พี่ต้องมีเอกสารร่างทนายความ ให้เขาเซ็นต์นะ อันนี้คือระบบการดูแลของเขาดีมาก สนุกมากด้วย ได้ชื่อเสียงกลับมาเยอะ”

ถ้าใครอยู่ในวงการสัก น่าจะรู้ชื่อร้าน “Om Sakya Tattoo Studio By Yuy”เป็นอย่างดี เพราะมีชื่อเสียง และราววัลการันตีมาแล้วในต่างประเทศ

“ที่ได้รางวัล ที่ปราก ที่เบอร์ลิน ที่เยอรมันนีจะเยอะมาก ที่โอมาน รัสเซีย แต่ที่เช็ก ที่ปราก ที่พี่ไปโชว์งานใหญ่ที่สุด คือร่างกายของผู้หญิง พี่ใช้เวลาอยู่ 2 ปี ได้ค่าเหนื่อย รางวัลอยู่ที่ 1 ล้าน 5 แสนบาท

สักทุกส่วน ไม่มีเว้น สักเข้าไปยันก้น ยันตรงนั้น แล้วพี่ก็ได้รางวัลมา ได้ถ้วยมา ก็สร้างชื่อให้ตัวเองพอสมควร ลงหนังสือหลายเล่ม มันเป็นช่วงจังหวะ นี่คือสุดแล้วตอนนี้

พี่จะสักให้คนที่นั่นเยอะมากเลยนะ ทั้งนายกเทศมนตรี ก็มีชื่อเสียงพอสมควร หรือว่าเป็นหัวหน้าคุณหมอ หัวหน้าศาล ผู้พิพากษานี่เยอะมาก มีแต่คนมีชื่อเสียง”








นอกจากจะสักให้คนอื่นแล้ว เธอยังสามารถสักให้ตัวเองด้วย ซึ่งลายอยู่บนคอ ลงไปเกือบถึงหน้าอก เธอก็โชว์ฝีมือสักเองมาแล้ว

“นั่งแล้วสักกับกระจกเองด้วย 2 มือ โรดโชว์ของเบอร์ลินค่ะ ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ด้วยศักยภาพความเป็นงานละเอียดของคนไทย และผู้หญิงไทย คำว่าผู้หญิงไทยคำนี้พี่ภูมิใจมาก คนรู้จักเราเยอะขึ้น แล้วเขาก็มองมุมมองว่า ผู้หญิงไทย ไม่ได้มาจากตรงนั้นอย่างเดียว และไม่ได้ทำแบบนั้นนะ

นอกจากนวดที่โดดเด่นแล้ว เรายังมีคนสามารถอีกเยอะแยะ พี่สอนมวยไทย พี่สอนรำดาบไทย ทุกอย่างที่พี่จะค้นพบตัวออกมาได้ เพื่อที่จะโชว์ศักยภาพว่าพี่เคยทำสำเร็จมาแล้ว

ลายในตัวที่ที่ชอบที่สุด ที่รักที่สุดก็คือคำว่านะโม ภาษาบาลี พี่เขาจะเป็นคนไทย ที่อยู่ในแฟรงก์เฟิร์ตมานาน เขาสักให้ อันนี้พี่จะชอบมาก เจ็บที่สุด อันนี้รักที่สุด แล้วอันดับที่ 2 คือ ข้างๆ หน้าทั้ง 2 มันเป็น flower of lift ดอกไม้แห่งชีวิต มีการเวียนว่าย ตายเกิด

อีกฝั่งเป็นลายไทย ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่เจ็บมาก แล้วชนะการประกวดมาเยอะมาก ด้วยเหตุที่ถ้าคุณมองข้างหน้า คุณจะไม่รู้เลยว่าฉันสัก แต่เวลาหันไปคุณก็จะเจอ ซึ่งมันไม่เลอะเทอะ มันยังมีจุดของมัน มันยังมีเสน่ห์ของความเป็นคนไทย ความเป็นลายไทย ซึ่งทุกครั้งที่ชอบโดนแอบถ่ายรูปตรงนี้ ซึ่งน่ารักดี บางทีก็มีคนส่งมาให้เราดู สวยนะ

นอกนั้นก็จะเป็นทุกประเทศเลยที่พี่ไป พี่จะแลกกับช่างสักระดับโลกทั้งนั้น ที่ดังๆ ซึ่งงราคาสักเนี่ย คุณซื้อรถคันใหญ่ๆ สปอร์ตใหม่ๆ ได้เลย หลักล้าน คนคนนี้ถ้าสักหลักล้าน แต่พี่ก็ได้เขามา เป็นคนที่สักให้ยากูซ่า

ไม่ใช่สักเฉยๆ นะ เขาสอนการใช้ชีวิตเรา มันเป็นเรื่องของนกกระเรียน พี่ชอบนกระเรียน กับดอกโบตั๋น นกกระเรียนคือความอายุยืนยาว ดอกโบตั๋นคือความเป็นตัวเรา ส่วนมากพี่จะชอบเป็นลายดอกไม้ แล้วก็มีลายไทย”


สุดท้ายเดินสายราชการตามครอบครัว

เธอบอกว่าครอบครัวเธอรับราชการทั้งหมด มีเธอเพียงคนเดียว ที่แตกต่างจากคนอื่น คือตัดสินใจไปเรียนสายศิลป์ เพราะชื่นชอบในศิลปะ

แม้ครอบครัวจะเดินสายราชการทั้งหมด ก็ไม่มีใครบังคับเธอให้เดินรอยตาม เพราะพ่อกับแม่ค่อนข้างที่จะเปิดกว้าง ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็น

“คุณแม่พี่เขาอาจจะเป็นแนววัยรุ่นนิดนึง ความเปิดกว้างเขาจะเยอะ เขาจะให้ความเป็นพี่มาก ใช่พี่อาจจะโดนกดดันมาตั้งแต่เด็กเรียนแบบนี้มา ขึ้นรถยนต์มีคนขับ ตอนนั้นเราสามารถที่จะเลือกอะไรก็ได้ พี่อยากเรียนอะไรพี่อยากทำอะไรเขาก็ไม่เคยว่า

เขาก็อาจจะมีนิดๆ ว่า ทำไมถึงไม่เป็นพยาบาล ทำไมถึงไม่เป็นนายทหารหญิง เก่งภาษาทำไมไม่ไปทำเรื่องงานทูตแบบพ่ออะไรอย่างนี้ บางทีพี่ก็ตามตูดพ่อไป ตามแม่ไปบ้าง พ่อไปอยู่เมืองนอกก็ไป พี่ก็ทำได้หมด แต่คราวนี้เรามาเจอตัวเองว่าเราต้องใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ก็คืออาจจะเป็นคนอย่างนี้ด้วย

บอกตรงๆ คุณแม่พี่ก็เป็นบ้าน 2 อะนะ เพราะสมัยก่อนเขาชอบมีภรรยาหลายคน พี่จะถูกเลี้ยงในลักษณะแบบไม่คุณหนูนะ เออเกือบๆ แหละ เขาจะมีข้อแม้เยอะ ระวังนะ คนเห็นนามสกุล ต้องเป็นอย่างนี้หรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นพี่ชายพี่ก็สอบนายทหาร ก็เริ่มจะเข้าในสังคมนึง ตัวพี่เองก็เริ่มเบื่อ เพราะพี่จะทำอะไรที่มันต่างไปเยอะมาก ก็อาจจะแปลกแยก

แม่เป็นคนที่ด่าใครไม่เป็น แม่ด่าใครคำนึง เขาก็จะเสียใจ เสียน้ำตาไหล ร้องไห้ จะต่อสู้อะไรกับใครไม่ได้เลย พี่เลยจำเป็นจะต้องแกร่งในบ้าน ต้องแกร่งเพื่อจะดูแลแม่ เพราะพี่ชายพี่ก็จะไม่อยู่ ไปเรียน นานๆ เขาก็จะกลับบ้านที

พ่อจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ นานๆ เราจะได้เจอกัน นานๆ เขาก็จะมาเยี่ยมเราที่บ้าน ที่โรงเรียน แกจะไม่ค่อยมาวุ่นวาย ซึ่งถ้าเขามีชีวิตอยู่ก็ 90 กว่าแล้วนะ เพราะว่าพี่เป็นลูกที่หลงมา หลงสุดท้องเลย คือคุณพ่อคุณแม่จะ 50 ปีแล้ว ถึงมีพี่ ก็เลยแบบช่องว่างเราจะเยอะ

เพราะพี่ไปเป็นเด็กแนวอาร์ต เขาก็จะไม่ค่อยมีคอมเมนต์อะไรมาก อย่าสักเยอะ เขาก็ยิ้มๆ แต่เขาไม่ค่อยพอใจตั้งแต่พี่เรียนอาร์ตแล้วแหละ เพราะพี่จะเบนจากสายวิทย์ ไปสอบช่างศิลป์ ใช้ชีวิตสุดๆ

พี่เป็นคนชอบดนตรี เนี่ยแหละส่วนนึงที่ทำให้พ่อพี่ไม่ค่อยถูกใจ เพราะพี่จะชอบศิลปะ ชอบดนตรี พี่ก็จะเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ไปดู Street walking ของชาวผิวดำอะไรอย่างนี้

เราอาจจะเห็นอะไรในครอบครัวที่มันเบื่อ ในสังคมทหาร ทหารมีคนดูแล ซึ่งก็ต้องยอมรับเราในส่วนที่เราเป็น เราบอกพ่อว่าหนูเรียนสายอาร์ต สามารถเอาดินมาปั้น เพื่อที่จะหาเงินมาใช้ได้ โดยที่วันนึงถ้าหนูไม่มีเงินสักบาทนะ วันนึงเคยบอกแกแบบนั้น ก็ไม่คุยกับพี่เลย 4-5 ปี”


เงินเดือนไม่เยอะ แต่มั่นคง

เธอบอกว่า แม้เงินเดือนราชการ ที่ทำอยู่ตอนนี้ จะน้อยกว่าอาชีพช่างสัก ที่เคยทำอยู่เมืองนอกหลายเท่า แต่เธอก็มองในเรื่องของความมั่นคง ที่จะไม่ตกงาน

“ทำให้ดี ไม่ตกงานแน่ๆ ถ้าไม่ไปทำอะไรผิดระเบียบ เราไม่ตกงาน เรามีงานทำ เรามีข้าวกิน เรามีเงินให้ลูกไปโรงเรียน ซึ่งมันไม่ได้เหลือ แต่ว่าเราก็ยังทำอย่างอื่นต่อได้ เรามีต่อยอดของเรา เราไม่ตกงานแน่นอน

พี่ไม่ต้องมานั่งฟาดฟันรอว่าโรงงานจะปิด บริษัทจะปิด พี่เคยโดนบริษัทปิดตัว ติดเงินพี่หลายแสนก็มี เพราะทุกอย่างมันไม่มีอะไรมั่นคง หรือว่าแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนี้งานในสายงานราชการ ซึ่งพอจะให้เราอยู่ได้ รักเขา ทำงานอยู่กับเขาให้ได้ อะไรที่ไม่ควรสนใจ เราก็ไม่ต้องไปสนใจมาก”

แม้จะหันเหมาสู่งานราชการ แต่เธอก็ยังไม่ทิ้งอาชีพช่างสัก เพราะยังมีลูกค้าจากต่างประเทศแวะเวียนมาใช้บริการสักกับเธออยู่บ้าง

“ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าจากเมืองนอก มาเที่ยวที่เมืองไทย เขาตั้งใจมา แล้วก็มาเที่ยวด้วย แล้วก็อีกอย่างนึง พี่สู้เด็กยุคใหม่ไม่ได้แล้ว เพราะว่าเด็กๆ เก่งมาก แต่ว่าพี่ก็ใช้ประสบการณ์มากกว่า พี่ขออยู่ตรงนั้นแหละถ้าฝืนทำต่อไป พี่ร่วงแน่ สู้เขาไม่ได้จริงๆ มีอะไรที่เด็ดๆ เยอะมาก เด็กยุคใหม่

ยุคพี่เขาเรียกว่า มันเป็นเหมือนหนังสือ ที่ถูกวางไว้บนหิ้ง แล้วเป็นแบบนี้มา มันดีแค่นี้แหละ สิ่งที่เราทำ ถ้าเราฝืนทำต่อไป เราอาจจะไม่เหลืออะไรให้เขาจดจำ เพราะฉะนั้น ที่เหลือก็คือทำ ดำเนินชีวิตได้

อย่างเดือนนึงพี่สักมากกว่าเงินเดือนพี่ตอนนี้ประมาณ 3-4 เท่าเลย ทุกวันนี้พี่ก็รับงานอยู่ ตอนที่บูมมากๆ เดือนนึงตก 7 หมื่นยูโร คูณ 50 ดู แต่ถ้าบูมจัดๆ ดังสุดๆ เลย 4 พัน 5 พันนี่ได้แล้ว ถ้าหักเบ็ดเสร็จแล้วพี่เหลือ 3-4 พันยูโร ตก 3 แสนบาท แต่ว่ามั่นคงไหม ตอนนั้นมั่นคง แต่ด้วยเหตุที่ว่าเราพอ ตอนนั้นพี่ก็เริ่มอายุเยอะ ก็อยากจะกลับมาอยู่บ้านแล้วเนอะ

แต่พี่อยู่ได้ไง ก็อยู่ที่เราปรับตัว ต้องบอกว่าหลายสิบเท่าเลย อันนี้อาจจะเป็นแค่แบบค่าทิปพี่มากกว่า เมื่อก่อนนะ ถ้าเงินเดือนเท่านี้ พี่สักแค่ 2 ชั่วโมง แต่ก็ทำจนกว่าไม่ไหว ทำไปเรื่อยๆ พี่ก็ยังรัก ยังชอบเขาอยู่”


ชอบปาร์ตี้ แต่ไม่ดื่ม ไม่ยุ่งกับยาเสพติด
 
 “พี่เป็นคนที่ไม่ดื่ม เรื่องเกี่ยวกับแอลกอฮอล์พี่แพ้ ยาเสพติดพี่กลัว ดื่มเหล้าแล้วตัวบวม แพ้ ได้กลิ่นอะไรทั้งหลายแหล่พี่ก็กลัว พี่เป็นคนขี้กลัวนะเห็นแบบนี้ พี่ถึงชอบสักไง ป้องกันร่างกาย ป้องกันเรานะ พี่เข้าใจเราเป็นคนอ่อนแอมากเลยนะ เราไม่ต้องการให้ใครมาทำร้าย เพราะคนเขาเห็นเราข้างนอกช่างแกร่งก้าน

ฉันก็อยากดื่มเป็น ก็พยายาม ดื่มไป 2 แก้วก็อาเจียน มันอ้วก มันบวม ก็ไม่ดื่ม เข็ด แม้แต่แอลกอฮอล์ที่ฉีดมือเราก็ต้องระวัง ดูเหมือนแกร่งเนอะ แต่ไม่ใช่ ไปไหนกับเพื่อนก็เมาดิบตลอด เอาโค้กผสมน้ำแข็ง ให้มันดูเท่ๆ หรือไม่ก็พาเพื่อนกลับบ้านตอนเมา ปาร์ตี้ ชอบดนตรี ดื่มไม่ ถือขวดก็คือถือนะคะ แล้วก็แอบทิ้ง ทุกคนก็งงว่า อีนี่ไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นยา

ถึงจะมีรอยสักน่ากลัวอะไร ทุกคนก็จะบอกว่า เธอให้ด่าใคร เขาก็ไม่กลัวเธอหรอก พี่อุตส่าห์ทำหน้าโกรธแล้วนะ ทำตาโกรธ มีรอยสัก เขาก็ไม่กลัว เขาหัวเราะคิกๆ พี่ก็เลยกลายเป็นคนแฮปปี้

เลือกเอาว่า บางครั้งตัวผิวเผิน คนจะมองอันดับแรกเลยค่ะ รอยสักไม่ได้มีปัญหา ก็คือต้องเปิดใจกว้างดู คนมีรอยสัก แต่ก็นุ่มนวลก็มี พี่บอกไม่ถูกอะ เพราะเรื่องพวกนี้มันแล้วแต่คน มันจะมีออร่ามาจากร่างกาย ว่าคนนี้น่าคุยด้วยนะ อันดับแรกคือรอยยิ้ม”





ดูโพสต์นี้บน Instagram

โพสต์ที่แชร์โดย LIVE Style (@livestyle.official)





@livestyle.official ..."เจ้าหน้าที่ทำบัตร" ที่ชาวโซเชียลฯ แห่ชื่นชม @yuywhat... . อาชีพที่จับพลัดจับผลูได้มาทำ กับจุดเริ่มต้นสักเต็มตัว ฝ่าเรื่องโดนเหยียดสารพัด อะไรที่ทำให้เด็กนอก ลูกนายพล หันกลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย หลังจากไปกว่า 20 ปี พร้อมความฝันที่เธอหอบกลับมา . #LIVEstyle #LIVEstyleofficial #ข้าราชการรอยสัก #พี่ยุ้ยทำบัตร #เจ้าหน้าที่ทำบัตร #เจ้าหน้าที่อำเภอ #ทําบัตรประชาชน #ข้าราชการ #ข้าราชการไทย #ช่างสักลาย #ร้านสัก #รอยสัก #ข่าวTikTok #longervideos #tiktokวีดีโอยาว #มากกว่า60วิ ♬ original sound - LIVE Style


สัมภาษณ์ : ทีมข่าว MGR Live
เรื่อง : พัชรินทร์ ชัยสิงห์
คลิป : ชยพัทธ์ พวงพันธ์บุตร
ขอบคุณภาพ : Facebook “Sutida Raja”, “Om Sakya Tattoo Studio By Yuy” และ TikTok @yuywhat



** มาตามติด ไลฟ์สไตล์บันดาลใจ+ประเด็นสดใหม่ ได้ที่นี่!! **




กำลังโหลดความคิดเห็น